เทคนิค On-page SEO คืออะไร?

ในยุคปัจจุบันที่ผู้คนส่วนใหญ่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตกันมากขึ้น การทำการตลาดออนไลน์จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจทุกประเภท หนึ่งในกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่สำคัญก็คือ Search Engine Optimization (SEO) ซึ่งเป็นกระบวนการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ปรากฏในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหายอดนิยม เช่น Google, Bing

การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับ SEO สามารถทำได้ทั้ง On-page SEO และ Off-page SEO โดย On-page SEO เป็นการปรับปรุงเนื้อหาและโครงสร้างของเว็บไซต์เพื่อให้ตรงกับความต้องการของเครื่องมือค้นหา ส่วน Off-page SEO เป็นการปรับปรุงปัจจัยภายนอกเว็บไซต์ เช่น การเชื่อมโยงจากเว็บไซต์อื่น ๆ

บทความนี้จะกล่าวถึงการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับ SEO ในรูปแบบ On-page SEO โดยเน้นเทคนิคที่สำคัญ ๆ ที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับสูงขึ้น

กลยุทธ์ปั้นเว็บให้ติด SEO

เทคนิคการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับ SEO 8 ข้อ

1. การเลือกคีย์เวิร์ดที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย

กลยุทธ์ปั้นเว็บให้ติด SEOคีย์เวิร์ดเป็นคำหรือวลีที่ผู้คนใช้ค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต เมื่อคุณเลือกคีย์เวิร์ดที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ เว็บไซต์ของคุณก็มีโอกาสถูกค้นพบโดยผู้ค้นหาที่มีโอกาสจะเป็นลูกค้าของคุณมากขึ้น

2. เขียนเนื้อหาที่มีคุณภาพ

 

เนื้อหาที่มีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ในการติดอันดับ SEO เนื้อหาของคุณควรมีความเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดที่เลือกมา และควรเขียนให้น่าสนใจ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน

3. โครงสร้างเว็บไซต์ที่ชัดเจน

กลยุทธ์ปั้นเว็บให้ติด SEO

โครงสร้างเว็บไซต์ที่ชัดเจนจะช่วยให้ผู้ค้นหาสามารถเข้าถึงเนื้อหาของคุณได้ง่ายขึ้น โครงสร้างเว็บไซต์ที่ดีควรมีหน้าหลักที่แสดงภาพรวมของเว็บไซต์ และควรมีลิงก์ไปยังหน้าย่อย ๆ ที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์มี Sitemap ซึ่งจะช่วยให้เครื่องมือค้นหาสามารถจัดทำดัชนีหน้าต่าง ๆ ของเว็บไซต์ของได้อย่างง่ายดาย

3. การใช้ภาพประกอบ

เทคนิคการปั้นเว็บให้ติดอันดับ

ภาพประกอบสามารถช่วยดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน และทำให้เนื้อหาของคุณน่าสนใจยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี ต้องแน่ใจว่าภาพประกอบของคุณมีคุณภาพดี และมีขนาดที่เหมาะสม

นอกจากนี้ ควรใส่คำอธิบายภาพ (Alt Text) เพื่อให้เครื่องมือค้นหาสามารถเข้าใจภาพของคุณได้

4. ความปลอดภัยของเว็บไซต์

ความปลอดภัยของเว็บไซต์เป็นสิ่งสำคัญต่อทั้งผู้เข้าชมและเจ้าของเว็บไซต์ เว็บไซต์ที่ปลอดภัยจะช่วยให้ผู้เข้าชมรู้สึกมั่นใจในการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ และจะช่วยป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ของคุณถูกแฮ็ก สามารถปรับปรุงความปลอดภัยของเว็บไซต์ได้โดยติดตั้งปลั๊กอินรักษาความปลอดภัย และอัปเดตซอฟต์แวร์ของคุณอยู่เสมอ

5. ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์

ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์เป็นปัจจัยสำคัญในการติดอันดับ SEO เว็บไซต์ที่โหลดช้าอาจทำให้ผู้ค้นหาเกิดอารมณ์เสียและออกจากเว็บไซต์ไป

คุณสามารถปรับปรุงความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ได้โดย

  • ลดขนาดไฟล์
  • ลบปลั๊กอินที่ไม่จำเป็น
  • เลือกใช้ธีมและปลั๊กอินที่มีคุณภาพ

6. การปรับแต่งเว็บไซต์ให้รองรับอุปกรณ์เคลื่อนที่

ในปัจจุบันผู้คนจำนวนมากใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่(โทรศัพท์มือถือ, แท็บเล็ต)ในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต เว็บไซต์ของคุณควรรองรับอุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อให้ผู้เข้าชมสามารถเข้าถึงเนื้อหาของคุณได้อย่างสะดวก

สามารถปรับแต่งเว็บไซต์ให้รองรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้โดย

  • ใช้ธีมที่รองรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อหาแสดงผลได้ดีบนอุปกรณ์เคลื่อนที่

7. การติดตามผลลัพธ์

ทำเว็บไซต์ให้ติด SEO กันเถอะ

สิ่งสำคัญคือต้องติดตามผลลัพธ์ของการปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณ เพื่อให้คุณสามารถปรับแต่งเพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสม

คุณสามารถติดตามผลลัพธ์ได้โดยการใช้เครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์ เช่น Google Analytics
การใส่ H1 H2 H3 ในบทความจะทำให้เนื้อหาของบทความมีความเป็นระเบียบมากขึ้น และช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจเนื้อหาของบทความได้ดียิ่งขึ้น

ในบทความต่อๆ ไปเราจะแนะนำเทคนิคอื่นๆ และการใช้เครื่องมืออีกมายที่ทำให้มีประสิทธิภาพในการทำ SEO หรือมีประโยชน์กับธุรกิจของคุณให้ได้มากที่สุด ติดตามข่าวสารและข้อมูลใหม่ๆ จากเราได้ที่

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

แพลตฟอร์มระบบจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีก และร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่

การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย 

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne

Learn More

ความสำคัญของการยื่นคำขอเลขเครื่อง POS 

การยื่นคำร้องขอหมายเลขเครื่องบันทึกการขาย (POS) กับกรมสรรพากรเป็นขั้นตอนที่สำคัญสำหรับร้านค้าที่ใช้งานเครื่อง POS ในการออกใบกำกับภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย. ด้านล่างนี้คือขั้นตอนและเอกสารที่จำเป็นสำหรับการยื่นคำร้องขอหมายเลข POS กับกรมสรรพากรสำหรับ MultiOne แพลตฟอร์ม

เอกสารประกอบการยื่นคำขออนุมัติ

  1. แบบคำขออนุมัติใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงิน ภ.พ.06 : ดาวน์โหลด
  2. แบบแจ้งการจัดทำและการจัดเก็บเอกสารหลักฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ภ.อ.11 : ดาวน์โหลด
  3. รายละเอียดประเภทของเครื่องบันทึกการเก็บเงิน ดาวน์โหลด
  4. แบบฟอร์มแสดงคุณสมบัติเครื่องบันทึกเงินสดที่ใช้งาน ดาวน์โหลด , หรือ Flowchart ระบบ POS : ดาวน์โหลด
  5. แผนผังแสดงตำแหน่งการวางเครื่องบันทึกการเก็บเงิน : ถ่ายรูปอุปกรณ์ที่หน้าร้าน
  6. รูปแบบการเชื่อมต่อเครื่องบันทึกการเก็บเงินกับอุปกรณ์อื่นๆ : ดาวน์โหลด
  7. ตัวอย่างการเชื่อมต่ออุปกรณ์เครือข่าย : ดาวน์โหลด
  8. รายละเอียดระบบการรักษาความปลอดภัย : รอการปรับปรุงโปรดติดต่อทีมงาน
  9. ตัวอย่างใบกำกับภาษีอย่างย่อและตัวอย่างรายงานยอดขายที่ออกจากตัวเครื่อง : ดาวน์โหลด

การยื่นคำขอหมายเลขเครื่องบันทึกการขายกับสรรพากรและขั้นตอนการดำเนินการ

เอกสารที่ต้องเตรียม

การยื่นคำขอหมายเลขเครื่องบันทึกการขายกับสรรพากร

 

  1. ชื่อผู้ประกอบการ คือชื่อบริษัทหรือชื่อบุคคลที่จดทะเบียนและได้รับเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรเรียบร้อยแล้ว
  2. ชื่อสถานประกอบการ คือชื่อร้านของคุณ
  3. กรอกข้อมูลที่อยู่ของบริษัทให้ครบถ้วน (สำนักงานใหญ่)
  4. วันที่คุณได้ยื่นจดทะเบียน ภ.พ. 20
  5. กรอกชื่อรายการ เช่น อาหาร เครื่องดื่ม และบริการ ตามลำดับ หากคุณเป็นร้านขายอาหาร หรือหากเป็นร้านคาเฟ่ ให้กรอกชื่อรายการ เครื่องดื่ม ขนมหวาน และขนมขบเคี้ยวตามลำดับ

การยื่นคำขอหมายเลขเครื่องบันทึกการขายกับสรรพากร

  1. เลือกประเภทการประกอบกิจการของคุณให้ใกล้เคียงที่สุด
  2. ณ สถานที่ประกอบการที่ต้องการใช้เครื่อง POS ให้กรอกเป็นที่ สำนักงานใหญ่ /หรือสาขา กรณีที่เป็นสาขาแรก นับเป็นสาขาใหญ่ ในส่วนของที่อยู่ให้กรอกจากข้อมูลที่ตั้งกิจการ
  3. ใช้เครื่องหมายถูก (✔) ที่ชนิดคอมพิวเตอร์ และใส่จำนวน iPad ตามที่ต้องการให้ออกใบกำกับภาษี ‍รวมถึงกรอกรายละเอียดภายในเอกสารแนบให้เรียบร้อย 

การยื่นคำขอหมายเลขเครื่องบันทึกการขายกับสรรพากร

กรอกรายละเอียดประเภทของเครื่องบันทึกการเก็บเงินที่ขออนุมัติ  

  1. ช่องหมายเลขประจำเครื่อง (Serial Number) คือ หมายเลขของเครื่องพิมพ์ใบเสร็จ (Printer) ซึ่งต้องเป็นเครื่องที่ตั้งอยู่บริเวณแคชเชียร์เท่านั้น
  2. เลือกประเภทของอุปกรณ์ พร้อมเลือกประเภทของใบกำกับภาษี

ยื่นคำร้องพร้อมเอกสารทั้งหมด

รวบรวมเอกสารและนำส่งไปที่สำนักงานสรรพากรในเขตพื้นที่ของร้านคุณ หรือในกรณีที่ต้องการจดหลายสาขาให้ไปที่สรรพากรที่ใกล้กับบริเวณสำนักงานใหญ่ เพื่อยื่นเรื่องติดต่ออธิบดี โดยแนบเอกสารไปให้ครบถ้วน (ตรวจสอบได้ที่ เอกสารประกอบการยื่นคำขออนุมัติ) 

ขั้นตอนและระยะเวลาตรวจสอบคำขอ 

กรมสรรพากรจะตรวจสอบคำขอและเอกสารทั้งหมด ระหว่างนั้นรอผลพิจารณาและการติดต่อกลับ เจ้าหน้าที่จะแจ้งเลขประจำเครื่องฯ นำเลขดังกล่าวใส่ตามจุดต่างๆ ระบุไว้ แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบและติดสติ๊กเกอร์ให้ ปกติจะใช้เวลาอยู่ที่ 30 – 45 วันทำการนับตั้งแต่ยื่นคำร้อง ดังนั้นควรเตรียมการก่อนล่วงหน้าอย่างน้อย 45 วัน 

การยื่นคำขอหมายเลขเครื่องบันทึกการขายกับสรรพากร

“ระหว่างการรอผลอนุมัติ ควรหยุดใช้เครื่องก่อน เพราะเลขกำกับเอกสารที่ออกโดยเครื่อง POS จะมีการเรียงลำดับอยู่ ถ้าใช้โดยมีการออกเอกสารก่อนการนุมัติก็จะมีความผิดทางกฎหมาย”

 

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

แพลตฟอร์มระบบจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีก และร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่

การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย 

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne

Learn More

ระบบการจัดการร้านค้าเป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับธุรกิจค้าปลีกในยุคปัจจุบัน เพราะช่วยให้การดำเนินงานของร้านค้าเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยระบบนี้ประกอบไปด้วยฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ครอบคลุมทุกด้านของการจัดการร้านค้า

 

การใช้ระบบการจัดการร้านค้านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้การดำเนินงานรวดเร็วและทันสมัยเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ในการบันทึกข้อมูลหรือการคำนวณต่างๆ

 

ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ระบบการจัดการร้านค้าปัจจุบันมีราคาที่เหมาะสมและมีหลากหลายตัวเลือกให้กับเจ้าของธุรกิจ ทำให้พวกเขาสามารถเลือกใช้ระบบที่ตรงตามความต้องการและงบประมาณของตนเองได้

 

การลงทุนในระบบการจัดการร้านค้าจึงเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดและคุ้มค่า เพราะมันจะช่วยให้การดำเนินธุรกิจของคุณมีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว

 

ข้อแตกต่างของระบบจัดการร้านค้าแบบดั้งเดิมและแบบเก่า

ระบบจัดการร้านค้าแบบดั้งเดิม

ระบบจัดการร้านค้าแบบดั้งเดิม

  1. การบันทึกข้อมูล : การบันทึกข้อมูลส่วนใหญ่ทำด้วยมือ อย่างเขียนลงสมุดบันทึก หรือ พิมพ์ลงคอมพิวเตอร์เพื่อเก็บข้อมูล
  2. การติดตามสินค้า : ต้องตรวจสอบสต็อกสินค้าและทำรายการด้วยตัวเอง อาจจะเป็นการนับจำนวนและบันทึกลงกระดาษเป็นหน้าๆ
  3. การบริการลูกค้า : พนักงานต้องทำงานหลายอย่างและบางครั้งก็ต้องทำงานซ้ำซาก
  4. การจัดการการขาย : ใช้เครื่องคิดเลขหรือบันทึกด้วยตนเอง อาจใช้เครื่องคิดเงินแบบดั้งเดิม
  5. การจัดการทรัพยากรมนุษย์ : ใช้การบันทึกเวลาด้วยมือหรือตารางเวลาที่พิมพ์ออกมา
  6. ความยืดหยุ่น :  ค่อนข้างต่ำ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ต้องทำด้วยตัวเอง
  7. การป้องกันข้อมูล  : มีความเสี่ยงสูงต่อการสูญเสียข้อมูลหรือการถูกลักขโมย
  8. ความแม่นยำ : ความแม่นยำค่อนข้างต่ำหากไม่ชำนาญ อาจเกิดข้อผิดพลาดได้ง่ายเนื่องจากทำทุกอย่างด้วยมือ

ระบบจัดการร้านค้าแบบใหม่

ระบบจัดการร้านค้าแบบใหม่:

  1. การบันทึกข้อมูล : ใช้ระบบคอมพิวเตอร์และระบบซอฟต์แวร์เฉพาะทาง ที่ทำงานหน้าที่แทนมนุษย์ได้สมบูรณ์ 
  2. การติดตามสินค้า : มีระบบสแกนบาร์โค้ดหรือ RFID เพื่อตรวจสอบและปรับปรุงสต็อกสินค้าได้ง่ายและรวดเร็ว
  3. การบริการลูกค้า : มีฐานข้อมูลลูกค้าและประวัติการซื้อ เพื่อให้บริการที่ดีขึ้น จากการวิเคราะห์ข้อมูล
  4. การจัดการการขาย: ใช้ระบบ POS (Point of Sale) ที่ทันสมัย สามารถบันทึกการขาย คำนวณยอดเงิน และออกใบเสร็จได้อย่างรวดเร็ว
  5. การจัดการทรัพยากรมนุษย์ : มีระบบการจัดการทรัพยากรมนุษย์อัตโนมัติ
  6. ความยืดหยุ่น : สูง สามารถปรับเปลี่ยนและอัพเดทข้อมูลได้อย่างง่ายดาย
  7. การป้องกันข้อมูล : มีระบบการสำรองข้อมูลและการป้องกันข้อมูลที่ปลอดภัย เชื่อถือได้
  8. ความแม่นยำ : สูง ข้อผิดพลาดน้อยเนื่องจากการอัตโนมัติและการตรวจสอบข้อผิดพลาด

การใช้ระบบใหม่ช่วยให้การจัดการร้านค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความผิดพลาด และสามารถให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น แต่ก็อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการลงทุนซื้อซอฟต์แวร์และฝึกอบรมพนักงานให้เข้าใจในการใช้งานระบบใหม่

 

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

แพลตฟอร์มระบบจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีก และร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่

การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย 

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne

 

Learn More

CRM คืออะไร

CRM คืออะไร

CRM ย่อมาจาก “Customer Relationship Management” ซึ่งหมายถึงการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า ซึ่งรวมถึงความสัมพันธ์ในด้านการขาย การบริการ และการตลาด เป้าหมายก็คือการทำให้ลูกค้ามีความพอใจสูงที่สุดจากการใช้สินค้าหรือบริการของเรา ทำให้เกิดการซื้อซ้ำในอนาคต ด้วยการใช้ข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้า หรือประวัติการซื้อสินค้าหรือบริการ ในการคาดการณ์ความต้องการ เพื่อการวางแผนการตลาดต่อไปในอนาคต

ระบบ CRM มีประโยชน์หลักอย่างไร

ระบบ CRM มีประโยชน์หลักอย่างไร

  1. จัดการข้อมูลลูกค้า : ระบบ CRM ช่วยรวบรวมข้อมูลของลูกค้าทั้งหมดในสถานที่เดียว ทำให้เข้าถึงข้อมูลได้สะดวกและรวดเร็ว
  2. วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า : ช่วยในการเข้าใจความต้องการและความสนใจของลูกค้า ทำให้รู้จักลูกค้าหรือผู้บริโภคมากขึ้น ผ่านการจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบ และยังทำให้บริษัทสามารถปรับปรุงและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การขายและการตลาดได้ 
  3. เพิ่มประสิทธิภาพในการขาย: ระบบช่วยในการจัดการโอกาสการขาย การติดตามสถานะการขาย และการวิเคราะห์ผลได้อย่างแม่นยำ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าจะช่วยสร้างความภักดี ทำให้เกิดการซื้อซ้ำได้ง่าย และยังช่วยลดต้นทุนการหาลูกค้าใหม่ๆอีกด้วย
  4. การบริการลูกค้า : ช่วยในการจัดการคำร้องเรียน การบริการหลังการขาย และการสนับสนุนลูกค้าที่เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ เพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการต่อลูกค้า ปรับปรุงการทำงานให้มีการตอบสนองอย่างทันที จากการที่ทีมงานเข้าใจข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าเป็นอย่างดี 
  5. การตัดสินใจ : ระบบ CRM ให้ข้อมูลและรายงานที่ช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ  วิเคราะห์แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อสามารถนำไปวางแผนต่อยอดธุรกิจให้ดีขึ้น 

 

ดังนั้น CRM ไม่เพียงแค่เป็นเครื่องมือในการจัดการข้อมูลลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า ทำให้ธุรกิจสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพและการบริการได้

ฟังก์ชัน CRM ในระบบจัดการรร้านมัลติแบรนด์ MultiOne ดีอย่างไร

ฟังก์ชัน CRM ในระบบจัดการรร้านมัลติแบรนด์ MultiOne ดีอย่างไร

ฟังก์ชัน CRM ใน MultiOne เป็นระบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในการรักษาฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายให้กับร้านมัลติแบรนด์สโตร์โดยเฉพาะ โดยในเรื่องการช่วยเก็บข้อมูลผู้บริโภคและ สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์หรือต่อยอดต่างๆได้ ระบบนี้ยังช่วยร้านค้าและแบรนด์ในการสะสม และวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า การติดต่อ การซื้อขาย การบริการหลังการขาย และการทำการตลาด ซึ่งทำให้สามารถเข้าใจและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

บทความแนะนำ

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

แพลตฟอร์มระบบจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีก และร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่

การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย 

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne

 

Learn More

การเพิ่มยอดขายสำหรับร้านค้าปลีกนั้นต้องเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจลูกค้า และประยุกต์ใช้เทคนิคที่เหมาะสมในการขาย เพื่อประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ ดังนี้คือ 7 เทคนิคที่สามารถช่วยเพิ่มยอดขายของร้านค้าปลีก

 

การทำความรู้จักลูกค้า

1. การทำความรู้จักลูกค้า(Understanding Customers) 

การศึกษาและเข้าใจลักษณะ ความต้องการ ความประสงค์ และพฤติกรรมของลูกค้าเพื่อให้สามารถตอบสนองและให้บริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า ทำให้ธุรกิจสามารถสร้างความพึงพอใจและความผูกพันกับลูกค้าได้ในระยะยาว ต่อไปนี้คือขั้นตอนและแนวทางในการทำความรู้จักลูกค้า:

  •  ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน เช่น ข้อมูลส่วนตัว, อายุ, เพศ, อาชีพ, รายได้, การศึกษา
  • ศึกษาพฤติกรรมการซื้อ การศึกษาว่าลูกค้ามักจะซื้อสินค้าหรือบริการประเภทใด ในช่วงเวลาใด และทำไมเขาถึงตัดสินใจซื้อ
  • ศึกษาความต้องการและความประสงค์ ตรวจสอบและเข้าใจในสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังหรือต้องการจริง ๆ จากสินค้าหรือบริการ
  • รับฟังคำติชม รับฟังคำติชมหรือความคิดเห็นจากลูกค้า เพื่อรู้ถึงจุดอ่อนหรือจุดแข็งของสินค้าหรือบริการ
  • ใช้เทคโนโลยี ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยี เช่น CRM (Customer Relationship Management) ในการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า
  • การสำรวจ จัดทำแบบสอบถาม หรือจัดกิจกรรมสำรวจเพื่อรับข้อมูลตรงจากลูกค้า
  • ศึกษาข้อมูลการซื้อขาย ข้อมูลจากการซื้อขายเช่น ประวัติการซื้อสินค้า, ความถี่ในการซื้อ, สินค้าที่ถูกเพิ่มไปในตะกร้าแต่ยังไม่ได้ซื้อ

การทำความรู้จักลูกค้านี้ไม่ใช่เพียงการรู้ข้อมูลพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังต้องเข้าใจในมิติที่ลึกขึ้น เช่น ความรู้สึก ความคิด และเหตุผลในการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ซึ่งการมีข้อมูลและความเข้าใจเหล่านี้จะทำให้ธุรกิจสามารถตอบสนองและปรับปรุงสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น.

 

 

การจัดโปรโมชั่นสินค้า

2. การจัดโปรโมชั่นสินค้า 

กิจกรรมที่จัดทำเพื่อกระตุ้น และส่งเสริมการขาย ทำให้ลูกค้ามีความสนใจในสินค้าหรือบริการ ทำให้เกิดการซื้อสินค้าหรือบริการมากขึ้น โดยโปรโมชั่นสามารถทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยในการเพิ่มความตระหนักรู้และความรู้สึกถึงสินค้าหรือบริการด้วย 

ตัวอย่างการจัดโปรโมชั่นสินค้า 

  • ส่วนลดราคา ให้ส่วนลดเพื่อลดราคาสินค้า ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับคุ้มค่า
  • ของแถม ให้สินค้าของแถมเมื่อลูกค้าซื้อสินค้าหรือบริการ
  • บัตรสะสมแต้ม ให้ลูกค้าสะสมแต้มเมื่อซื้อสินค้า แล้วนำแต้มมาแลกของรางวัลหรือส่วนลด
  • โปรโมชั่น Buy 1 Get 1 Freeให้สินค้าฟรีเมื่อลูกค้าซื้อสินค้าตามที่กำหนด
  • ส่วนลดเฉพาะช่วงเวลา ให้ส่วนลดหรือข้อเสนอพิเศษในช่วงเวลาที่กำหนด
  • คูปองส่วนลด แจกคูปองส่วนลดเพื่อให้ลูกค้ามีสิทธิ์รับส่วนลดเมื่อซื้อสินค้า
  • การสะสมคะแนน ให้ลูกค้าสะสมคะแนนจากการซื้อสินค้า และนำไปแลกสินค้าหรือบริการ

การจัดโปรโมชั่นที่ดีควรทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับคุ้มค่า และสามารถสร้างความพึงพอใจและความภักดีต่อแบรนด์ได้ เพราะฉะนั้น การวางแผน การเลือกช่องทาง และการประเมินผลโปรโมชั่นที่จัดขึ้นมีความสำคัญมาก.

 

 

การแสดงสินค้า

3. การแสดงสินค้า  

จัดแสดงสินค้าในร้านให้มีความน่าสนใจ และเน้นสินค้าที่ต้องการส่งเสริมการขาย การจัดแสดงสินค้าให้น่าสนใจสามารถช่วยเพิ่มยอดขาย และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ดังนี้คือทางเลือกและขั้นตอนที่น่าสนใจ:

  • ใช้สีที่ดึงดูดสายตา ใช้สีที่สดใสและตื่นตาตื่นใจ ช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้า และ ปรับใช้สีที่เกี่ยวข้องกับฤดูกาล หรือโปรโมชั่นที่กำลังจัด
  • จัดสินค้าตามประเภท จัดเรียงสินค้าตามประเภท หรือแบรนด์ เพื่อให้ลูกค้าค้นหาสินค้าได้ง่าย
  • การใช้งานพื้นที่ ใช้พื้นที่ที่มีอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ทำให้ร้านดูแคบและคับคั่ง และ จัดให้มีพื้นที่ว่างเปล่าที่เหมาะสม เพื่อการเดินทางและการมองเห็นสินค้า
  • การใช้ไฟ ใช้แสงไฟที่เหมาะสม ทั้งในเรื่องของความสว่าง และสีของแสง เพื่อทำให้สินค้าดูน่าสนใจ
  • จุดนำเสนอสินค้าหลัก จัดสินค้าที่ต้องการขายมากที่จุดที่ลูกค้าสัมผัสได้ง่าย และเห็นได้ชัดเจน เช่น ที่ตักยวนหน้าร้าน
  • สัญลักษณ์และป้ายสินค้า ใช้ป้ายที่เขียนข้อความชัดเจนและเด่น แสดงราคา และข้อมูลสินค้าอย่างชัดเจน
  • เน้นสินค้าใหม่ หรือ สินค้าที่มีโปรโมชั่น วางสินค้าใหม่หรือสินค้าที่มีโปรโมชั่นไว้ที่จุดที่ลูกค้าจะเห็นเป็นอย่างแรก
  • สร้างบรรยากาศในร้าน ใช้เสียง สี และกลิ่นที่สร้างสรรค์บรรยากาศ ทำให้ลูกค้ารู้สึกสบายใจและยินดีที่จะทำการซื้อ
  • การจัดตำแหน่งสินค้า วางสินค้าที่มีความน่าสนใจและหลากหลายที่ตาสูง และวางสินค้าที่ต้องการผลักดันให้ขายอยู่ที่ระดับตา
  • ปรับเปลี่ยนการจัดแสดงสินค้าบ่อยๆ ทำการเปลี่ยนแปลงการจัดแสดงสินค้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความใหม่สด และไม่น่าเบื่อ

การจัดแสดงสินค้าที่ดีสามารถทำให้ลูกค้าสนใจในสินค้า ช่วยในการส่งเสริมการขาย และทำให้ร้านค้าดูมีชีวิตชีวาและน่าสนใจ

 

 

ประสบการณ์การซื้อ

4. ประสบการณ์การซื้อ 

ประสบการณ์การซื้อที่ดีคือประสบการณ์ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกพึงพอใจ สะดวกสบาย และได้รับความสุขจากการทำการซื้อสินค้าหรือบริการ การมีประสบการณ์การซื้อที่ดีจะทำให้ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะกลับมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการอีกครั้ง

 

 

การบริการหลังการขาย

5.การบริการหลังการขาย

สิ่งที่ผู้ขายให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือเรื่องการใช้งาน หรือการแก้ไขปัญหาต่าง ๆให้กับลูกค้าหลังจากที่ลูกค้าได้ซื้อสินค้าแล้ว ทั้งนี้เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกพึงพอใจ และยังสามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้ายินดีที่จะกลับมาซื้อสินค้าหรือบริการอีกครั้งในอนาคต รวมถึงทำให้ลูกค้าเป็นประชาสัมพันธ์ที่ดีให้กับธุรกิจ ตัวอย่างประเภทของการบริการหลังการขาย เช่น การรับประกันสินค้า หรือ การติดตามความพึงพอใจ

 

 

ฝึกอบรมพนักงาน

6. ฝึกอบรมพนักงาน 

การฝึกอบรมจะทำให้พนักงานมีความรู้และทักษะในการขาย และการบริการลูกค้า รวมไปถึงพนักงานต้องมีความรู้เกี่ยวสินค้าที่ขายในร้านและสามารถตอบคำถามหรือข้อสงสัยของลูกค้าได้ การฝึกอบรมที่มีประสิทธิภาพจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขาย และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า

 

 

7.รับฟังคำติชมและข้อเสนอแนะ

รับฟังความคิดเห็นและคำติชมจากลูกค้าเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถพัฒนาสินค้าหรือบริการได้ตามความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าเพื่อปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการในอนาคต

 

เมื่อร้านค้าปลีกประยุกต์ใช้เทคนิคเหล่านี้และปรับปรุงเป็นระยะ ย่อมสามารถเพิ่มยอดขายและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าได้.

 

บทความแนะนำ

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

แพลตฟอร์มระบบจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีก และร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่

การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย 

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne

 

Learn More

การใช้ AI (ปัญญาประดิษฐ์) และ Machine Learning (การเรียนรู้ของเครื่องจักร) ในการเพิ่มประสิทธิภาพการขายมีหลายวิธี ที่สามารถช่วยให้ธุรกิจขยายขอบเขตของการขาย และปรับปรุงประสิทธิภาพการบริการต่อลูกค้า

เพิ่มประสิทธิภาพการขายด้วย AI

AI และ Machine Learning สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขายและบริการลูกค้าได้หลายวิธี ดังนี้

  1. แนะนำสินค้าหรือบริการที่เหมาะสมกับลูกค้า AI สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าจากข้อมูลการซื้อขายในอดีต เพื่อแนะนำสินค้าหรือบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า
  2. ปรับปรุงการบริการลูกค้าด้วย Chatbots  สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง 24/7 โดยไม่ต้องใช้แรงงานจริง
  3. เข้าใจความต้องการและความรู้สึกของลูกค้า AI สามารถวิเคราะห์เสียงลูกค้าจากความคิดเห็นต่างๆ เพื่อเข้าใจความต้องการของลูกค้า และปรับปรุงบริการหรือสินค้าให้ตรงกับความต้องการ
  4. สร้างโปรโมชั่นที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับแต่ละกลุ่มลูกค้า AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เพื่อสร้างโปรโมชั่นที่ตรงกับความสนใจของแต่ละกลุ่มลูกค้า
  5. จัดการคลังสินค้าและสต็อกสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลการขายและพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า เพื่อคาดการณ์ความต้องการสินค้าในอนาคต

ทั้งนี้ การใช้ AI และ Machine Learning ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของลูกค้าด้วย

 

ตัวอย่างการนำ AI และ Machine Learning มาประยุกต์ใช้

  • Amazon ใช้ AI เพื่อแนะนำสินค้าหรือบริการที่เหมาะสมกับลูกค้า
  • Netflix ใช้ AI เพื่อแนะนำภาพยนตร์หรือซีรีส์ที่ลูกค้าอาจชอบ
  • ธนาคาร ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เพื่อเสนอสินเชื่อหรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสม
  • ร้านค้าปลีก ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของลูกค้า เพื่อปรับปรุงการจัดเรียงสินค้าและโปรโมชั่น

การใช้ AI และ Machine Learning ช่วยให้ธุรกิจสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุดมากขึ้น

 

บทความแนะนำ

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

แพลตฟอร์มระบบจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีก และร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่

การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย 

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne

Learn More

MultiOne เป็นแพลตฟอร์มที่ร้านค้าควรมีเนื่องจากมีความสำคัญและมีประโยชน์ต่อธุรกิจในยุคดิจิทัลอย่างมาก นี่คือเหตุผลที่ MultiOne เป็นความต้องการสำคัญสำหรับร้านค้า

1. การรวมระบบการจัดการ

MultiOne เป็นแพลตฟอร์มการรวมฟังก์ชั่นที่จำเป็นต่อระบบการจัดการร้านค้าไว้ภายในแพลตฟอร์มเดียว ร้านค้าสามารถจัดการรายการสินค้า สต็อกสินค้า และข้อมูลอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนและเวลาในการจัดการธุรกิจของคุณ

 

2. การเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมาย 

MultiOne Plaltform ช่วยเชื่อมต่อร้านค้ากับกลุ่มเป้าหมายของพวกเขาได้อย่างเต็มรูปแบบ ร้านค้าสามารถเชื่อมต่อกับแบรนด์สินค้าที่ต้องการจะฝากขายผ่านแพลตฟอร์ม ด้วยระบบ Matching ที่ร้านค้าและแบรนด์สามารถจับคู่กันได้อย่างง่ายดาย

 

3. เข้าถึงตลาดออนไลน์ 

ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน การเข้าถึงตลาดออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากผู้บริโภคมีความพร้อมที่จะซื้อสินค้าและบริการออนไลน์มากขึ้น MultiOne จะช่วยคุณในการโปรโมทร้านค้าและสินค้า ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและขยายธุรกิจออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

4.ความสะดวกสบายและประหยัดเวลา

MultiOne ช่วยลดภาระงานในการจัดการร้านค้า ด้วยเครื่องมือและฟังก์ชันที่ช่วยในการบริหารจัดการร้านค้า ที่สามารถเช็คยอดขายได้ Real-time รวมถึงการติดตามความเคลื่อนไหวของสินค้าทั้งฝั่งร้านค้าและแหบรนด์ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและแรงงานไปมาก

 

5.ข้อมูลและการวิเคราะห์

แพลตฟอร์ม MultiOne มีฟังก์ชันการวิเคราะห์ข้อมูลที่ช่วยในการตรวจสอบผลประกอบการหรือรายงานยอดขาย และ แนวโน้มในการขาย ซึ่งช่วยให้ร้านค้าสามารถปรับแผนธุรกิจและการตัดสินใจในการจัดการสินค้าได้อย่างมีเหตุผล

 

ดังนั้น MultiOne เป็นแพลตฟอร์มที่จะช่วยให้ร้านค้าเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสในการเติบโตและสร้างรายได้ในการค้าออนไลน์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน

บทความแนะนำ

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

แพลตฟอร์มระบบจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีก และร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่

การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย 

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne

Learn More

Special Value คืออะไร

Special Value คือ คุณค่าที่ร้านให้กับแบรนด์เพิ่มเติม จะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่ถ้ามีจะเป็นเรื่องที่ดี รวมถึงคุณค่าที่ร้านเรามอบให้กับลูกค้าด้วย คิดเพิ่มได้เลย

สำหรับคนที่ต้องการดูเป็นคลิปวีดิโอเชิญที่ Youtube ได้เลยยย

สเปเชียลแวลูลคือ

 

ยกตัวอย่างต่อไปนี้ว่า Special value พิเศษของคุณ ที่กำลังจะเปิดร้านมีอะไรได้บ้าง

 

location

 

มี Location ที่ดี 

การมี location ร้านที่ดี ทำเลดี เหมาะสมกับหน้าร้านค้า เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งอาจถือ เป็นหัวใจของการเปิดหน้าร้านเลยก็ว่าได้ เช่น อยู่ใกล้สถานศึกษา สถานที่ท่องเที่ยว สถานที่สำคัญต่างๆ  อยู่ในห้าง หรือถนนคนเดิน ที่ ๆ มีคนสัญจรไปมามากมาย หรือร้านเรา มีที่จอดรถ มีการจัดร้านตกแต่งดี มีร้านหลายสาขา พวกนี้เป็น valueเสริมให้แบรนด์สนใจมาลงฝากขายได้ง่ายขึ้น อีกทั้งดีกับลูกค้าที่มาซื้อสินค้าบริการหน้าร้านด้วย 

 

popular

 

ร้านทําแบรนด์ที่มีชื่อเสียงมาก่อน สามารถดึงดูดลูกค้ามาร้านได้ 

บางร้านนั้น ก่อนเปิดหน้าร้านก็ประสบความสำเร็จมาในระดับนึงจากการฝากขายสินค้าในร้านอื่น ก่อนที่จะเปิดร้านเป็นของตัวเอง พูดง่ายๆคือเป็นแบรนด์มาก่อนนั่นเอง มีฐานลูกค้าอยู่แล้ว พอมาเปิดหน้าร้านก็จะง่ายขึ้น อีกทั้งมีความเข้าใจแบรนด์ที่ลงฝากขาย ส่วนนี่ก็สามารถโชว์ข้อมูลยอดผู้ติดตามแบรนด์ที่ทำก่อนหน้า ก็เป็นเครดิตความน่าเชื่อถือที่ดีและสามารถเชิญแบรนด์ต่างๆให้สนใจได้

 

ทำการตลาด

 

มีการทำการตลาด แบรนด์ดิ้งเพื่อเพิ่มยอดขาย

อีกหนึ่ง Value ที่ให้แบรนด์ได้ และร้านสามารถบอกได้เลยตอนเชิญ เช่น ร้านมีการทำการตลาด หรือการช่วยขายสินค้าให้แบรนด์ที่มาฝากขายเป็นประจำ จะทำให้มีความน่าสนใจในการลงฝากขายมากกว่าร้านอื่น เช่น  แจ้งแบรนด์ว่า ร้านมีการออกบูธขายสินค้า ทำ popup, ทำกราฟฟิกโปรโมทออนไลน์, มีการจ้าง influencer โปรโมทสินค้า, การจัดอีเว้น, ยิงแอดบน social media หรือ google, ทำproduction ถ่ายvdoให้สินค้าแบรนด์ ตรงหากร้านมีสามารถแจ้งแบรนด์ไปได้ ก็จะเพิ่มความน่าสนใจในการลงขายสินค้ากับร้าน 

 

crm promotion

 

มีการทำ CRM สะสมแต้มกับลูกค้าเก่า จัดโปรโมชั่นสินค้าตลอด 

 นอกจากการขาย การทำให้ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อสินค้าซ้ำ ก็เป็นสิ่งสำคัญ ร้านค้าควรมีการจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้า หรือโปรโมชั่นอื่นๆ ที่ดึงดูดให้ลูกค้าลับมาซื้อซ้ำหรือสมัครสมาชิกเพื่อเก็บข้อมูลลูกค้าไปใช้วิเคราะห์ในการทำโปรโมชั่นหรือจัดกิจกรรมสะสมแต้ม เป็นต้น 

 

partner

 

มี Partner ที่สำคัญของร้าน 

หากร้านมี Partner ที่ทำงานร่วมกับร้านสามารถเอาส่วนนี่แจ้งแบรนด์ได้  การมี Partner สามารถช่วยในการจัดการและส่งเสริมการขายก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ 

เช่น ร้านมัลติแบรนด์เรามี 

  • Partner ขนส่งที่สะดวกและราคาถูกในการส่งของให้ลูกค้า 
  • Partner สื่อที่ช่วยโปรโมทร้านค้า 
  • Partner ในการทำ popup ออกบูธ 
  • Partner ระบบจัดการสำหรับร้านมัลติแบรนด์ เป็นต้น 

 

ประสบการใหม่

 

Experience ใหม่ๆที่ให้ลูกค้า  

ส่วนนี้เป็นประสบการณ์ที่เรามอบกับกับลูกค้า หากร้านคุณมีอะไรแปลกใหม่น่าสนใจน่าจดจำ แบรนด์ก็สนใจลงขาย ลูกค้าก็สนใจมาร้านคุณ  ร้านควรสร้างจุดเด่นให้กับร้านตัวเองให้แตกต่างจากที่อื่น เพื่อความภาพจำให้ลูกค้าจำร้านค้าไปได้นานๆ ง่ายต่อการโปรโมท ถ้าดีลูกค้าก็ถ่ายโปรโมทเป็นไวรัล เป็นกระแส ลูกค้าใหม่เข้า ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อสินค้าซ้ำได้เพิ่มขึ้น โดยการสร้างจุดเด่นความแตกต่างนั้นไม่ได้มีข้อจำกัด ตัวอย่างเช่น 

  • ทำมุมถ่ายรูปด้วยของตกแต่งที่ไม่เหมือนที่ไหน 
  • การจุดเด่นที่สามารถดึงดูดลูกค้าได้เช่น สินค้า Limited เฉพาะร้านเรา, ตู้ถ่ายรูป, เครื่องเล่นเกม VR  
  • การมีสวนนั่งเล่นที่ตกแต่งไม่เหมือนที่ไหน 
  • มีโซนให้ลูกค้าที่มาซื้อเขียนคอมเม้นแปะ 
  • การมีช่างภาพถ่ายรูปให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ 
  • มีการจัดงาน exhibition ทุกเดือน 
  • และบริการเสริมอื่นๆ เช่น บริการนวด ทำเล็บ 

 

คอนเซปร้าน

 

Concept ร้านที่แปลกใหม่  

มีหลายคนคิดไม่ออกเกี่ยวกับConcept ที่จะทำร้าน ปัจจุบันนี้ยิ่งร้านคุณแปลกใหม่น่าสนใจ ลูกค้าจะจดจำได้ดี  การทำ Concept ร้านให้โดดเด่นและแปลกใหม่มีเยอะมาก 

ยกตัวอย่างเผื่อเป็นไอเดียนะคะ เช่น 

  • ร้านตรีมอวกาศ แคปซูล 
  • หุ่นยนต์ AI, Cyber 
  • คลินิก,ห้องวิจัย 
  • Mate Shop เกมส์, การ์ตูน, อนิเมะ 
  • สัตว์เลี้ยง, ป่า สวน ธรรมชาติ, เทพนิยาย 
  • Art, ตรีมพิพิธภัณฑ์โซนจัดงาน, ย้อนยุค old Fashion 
  • Unseen วัฒนธรรมประเทศ ชุมชนต่างๆ เช่นไทย จีน ชาวเขา ยุโรป และอินเดีย
  • โทนร้านก็มีหลากหลาย เช่น Minimal, Modern, พั้งก์, Rock, Color, สมุนไพร, Organic, กระจก, หิน, เหล็ก, ไม้, Diamond 

 

สรุป Special Value นั้นก็คือ คุณค่าพิเศษที่ร้านค้าของเราสามารถให้กับแบรนด์ได้ เหนือกว่าที่ร้านค้าอื่นๆให้ได้ หากร้านค้าของเราสามารถนำเสนอ Special Value นี้ได้อย่างชัดเจนและสร้างสรรค์, แบรนด์จะเริ่มที่จะเห็นความสนใจที่มากขึ้นในการอยากเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจกับเรา ดังนั้น Special Value จึงความสำคัญ กับร้านค้ามัลติแบรนด์ 

 

บทความแนะนำ

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

แพลตฟอร์มระบบจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีก และร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่

การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย 

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne

Learn More

วิธีการเจาะกลุ่มลูกค้าในธุรกิจ Multi-Brand Store

การเจาะกลุ่มลูกค้าสำหรับธุรกิจ Multi-Brand Store หรือร้านค้าที่ขายหลายแบรนด์สามารถทำได้โดยการใช้กลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ความเข้าใจลูกค้าและการสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงกับลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อที่จะสามารถเจาะรายละเอียดในกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

การเจาะกลุ่มลูกค้าและทำเลในธุรกิจ Multi-Brand Store

 

ขั้นตอนเจาะกลุ่มลูกค้าในธุรกิจ Multi-Brand Store

  1. การศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า: สำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดของลูกค้าที่คุณมี ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนตัว, ประวัติการซื้อ, พฤติกรรมการใช้งาน, ความชอบ, ความสนใจ, และรีวิว ซึ่งสามารถช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้าของคุณได้ดีขึ้น
  2. การกำหนดเป้าหมายสำหรับกลุ่มลูกค้า: หลังจากที่คุณได้รวบรวมข้อมูลแล้ว คุณควรจะนำข้อมูลนั้นมาสร้างกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน เช่น ลูกค้าที่ชอบแบรนด์ A, ลูกค้าที่ชอบแบรนด์ B, ลูกค้าที่มีส่วนตัวเป็นอย่างไร, ลูกค้าที่ชอบสินค้าประเภทไหน
  3. การสร้างโปรไฟล์ลูกค้า: จากกลุ่มลูกค้าที่คุณได้กำหนดไว้ คุณควรจะสร้างโปรไฟล์ลูกค้า ที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อ ความชอบ ความสนใจ รวมถึงข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการสร้างและปรับแผนการตลาดของคุณ
  4. การปรับแผนการตลาด: ใช้ข้อมูลที่คุณได้มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและโปรไฟล์ลูกค้าในการสร้างแผนการตลาดที่เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มลูกค้า เช่น โปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่ชอบแบรนด์ A, การสื่อสารที่เฉพาะเจาะจงสำหรับลูกค้าที่ชอบสินค้าประเภท B
  5. การประเมินผล: อย่าลืมตรวจสอบและประเมินผลการเรียกดู ตรวจสอบว่าแผนการตลาดของคุณสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีและเป้าหมายที่คุณตั้งไว้ได้หรือไม่ หากไม่ คุณต้องการปรับปรุงแผนการตลาดของคุณให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

จำไว้ว่า การทำธุรกิจ Multi-Brand Store นั้น เรื่องสำคัญคือการเข้าใจและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน ทั้งนี้จะทำให้คุณสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและเพิ่มยอดขายของคุณได้.

 

การเลือกทำเลที่ตั้งของร้าน

เปิดหน้าร้านออฟไลน์ทั้งที คือลงทุนเปิดหน้าร้านจริงๆแล้ว สิ่งที่สำคัญที่ไม่พูดไม่ได้คือ “ทำเล” ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง และ ถึงแม้ทำเลไม่ดี ปัจจุบันนี่เราก็มีเครื่องมือช่วยโปรโมท ให้ลูกค้ารู้จักที่ตั้งของร้าน เราสามารถทำการตลาดออนไลน์ร่วมด้วย และอย่าลืมที่จะปักหมุดชื่อร้าน ในGoogle หรือเพจ  เพื่อให้ลูกค้าสามารถค้าหาที่ตั้งร้านเจอ ได้ง่ายๆ 

  

เรื่องควรรู้เกี่ยวกับทำเลและการเปิดร้าน ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกทำเลทั้งตั้งเปิดร้านมัลติแบรนด์หรือค้าปลีก

  1. ตั้งร้านอยู่ในที่ ๆ ผู้คนพลุกพล่าน – เป็นพื้นฐานของการเลือกทำเลที่ตั้ง หลักๆคือการเลือกย่านชุมชุน มีผู้คนผ่านไปมา
  2. สำรวจผู้คนในบริเวณนั้น – เลือกบริเวณที่มีกลุ่มคนตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น กลุ่มลูกค้าวัยรุ่นก็ควรเลือกทำเลที่มีวัยรุ่นเยอะๆ อาจเป็นใกล้รร. หรือ มหาลัย, กลุ่มวัยทำงานก็อยู่ใกล้ออฟฟิศ , ลูกค้าประเภทครอบครัว ก็อาจจะเลือกโซนที่มีหมู่บ้านชุก, ชาวต่างชาติก็เลือกเปิดร้านย่านที่ชาวต่างชาติมักจะไป เป็นต้น
  3. ตรวจสอบนโยบายสถานที่ – เช่น จะมีการก่อสร้างในบริเวณนั้นหรือเปล่านานหรือไม่  มีเงื่อนไขอะไร เช่น จำกัดขนาดป้ายร้านหรือไม่ ห้ามขายสินค้าอะไรหรือไม่?
  4. เช็คลิสต์ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม – เช่น ค่าปรับปรุงรีโนเวดร้าน ค่าบำรุง ค่าส่วนกลาง
  5. สำรวจคู่แข่งแถวทำเลนั้น – การไม่มีคู่แข่ง หรือมีคู่แข่งน้อยสุดในทำเลนั้นจะดีที่สุด  ถ้ามีสไตล์ร้านซ้ำกันควรเลี่ยง หรืออาจหาร้านใกล้เคียงที่ขายสินค้าสอดคล้องกับเรามาเป็นpartner ก็เป็นเรื่องที่ดี
  6. การเดินทาง – การเดินทางของคุณไปถึงหน้าร้าน ไม่ควรใช้ระยะเวลานานเกิน จะได้ไปดูร้านสำรวจร้านได้ง่ายๆ เสมอ
  7. เช็คปัจจัยอื่น ๆ เพิ่มเติม  
  • มีที่จอดรถพอไหม? 
  • มีห้องน้ำสำหรับพนักงานและลูกค้าหรือยัง? 
  • แถวนั่น บรรยากาศเป็นยังไง ต้องก่อสร้าง ตกแต่งเพิ่มเติม ให้เข้ากับบรรยากาศมากขึ้นไหม? 
  • ทำเล ทิศร้าน มองเห็นง่าย ใกล้ที่ไหนสะดุดตามั้ย หรือบางคนเชื่อเรื่องทิศ ฮวยจุ้ย ก็ไปดู 
  • มีสถานีตำรวจใกล้เคียงบริเวณนั้นหรือไม่? 
  • มีสถานีดับเพลิงในชุมชนหรือเปล่า? 
  • เป็นต้นนะตะ เรื่องที่เกี่ยวกับทำเล และการเปิดหน้าร้าน 

 

บทความแนะนำ

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

แพลตฟอร์มระบบจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีก และร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่

การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย 

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne

Learn More

คลิปวีดิโอสอนการเลือกประเภทสินค้ามาขายในร้าน Multi-brand Store

 

หลังจากที่เราได้ทำการเลือก Mood & Tone ของร้านเรียบร้อย ทำให้ง่ายต่อการเลือกประเภทสินค้า หรือ การเจาะจงประเภทสินค้านั้นๆ

ตัวอย่างเช่น

  • ร้านแฟชั่น สินค้าก็จะเป็น เสื้อผ้า กระเป๋า หมวก รองเท้า เครื่องประดับ 
  • ร้าน stationary สินค้าก็จะเป็น สติ๊กเกอร์ งานศิลปิน พวงกุญแจ gadget 
  • หรือ ร้านค้าlifestyle คาเฟ่ อาหารออแกนิก, เฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งบ้าน, อะไหล่รถยนต์, ร้านยา,  สินค้าIT เป็นต้นนะคะ  

ในบางร้านอาจจะมีการคละสินค้า แต่ก็ควรคุม concept เช่นคอนเซ็ปท์ร้านคุณเป็น lifestyle ประเภทสินค้าตั้งแคมป์ ของที่ขาย อาจเป็นสินค้าจากแบรนด์ที่ทำเต้นท์, เก้าอี้ตั้งแคมป์, ของใช้อุปกรณ์เข้าป่าเป็นต้น ถ้าเรามีคอนเซ็ปท์ร้านชัดการเลือกสินค้าก็จะง่าย อยู่ในหมวดหมู่มากขึ้น อาจจะมีการปรับเปลี่ยนประเภทสินค้าตามเทรนด์ ตามความถนัดไปได้ แต่ไม่ควรหลุดคอนเซ็ปท์ที่ตั้งไว้ ในบทความนี้เราจะมาแนะนำวิธีเลือกประเภทสินค้ามาขายในร้าน Multi-brand Store กันค่ะ

การเลือกประเภทสินค้า

วิธีเลือกประเภทสินค้ามาขายในร้าน Multi-brand store 

  1. เข้าใจตลาด: ศึกษาและเข้าใจรสนิยมและการซื้อของลูกค้าเป้าหมายที่จะมาซื้อสินค้าในร้านคุณ สินค้าที่คุณเลือกควรตรงกับความต้องการและความประสงค์ของลูกค้า
  2. เทรนด์: ควรสังเกตเทรนด์ที่กำลังมา เพื่อให้สินค้าที่คุณเลือกมาขายยังคงเป็นที่นิยมและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า
  3. ช่วงราคาขาย: ช่วงราคาสินค้าต้อวชัด ไม่ห่างกันเกินหรือสวิงเกินเหตุ  เพื่อจะได้ง่ายต่อการจดจำ ง่ายต่อการเชิญแบรนด์มาลงขาย หรือ การหาซัพพลายเออร์ และง่ายต่อการตั้งราคาสินค้า
  4. ราคา: ลูกค้ามักจะสนใจในสินค้าที่มีความคุ้มค่า ดังนั้นคุณควรจะเลือกสินค้าที่มีราคาที่สอดคล้องกับความคุ้มค่าที่ลูกค้าจะได้รับ
  5. การจัดวางสินค้า: เลือกสินค้าที่สามารถปรับจัดวางได้ในพื้นที่ที่มี และสามารถเพิ่มความหลากหลายให้กับร้านค้า โดยส่วนมากสินค้าในช่วงราคาเดียวจะวางในพื้นที่เดียวกัน
  6. การสำรวจคู่แข่ง: ดูสินค้าที่ร้านคู่แข่งขายและวิเคราะห์ว่าสินค้าไหนที่ทำให้ร้านคู่แข่งประสบความสำเร็จ สินค้าที่คู่แข่งไม่มีอาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคุณ
  7. ความคิดเห็นของลูกค้า: สำรวจและขอความคิดเห็นจากลูกค้าเกี่ยวกับสินค้าที่พวกเขาต้องการหรือชอบ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการเลือกสินค้า

วิธีเลือกประเภทสินค้ามาขายในร้าน Multi-brand Store

ด้วยการทบทวนและคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้ คุณจะสามารถเลือกสินค้าที่จะขายในร้าน Multi-brand store ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีเป้าหมายที่ชัดเจน

 

บทความแนะนำ

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

แพลตฟอร์มระบบจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีก และร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่

การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย 

      • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
      • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
      • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
      • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
      • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
      • ออกเอกสารทางบัญชี
      • ระบบ Import Export ข้อมูล
      • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
      • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
      • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne

 

Learn More