Multi-Brand Stores  รู้หรือไม่ ?! คนไทยช็อปปิ้งผ่าน IG และ Facebook ติดอันดับต้น ๆ ของโลก จน Facebook ต้องสร้างแพลตฟอร์มชื่อ Market place มาเพื่อเติมเต็มความต้องการของบรรดาผู้บริโภค สะดวกสบายทั้งตัวผู้ขายและผู้ซื้อ

 

โดยคนไทยส่วนใหญ่ค่อนข้างชื่นชอบการค้าขายผ่านทางออนไลน์แบบนี้ ที่เราเรียกกันว่า “Social commerce” มากกว่า “E-commerce” ที่เป็นทางการมากกว่า E-commerce ต้องมีการลงทะเบียน ผูกบัญชีบัตรเครดิตเพื่อยืนยันตัวตน ซึ่งส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบเป็นเว็บไซต์ หรือ “add to cart”

 

ส่วน Social Commerce ถูกใจคนไทยเพราะไม่มีขั้นตอนยุ่งยากแถมยังสะดวกสบายกว่า แค่ทักแชท ส่งรูปสินค้า ส่งสลิปโอนเงิน จากนั้นนั่งแกว่งขารอพี่ไปรษณีย์มาส่ง แล้ว Multi-Brand Stores คืออะไร?

เริ่มต้นทำธุรกิจ “5สิ่งที่ต้องทำ เมื่ออยากเริ่มต้นทำธุรกิจ”

 

สิ่งถัดมาคือการเกิด Multi – Brand store ซึ่งเกิดจากการต่อยอดมากจากสิ่งที่เรียกว่า “ตลาดนัดไอจี” ถือเป็นมิติใหม่ของการซื้อสินค้าออนไลน์ เพราะทำให้ผู้บริโภคได้ลองหยิบจับสินค้าจริงก่อนตัดสินใจซื้อ จริง ๆ แล้ว เราสามารถมอง Multi Brand store เป็นเหมือนกับห้างสรรพสินค้าขนาดเล็ก ที่เปิดโอกาสให้แบรนด์ออนไลน์ได้มาร่วมทุนเช่าพื้นที่ภายในร้านเพื่อนำสินค้ามาวางขาย ทำให้กลายเป็นร้านค้าที่รวบรวมแบรนด์สินค้าออนไลน์จาก Instagram และ Facebook

 

 

ในประเทศไทย ร้าน Multi – Brand Stores ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักในปัจจุบันมีอยู่ 4 แบรนด์ ได้แก่ SOS, CAMP, Matchbox และ Gloc

โดยทั้ง 4 ร้านมีจุดสำคัญในการก่อตั้งร้านค้าเหมือนกัน คือ เริ่มจากการเป็นผู้ขายสินค้าหรือมีแบรนด์ของตนเอง ขายผ่านทางโซเชียลมีเดีย และเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการมีหน้าร้านนั่นเอง

แต่ทั้ง 4 ร้านก็มีจุดแข็งต่างกันไปนะ อย่าง Matchbox ที่เลือกตกแต่งร้านในแต่ละสาขาต่างกัน อาศัยจากที่คนไทยชอบถ่ายรูป อัพลงโซเชียลมีเดีย

 

ส่วนจุดแข็งที่มีร่วมกันของทั้ง 4 ร้าน ก็คือ การเลือก “ทำเล” สังเกตได้จากการที่ที่ตั้งของแต่ละร้านจะต้องอยู่ในย่านใจกลางเมือง เดินทางสะดวก เป็นที่รวมตัวของวัยเรียนไปจนถึงวัยทำงาน

จากการศึกษา Multi brand Stores ชื่อดัง เรายังพบอีกว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะมีการเลือกชมผ่านทางออนไลน์ก่อนมาลองที่หน้าร้านว่าใส่แล้วเหมาะหรือไม่  ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นจุดร่วมของความต้องการระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย

 

 

นั่นก็คือการนำจุดเด่นของโลกออนไลน์ เข้าถึงง่าย สะดวก ประหยัด สามารถรับชมสินค้าผ่านรูปถ่ายก่อน ร่วมกับการมีหน้าร้านทำให้ผู้บริโภคสามารถมาลองสวมใส่เสื้อผ้าก่อนได้ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคด้วยความหลากหลายของสินค้าที่ใกล้เคียงกับสไตล์ของตน

 

 

“ หน้าร้านคือตัวกลางในการเชื่อมต่อโลกออนไลน์กับออฟไลน์เข้าไว้ด้วยกัน

เปิดพื้นที่ให้ร้านค้าหรือแบรนด์สินค้าจากโลกออนไลน์ที่สนใจ

อยากให้ลูกค้าตนได้ทดลองใส่เข้าร่วมและนำของมาวางขาย ”

 

 

การที่จะทำธุรกิจเปิดร้าน Multi – Brand Stores ไม่จำเป็นต้องเป็นร้านเสื้อผ้าแฟชั่นเท่านั้น แต่ยังมีร้านค้าประเภทเครื่องสำอางและ Stationary  ก็เป็นที่น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะตลาดเครื่องสำอางมัลติแบรนด์ในตอนนี้ ต้องถือว่าคู่แข่งหลักเป็นแบรนด์ของคนไทยกันเอง โดยเฉพาะอีฟแอนด์บอยและคาร์มาร์ท ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

 

มาถึงตรงนี้แล้ว น้อง Multy เชื่อว่าหลาย ๆ คนเริ่มสนใจ Multi – Brand Store กันบ้างแล้วล่ะสิ

 

 

ถ้าหากแม่ค้าพ่อค้าออนไลน์คนไหนอ่านถึงตรงนี้กันแล้วสนใจอยากมีหน้าร้าน ส่งสินค้าไปให้ร้าน Multi – brand stores ก็สามารถติดต่อทีมของ Multy ได้แล้วนะ ทีมของ Multy มีร้านพันธมิตร Multi brand store หลากหลาย ทั้งร้านเสื้อผ้าแฟชั่น รวมถึง stationary อีกด้วย

หรือเจ้าของร้าน Multi – brand store คนไหน อยากมีสินค้าใหม่ ๆ ไปขายที่ร้าน ก็ติดต่อมาที่ทีมของ Multy ได้เลย MultiOne – ระบบจัดการร้านมัลติแบรนด์

Learn More

ระบบจัดการสต๊อกสินค้า ทุกคนสงสัยสินะ ว่าทำไม Multy ต้องมาคุยเรื่องนี้ จริง ๆ แล้วระบบจัดการสต๊อกสินค้าคือ การติดตามและบริหารสินค้าในร้านให้พอดีกับความต้องการของลูกค้าหรือพอดีต่อการขายนั่นแหละ

ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญกับธุรกิจมาก อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับเจ้าของธุรกิจหลายคน โดยเฉพาะร้านค้าขนาดเล็กที่นับสต๊อกสินค้าด้วยตนเองหรือใช้ระบบ Manual นั่นแหละ ระบบจัดการสต๊อกสินค้าที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยทำให้มั่นใจได้ว่าร้านของคุณมีสต๊อกสินค้าเพียงพอต่อการขาย

 

เห็นหรือยังว่าเรื่องนี้มันสำคัญยังไง วันนี้ Multy จึงนำข้อดีหลัก ๆ ของการจัดการสต๊อกสินค้าแบบมีประสิทธิภาพมาบอกต่อกัน

 

Stationary กับ 5 สิ่งที่ควรรู้ เมื่ออยากเปิดร้าน

 

 

1.ระบบจัดการสต๊อกสินค้าช่วยลดค่าใช้จ่าย

ทำไมถึงลดค่าใช้จ่ายน่ะเหรอ ก็เพราะว่าระบบจัดการสต๊อกสินค้าช่วยป้องกันปัญหาสินค้าในคลังที่ไม่มีการเคลื่อนไหว หรือ Dead Stock ซึ่งก็คือสินค้าที่หมดอายุ สินค้าที่ไม่เป็นที่ต้องการ หรือสินค้าที่ไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในช่วงเวลานั้น ๆ

 

โดยหากร้านมีการสต๊อกสินค้าประเภทนี้มากเกินไปจะส่งผลเสียต่อการจัดการสต๊อก
นอกจากนี้ยังรวมถึงการจัดเก็บสินค้าในโกดังที่มีค่าใช้จ่ายที่ผันผวนไปตามจำนวนสินค้าที่จัดเก็บ ถ้ามีสินค้าค้างในคลังมากก็ยิ่งใช้พื้นที่เยอะ ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บสินค้าก็จะสูงขึ้นด้วย

“ดังนั้นการบริหารจัดการสต๊อกสินค้าให้ดี

จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้นะ” 

 

 

2.ระบบจัดการสต๊อกสินค้าช่วยให้กระแสเงินสดดีขึ้น

 

 

 

กระแสเงินสด หรือ Cash Flow คือการนับเงินที่ไหลเข้า-ออก หรือเงินหมุนเวียนในร้าน หากเดือนนี้มีเงินไหลเข้ามากกว่าไหลออก (รายได้มากกว่ารายจ่าย) กระแสเงินสดก็จะเป็นบวก ในทางกลับกันหากเดือนนี้เงินไหลออกมากกว่าไหลเข้า (รายจ่ายมากกว่ารายรับ) กระแสเงินสดก็จะเป็นลบ

นอกจากนี้ถ้ากระแสเงินสดเป็นบวกมาก ๆ นั่นหมายความว่าเงินสดในร้านมีการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในทางกลับกันถ้ากระแสเงินสดเป็นลบบ่อย ๆ สุดท้ายเงินสดก็จะขาดมือ และส่งผลให้ธุรกิจดำเนินต่อไปไม่ได้ในที่สุด

 

” ระบบจัดการสต๊อกสินค้าจึงมีความสำคัญอย่างมากกับการจัดการกระแสเงินสด

เพราะสต๊อกสินค้าส่งผลกระทบต่อยอดขายและค่าใช้จ่ายโดยตรง “

 

 

เนื่องจากสินค้าเหล่านี้บอกได้ว่าคุณขายได้เท่าไหร่และคุณต้องซื้ออะไร
ระบบจัดการสต๊อกสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพจึงสำคัญกับการทำธุรกิจ และถือเป็นหนึ่งในหัวใจหลักของร้านค้าปลีกและร้านอาหาร เมื่อคุณอยากเปิดร้านอะไรสักอย่าง คุณก็ควรมีระบบจัดการสต๊อกสินค้าที่ดี เพื่อให้คุณได้เช็กสต๊อกสินค้าได้อย่างแม่นยำ สามารถคาดการณ์ยอดขายได้ และรู้ว่าเมื่อไหร่ควรสั่งสินค้าเพิ่ม

 

ระบบการจัดสต็อกสินค้านั้น ทางทีมของ Multy ก็มีนะ สามารถติดตั้งได้ง่าย ใช้งานก็ง่าย เพิ่มความสะดวกสบายให้กับธุรกิจของเพื่อน ๆ แน่นอน
ถ้าอยากติดต่อทีมของ Mluty สามารถติดต่อได้ที่ MultiOne – ระบบจัดการร้านมัลติแบรนด์

 

 

Learn More

POS สำคัญอย่างไรกับการทำธุรกิจ ?

 

วันนี้น้อง Multy จะเอาข้อมูลดี ๆ มาฝากทุกคนกัน สำหรับคนที่มีธุรกิจหรือร้านค้าเป็นของตัวเองก็น่าจะรู้จักกับ POS เป็นอย่างดี แต่สำหรับใครที่กำลังจะเริ่มต้นทำธุรกิจ ก็ต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่า POS หรือ Point of Sale System คือระบบจัดการหน้าร้าน หรือเข้าใจง่าย ๆ ก็คือ เครื่องที่ตั้งอยู่ตามแคชเชียร์ของร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ นั่นเอง ซึ่งในปัจจุบัน POS ได้ถูกพัฒนามาให้มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการมากยิ่งขึ้น

 

“ดังนั้นน้อง Multy จะมาบอกประโยชน์ของระบบ POS

ที่คนกำลังจะเริ่มต้นธุรกิจควรรู้นะ”

 

1.เช็กข้อมูลได้แบบ Real Time

นี่ถือว่าเป็นข้อดีหลัก ๆ ของระบบ POS เลยนะ ผู้ประกอบการหรือเจ้าของร้านจะได้ใช้ประโยชน์จากส่วนนี้แบบเต็มที่ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณต้องการจะเช็กยอดขาย เช็กสต๊อกสินค้า สามารถทำได้ทันที

 

2.ตรวจสอบจำนวนสินค้าคงเหลือได้ทันที

Multy ขอย้ำจากข้อแรกอีกรอบ ตัวระบบ POS จะมีการตัดยอดสินค้าออกเมื่อมีการซื้อขายและชำระเงิน คุณจึงสามารถทราบจำนวนของสินค้าในร้านได้อย่าง Real Time

 

” นึกถึงตอนที่เราไปถามหาหนังสืออยู่ร้านหนังสือในห้างนั่นแหละ

แค่บอกพนักงาน เขาก็จะบอกมาว่าเหลือหนังสือในสาขานี้อยู่กี่เล่ม

แบบนี้ทำให้สะดวกสบายทั้งกับลูกค้าและร้านเลย “

 

เปิดร้านเสื้อผ้า ในยุคอีคอมเมิร์ซต้องทำอย่างไร

3.ช่วยในการวางแผนภายในกิจการ

เนื่องจากตัวระบบ POS ทำให้รับรู้ถึงสถานการณ์การขายทั้งหมดภายในร้าน คุณจึงสามารถนำข้อมูลเกี่ยวกับการขายแต่ละเดือนมาวางแผนการขายในเดือนต่อ ๆ ไปได้ รวมถึงการนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อส่งเสริมการขายได้เป็นอย่างดีนะ

 

 

ระบบ POS นั้นมีความสำคัญต่อการทำธุรกิจเป็นอย่างมาก เพราะสามารถช่วยจัดการการขายหน้าร้านได้อย่างดี ทั้งเรื่องการคิดเงิน การจัดการสต๊อก และอีกหลาย ๆ อย่าง เมื่อคุณเห็นความสำคัญของ POS แล้ว ก็อย่าลืมที่จะหาระบบ POS ดี ๆ มาเป็นตัวช่วยให้การทำธุรกิจของคุณง่ายขึ้น

 

โดยทางทีมของ Multy ก็มีระบบ POS ที่ช่วยจัดการธุรกิจของเพื่อน ๆ ได้เหมือนกันนะ ทั้งติดตั้งง่าย ใช้งานง่าย ราคากันเอง แถมสามารถติดตั้งได้ตั้งแต่เริ่มธุรกิจใหม่เลยล่ะ MultiOne-ระบบจัดการร้านมัลติแบรนด์

 

 

Learn More

เปิดร้านเสื้อผ้า ถือเป็นธุรกิจปราบเซียนของหลาย ๆ คน เพราะเสื้อผ้าแฟชั่นเป็นสินค้าที่มีตลาดขนาดใหญ่และความต้องการสูง แถมยังมีกลุ่มลูกค้าจำนวนมาก ทำให้มีคนสนใจทำธุรกิจนี้มากขึ้น

 

” คู่แข่งก็เยอะ การแข่งขันก็สูง อัตราการรอดชีวิตในวงการนี้จึงมีต่ำมาก “

 

ถ้าหากคุณไม่อยากเป็นผู้แพ้ มาลองทำตามคำแนะนำของน้อง Multy ก่อนเริ่มกิจการกันดีกว่า

 

1. ใจต้องรักและทุ่มเท

วงการแฟชั่นมาไวไปไว เปลี่ยนแปลงไปมาตลอดเวลา แปป ๆ ก็ตกเทรนด์ ดังนั้นคุณต้องใช้เวลาศึกษา อัพเดตข้อมูลให้ทันเทรนด์ปัจจุบันตลอดเวลา
แน่นอนว่าคุณจะต้องเหนื่อยแน่ ๆ เพราะเรื่องพวกนี้จำเป็นต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจ ในการทำงาน แต่หากคุณมีใจรักและทุ่มเทจริง ๆ คุณก็สามารถสนุกไปกับมันได้

” คิดดูสิ ถ้าเราชอบติดตามเทรนด์แฟชั่นอยู่แล้ว

ก็แค่ประยุกต์จากสิ่งที่เราชอบ มาหาเงินเท่านั้นเอง!! “

 

 

2. ต้องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและสไตล์ที่โดดเด่น

หากคิดจะเปิดร้านเสื้อผ้าแฟชั่น นอกจากการตามกระแสให้ทันแล้ว คุณจะต้องคิดให้ล้ำหน้ากว่าคนอื่นอยู่เสมอ แม้ในเทรนด์ที่กำลังเป็นที่นิยมเหมือนกัน แต่สิ่งที่ตัดสินคือ สินค้าใครมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีสไตล์ที่โดดเด่นมากกว่ากัน

 

 

3. มี Story ที่ชัดเจน บอกชัดว่าร้านและสินค้าของเรา “ขายให้ใคร”

การกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน ว่าเราจะขายสินค้าให้คนกลุ่มไหนเป็นสิ่งสำคัญมากเลยนะ
เพราะมันจะช่วยให้คุณสร้างเอกลักษณ์และสไตล์ของสินค้าและหน้าร้านได้ง่ายขึ้น รวมทั้งยังสามารถตั้งราคาที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าได้อีกด้วย แล้วยิ่งร้านไหนที่มี Story หรือคาแรกเตอร์ชัดเจน จะยิ่งทำให้การสื่อสารของคุณไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายและตรงกว่า

 

“Multy จะยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น ร้านที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กสาววัยรุ่น

ก็อาจจะขายเสื้อผ้าสไตล์เกาหลี หน้าร้านก็ตกแต่งด้วยโทนสดใสน่ารักไงล่ะ”

 

 

4. ขายผสมผสานระหว่างหน้าร้านและออนไลน์

แม้ในยุคอีคอมเมิร์ซนี้จะเป็นยุคแห่งการขายออนไลน์ แต่การเปิดร้านเสื้อผ้าแฟชั่นแล้วมีหน้าร้านจะสร้างความน่าเชื่อถือมากขึ้นอีก

 

ลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่ต้องการลองเสื้อผ้าก่อนตัดสินใจซื้อ การมีหน้าร้านทำให้ความต้องการของลูกค้าในส่วนนี้ถูกเติมเต็มได้

 

“หากคุณยังไม่สะดวกที่จะเปิดหน้าร้าน ทีมงานของน้อง Multy สามารถแมตช์แบรนด์เสื้อผ้าของคุณกับร้านค้าได้นะ ในทางกลับกัน หากร้านค้าของคุณอยากได้สินค้าเพิ่มเติม ก็สามาถติดต่อทีมของ Multy ได้เหมือนกัน”

 

 

5. หาแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือ

ถ้าหากมั่นใจแล้วว่าจะขายเสื้อผ้าแฟชั่นจริง ๆ สิ่งที่จะต้องทำต่อมาก็คือ การหาแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือ ได้คุณภาพ และไว้ใจได้ เพราะมันเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการร้านค้าโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริหารต้นทุน หรือการจัดการสต็อกสินค้า

ถ้าแหล่งผลิตสินค้าไม่มีความน่าเชื่อถือ อาจจะต้องเสียเงินทุนไปกับสินค้าที่ไร้มาตรฐาน หรือถ้าแหล่งผลิตส่งสินค้าให้ล่าช้าแบบไม่มีกำหนด ก็จะเกิดปัญหาใหญ่ที่ทำให้คุณเสี่ยงขาดทุนจนต้องปิดกิจการลง

 

 

6. ทำเลที่ดีมีแต่ปัง

“ทำเล” คือสิ่งที่ชี้ชะตาชีวิตของธุรกิจหลาย ๆ ธุรกิจ เมื่อคุณเลือกคอนเซ็ปต์ว่าจะขายเสื้อผ้าแฟชั่นแนวไหนและขายให้ใครได้แล้ว สิ่งต่อมาคือการเลือกทำเลที่สอดคล้องกับสินค้า และต้องตั้งอยู่ในที่ที่กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงได้

 

“น้อง Multy บอกเลยว่า การโปรโมทที่ดีคือการที่เราต้องนำตัวเอง

ไปอยู่ในที่ ๆ ลูกค้ามองเห็นนะ”

การเลือกทำเลเพื่อเปิดร้านจึงเป็นส่วนสำคัญอย่างมาก เพราะหากอยู่ผิดที่ผิดทางแทนที่ธุรกิจของคุณจะปังก็อาจจะกลายเป็นพังไปซะก่อน

 

 

7. การบริการที่น่าประทับใจ

การสร้างความประทับใจ คือสิ่งที่เราต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้ เพราะถ้าลูกค้าประทับใจ เราจะไม่ต้องเสียเงินจ่ายค่าโปรโมทร้านมากมายเลย และสุดท้ายยังไงลูกค้าก็จะมาหาคุณถึงที่

สิ่งที่ควรระวังคือ อย่าคิดว่าการขายเสื้อผ้าไม่ใช่งานบริการ ถึงแม้จะไม่ใช่โดยตรง แต่การช่วยตอบคำถาม ช่วยเหลือให้คำแนะนำ การแสดงความจริงใจในการขาย สิ่งเหล่านี้เองที่จะสร้างความประทับใจและดึงดูดลูกค้าให้มาซื้อสินค้าของเรา และลูกค้าที่ประทับใจบริการของเรานั่นแหละที่จะเป็นคนดึงให้คนอื่น ๆ ตามมาซื้อสินค้าของคุณเพิ่มอีก

 

” เหมือนกับที่ Multy เคยบอกเสมอ

การบอกต่อปากต่อปากของลูกค้า คือการโฆษณาที่ดีที่สุด!! “

 

เริ่มต้นทำธุรกิจ “5สิ่งที่ต้องทำ เมื่ออยากเริ่มต้นทำธุรกิจ”

เปิดร้านเสื้อผ้า จัดเป็นธุรกิจที่ปราบเซียนมาก แต่คนที่ประสบความสำเร็จก็มีไม่น้อย น้อง Multy ขอเป็นกำลังใจกับคนที่คิดจะเริ่มทำธุรกิจขายเสื้อผ้าแฟชั่นทุกคน และหากคุณอยากให้ทีมของ Multy ช่วยเหลือในการจัดทำระบบหรือติดต่อร้านค้าและแบรนด์ในการขยายร้าน ก็สามารถติดต่อได้ที่ MultiOne – ระบบจัดการร้านมัลติแบรนด์  https://www.facebook.com/Multi1Platform

Learn More

เมื่อพูดถึงร้านเครื่องเขียนหรือร้าน Stationary ฟังดูแล้วเหมือนเป็นธุรกิจธรรมดาทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจขนาดเล็ก ทั้งยังสามารถสร้างผลกำไรที่จับต้องได้

ขั้นตอนการเริ่มเปิดร้านจึงจำเป็นต้องวางแผนให้ดี วันนี้น้อง Multy ก็เลยแอบมาบอกเคล็ดลับที่ควรรู้ เมื่ออยากเปิดร้านเครื่องเขียน

 

1. สำรวจและศึกษาทำเลที่ตั้งร้าน

การเตรียมตัวเพิ่มเปิดร้านสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “สถานที่” สถานที่อย่างใจกลางเมือง ในย่านธุรกิจใกล้สถาบัน โรงเรียน มหาวิทยาลัย คือสถานที่ที่จะเจอกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าในร้านเครื่องเขียน

น้อง Multy อยากแนะนำให้ทุกคน อย่าลืมเข้าไปสำรวจสถานที่ ก่อนตัดสินใจลงทุนนะ เพื่อที่จะได้รู้จำนวนคนและกลุ่มลูกค้าที่เดินผ่านไปมา

 

อีกอย่างพื้นที่ของร้าน Stationary ก็ไม่ควรมีขนาดเล็ก เพื่อรองรับลูกค้าจำนวนมากและไม่ทำให้ลูกค้ารู้สึกอัดอัดในขณะที่ลองเลือกสินค้า

นอกจากนี้ร้านควรมีคลังสินค้าขนาดเล็กสำหรับจัดเก็บสต๊อกสินค้า เพื่อเติมในชั้นวาง

 

น้อง Multy ขอแนะนำว่าการสต็อกสินค้าและจัดทำระบบควรเริ่มทำตั้งแต่ช่วงเปิดร้านแรก ๆ เพราะติดตั้งง่ายและใช้งานง่าย สร้างความสะดวกในการทำธุรกิจให้กับร้านค้ามากขึ้น

 

 

2. สำรวจและเลือกแหล่งค้าส่งสินค้า

ในช่วงแรกเราอาจไม่ต้องลงทุนสูงมาก สัก 2-3 หมื่นบาทเป็นค่าสินค้า ซึ่งหากมีงบมากพอและทำเลที่ตั้งดี ก็ค่อย ๆ เพิ่มจำนวนงบประมาณขึ้น โดยเราสามารถไปสังเกตสินค้าตามแผนกเครื่องเขียนของห้างสรรพสินค้าหรือร้านอื่น ๆ จะได้รู้ว่ากลุ่มลูกค้าที่จะซื้อสินค้าเหล่านี้เป็นใครบ้าง และทำให้แน่ใจได้มากยิ่งขึ้นว่ามีกลุ่มลูกค้าที่จะซื้อสินค้าที่เราตัดสินใจนำมาขายในร้านหรือไม่

 

รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง การรู้กลุ่มเป้าหมายของร้านเครื่องเขียน ช่วยให้เราสามารถเลือกสินค้าที่จะนำมาขายในร้านได้ง่ายขึ้น รวมถึงการสร้างโปรโมชันต่าง ๆ อีกด้วย

 

 

3. เริ่มทำการขายหลังจากที่มีร้านและสินค้าแล้ว

ช่วงแรกของการขาย การตกแต่งหน้าร้านให้ดูแปลกตา โดดเด่น จะช่วยทำให้ลูกค้าอยากเข้ามาซื้อสินค้า และควรจัดวางสินค้าให้ลูกค้ารู้สึกว่ามีสินค้าหลากหลาย ทำให้เกิดการบอกกันปากต่อปาก

 

รู้หรือไม่!! การโฆษณาที่ได้ผลมากที่สุดวิธีนึง (Customer Advocacy)

 

 

4. หาสินค้าอื่น ๆ มาร่วมขาย

น้อง Multy ขอบอกเลยว่า ธุรกิจเครื่องเขียน ไม่จำเป็นจะต้องมีเครื่องเขียนเพียงอย่างเดียว เราสามารถนำสินค้าอื่น ๆ เข้ามาร่วมขาย เช่น กิ๊ฟช็อป เครื่องประดับ และสติกเกอร์น่ารัก ๆ มาวางขายไปพร้อมกัน ๆ ทำให้ร้านได้รายได้เพิ่มเติม นอกจากสินค้าหลักอย่างพวกเครื่องเขียน

ทีมของ Multy เองก็มีแบรนด์ให้เลือกเยอะมาก ไม่ซ้ำกับในตลาด แถมยังทำให้ร้านค้าไม่ต้องลงทุนค่าสต็อกเองด้วย

 

 

5. ระบบคิดเงินที่ใช้

ช่วงแรกของการเปิดร้าน ลูกค้ายังไม่มีจำนวนมากทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ระบบดูแลเงินที่ซับซ้อน สามารถใช้เครื่องคิดเลขและบิลเงินสดเป็นอุปกรณ์แทนได้ค่ะ

การใช้ป้ายติดราคาในสินค้าทุก ๆ ชิ้นในร้านเอาไว้ เพื่อป้องกันการคิดเงินผิดพลาดก็เป็นอีกตัวช่วยนึง

 

ต่อมาเมื่อสินค้ามีจำนวนเยอะและหลากหลายมากขึ้น รวมทั้งยอดขายดีขึ้น ก็อาจหาตัวช่วยเพิ่มเติม เป็นระบบคิดเงิน ระบบจัดการสต๊อกสินค้า หรือระบบบาร์โค้ดเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อให้ระบบการทำงานในร้านมีความสะดวกมากขึ้น

แต่หากต้องการทำธุรกิจที่ยั่งยืน การทำระบบตั้งแต่เริ่มแรก ย่อมทำให้สะดวกสบายต่อการตรวจสอบจำนวนสินค้าและราคา รวมทั้งสถิติต่าง ๆ มากกว่านะ

 

ทั้งหมดนี้คือคำแนะนำของน้อง Multy เมื่อต้องการเปิดร้านเครื่องเขียน ซึ่งนี่เป็นเพียงข้อแนะนำคร่าว ๆ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับธุรกิจอื่น ๆ นอกเหนือจากธุรกิจเครื่องเขียน

อย่าลืมนะ! น้อง Multy ยังสามารถช่วยเหลือคุณในเรื่องของระบบคิดเงินที่ใช้ในร้าน รวมถึงระบบจัดการร้านฝากขาย (Multi-brand Store) MULTIONE APP

ระบบจัดการร้าน Multi-brand และร้านค้าฝากขายของทีม MultiOne มีคุณภาพดีเยี่ยม ราคาเข้าถึงได้ และที่สำคัญคือบริหารจัดการได้อย่างสะดวกสบายทั้งของตัวร้านและแบรนด์เอง https://www.facebook.com/Multi1Platform

Learn More

“เริ่มต้นทำธุรกิจ” และการได้เป็น “เจ้าของธุรกิจ” เป็นหนึ่งในความฝันของวัยรุ่นยุคใหม่ ซึ่งปัจจุบันการเริ่มต้นธุรกิจไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แต่การจะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้นั้นไม่ใช่ทำได้ง่าย ๆ วันนี้น้อง Multy มีแนวทางแนะนำสำหรับคนอยากเริ่มต้นทำธุรกิจมาฝาก

1. เริ่มต้นทำธุรกิจจากสิ่งที่ชอบ (Passion)

ทุก ๆ คนต้องเข้าใจก่อนว่าการทำธุรกิจนั้นยากกว่าที่คิด มีเรื่องที่ต้องค้นคว้าข้อมูลมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรายละเอียดสินค้า ขั้นตอนการผลิต การบริการ คู่แข่ง การตลาด ฯลฯ ดังนั้นหากได้เริ่มต้นธุรกิจจากสิ่งที่ชอบหรือมีความสนใจอยู่แล้ว ก็จะทำให้คุณสามารถทำธุรกิจด้วยความสุขและสนุกไปกับมันได้ โดยไม่ถอดใจง่าย ๆ

2. มองอนาคตให้ออก

การทำธุรกิจนั้นหากเรากระโจนเข้าไปทำธุรกิจที่กำลังอยู่ในช่วงขาลง นั่นเท่ากับการที่เราเอาเงินเข้าไปทิ้งขว้างโดยเปล่าประโยชน์ ทั้งยังต้องเสียแรงกาย แรงใจ และเวลา มันจะดีกว่ามากหากเราทำธุรกิจที่กำลังอยู่ในกระแสหรืออยู่ในเทรนด์ โดยเราต้องคิดไว้เสมอว่าคู่แข่งยังมีจำนวนน้อยหรือมีจำนวนลูกค้ามากกว่าจำนวนสินค้าที่มี แต่ข้อควรระวังของการทำธุรกิจในกระแสก็คือ “คู่แข่ง” ที่อาจเข้ามาและแย่งกลุ่มลูกค้าของเราไปค่ะ

 

3. เชื่อมั่นในความสามารถตนเอง อย่าให้เสียงคนอื่นมีผลกระทบต่อการตัดสินใจของเรา

การรับฟังความเห็นของคนรอบข้างเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่าให้คำพูดของคนอื่นมามีอิทธิพลต่อความคิดหรือการตัดสินใจของตัวคุณมากเกินไป ควรมีความเชื่อมั่น หากแผนธุรกิจและสินค้าของคุณมีประสิทธิภาพตามที่วางแผนไว้ ธุรกิจของคุณย่อมเป็นไปได้

 

 

4. เริ่มทำทันทีที่มั่นใจ

“มีคนทำธุรกิจที่เราคิดแล้ว ทั้ง ๆ ที่เราคิดได้ก่อนแท้ ๆ” นี่คือความคิดที่หลาย ๆ คนชอบผุดขึ้นมา จำประโยคนี้ของน้อง Multy ไว้เลยนะ

 

 

คนบนโลกมีหลายล้านคน ใคร ๆ ก็อาจจะมีความคิดธุรกิจแบบเดียวกับเราก็ได้ สิ่งที่คุณทำได้คือ ลงมือทำก่อนเท่านั้นเอง

 

5. บริหารการเงินให้ดี

รู้หรือไม่!! หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จคือ การล้มเหลวในการบริหารการเงิน
แม้ธุรกิจที่ทำจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว แต่ขาดการวางแผนทางการเงิน ทำให้ไม่สามารถหมุนเวียนสภาพคล่อง จนเกินการขาดทุนหรือมีกำไรน้อยลง โดยเจ้าของธุรกิจไม่รู้ตัว ดังนั้นการวางแผนการเงินให้รัดกุมที่สุด จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น

 

ทั้งหมดนี้คือแนวทางในการเริ่มต้นทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ใครที่มีไอเดียดี ๆ แต่ยังไม่ได้เริ่มต้นลงมือทำ ก็ต้องรีบก้าวเดินได้แล้วนะ รวมถึงต้องวางแผนการเงินให้ดีเพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างยั่งยืน

หากสนใจอยากสร้างธุรกิจหรือขยายธุรกิจให้มีความยั่งยืน สามารถติดต่อร่วมงานกับทีม Multy ได้เลยนะ https://multioneapp.com
สนใจจะร่วมงานกับเรา ติดต่อเพิ่มเติมได้ที่ MultiOne – ระบบจัดการร้านมัลติแบรนด์

 

Learn More