CRM คืออะไร

CRM คืออะไร

CRM ย่อมาจาก “Customer Relationship Management” ซึ่งหมายถึงการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า ซึ่งรวมถึงความสัมพันธ์ในด้านการขาย การบริการ และการตลาด เป้าหมายก็คือการทำให้ลูกค้ามีความพอใจสูงที่สุดจากการใช้สินค้าหรือบริการของเรา ทำให้เกิดการซื้อซ้ำในอนาคต ด้วยการใช้ข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้า หรือประวัติการซื้อสินค้าหรือบริการ ในการคาดการณ์ความต้องการ เพื่อการวางแผนการตลาดต่อไปในอนาคต

ระบบ CRM มีประโยชน์หลักอย่างไร

ระบบ CRM มีประโยชน์หลักอย่างไร

  1. จัดการข้อมูลลูกค้า : ระบบ CRM ช่วยรวบรวมข้อมูลของลูกค้าทั้งหมดในสถานที่เดียว ทำให้เข้าถึงข้อมูลได้สะดวกและรวดเร็ว
  2. วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า : ช่วยในการเข้าใจความต้องการและความสนใจของลูกค้า ทำให้รู้จักลูกค้าหรือผู้บริโภคมากขึ้น ผ่านการจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบ และยังทำให้บริษัทสามารถปรับปรุงและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การขายและการตลาดได้ 
  3. เพิ่มประสิทธิภาพในการขาย: ระบบช่วยในการจัดการโอกาสการขาย การติดตามสถานะการขาย และการวิเคราะห์ผลได้อย่างแม่นยำ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าจะช่วยสร้างความภักดี ทำให้เกิดการซื้อซ้ำได้ง่าย และยังช่วยลดต้นทุนการหาลูกค้าใหม่ๆอีกด้วย
  4. การบริการลูกค้า : ช่วยในการจัดการคำร้องเรียน การบริการหลังการขาย และการสนับสนุนลูกค้าที่เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ เพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการต่อลูกค้า ปรับปรุงการทำงานให้มีการตอบสนองอย่างทันที จากการที่ทีมงานเข้าใจข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าเป็นอย่างดี 
  5. การตัดสินใจ : ระบบ CRM ให้ข้อมูลและรายงานที่ช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ  วิเคราะห์แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อสามารถนำไปวางแผนต่อยอดธุรกิจให้ดีขึ้น 

 

ดังนั้น CRM ไม่เพียงแค่เป็นเครื่องมือในการจัดการข้อมูลลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า ทำให้ธุรกิจสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพและการบริการได้

ฟังก์ชัน CRM ในระบบจัดการรร้านมัลติแบรนด์ MultiOne ดีอย่างไร

ฟังก์ชัน CRM ในระบบจัดการรร้านมัลติแบรนด์ MultiOne ดีอย่างไร

ฟังก์ชัน CRM ใน MultiOne เป็นระบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในการรักษาฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายให้กับร้านมัลติแบรนด์สโตร์โดยเฉพาะ โดยในเรื่องการช่วยเก็บข้อมูลผู้บริโภคและ สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์หรือต่อยอดต่างๆได้ ระบบนี้ยังช่วยร้านค้าและแบรนด์ในการสะสม และวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า การติดต่อ การซื้อขาย การบริการหลังการขาย และการทำการตลาด ซึ่งทำให้สามารถเข้าใจและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

บทความแนะนำ

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

แพลตฟอร์มระบบจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีก และร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่

การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย 

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne

 

Learn More

🌦️🔥 ต้อนรับเดือนกรกฎาคมด้วยโปรด่วนสุดปัง! 7.7 Double Deals

ที่ MultiOne Platform, แพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสร้างธุรกิจร้าน Multi-brand Store ของตัวเองได้ง่ายๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นร้านค้าที่ต้องการทดลองใช้ระบบ หรือแบรนด์ที่ต้องการลงขายสินค้า!

ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2023 จนถึงวันที่ 21 กรกฎาคม 2023,

โปรด่วนสุดปัง! 7.7

MultiOne Platform มอบข้อเสนอสุดพิเศษ! 7.7 ลดแล้ว แถมอีก

สำหรับลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่าที่เลือกซื้อแพ็คเกจ 6 เดือนหรือ 1 ปี, คุณจะได้รับส่วนลดเพิ่ม 5% จากแพ็คเกจ 6 เดือน และ 10% สำหรับแพ็คเกจ 1 ปี  แถมเพิ่ม 1 เดือนใช้งานฟรี! มูลค่ากว่า 1,290 บาท

ใช่, คุณไม่ได้ยินผิด! เพียงแค่เปลี่ยนจากแพ็คเกจรายเดือน เป็นแพ็คเกจ 6 เดือนหรือ 1 ปี, คุณจะได้รับสิทธิ์พิเศษนี้ทันที! สำหรับร้านค้าที่ยังไม่เป็นสมาชิก คุณก็สามารถรับสิทธิ์นี้ได้เช่นกัน โดยการสมัครสมาชิกและเลือกแพ็คเกจนี้.

วิธีรับสิทธิ์โปรด่วนสุดปัง! 7.7 สุดคุ้มนี้ง่ายมากๆ

สามารถทำได้เพียงเริ่มโดยการทักแชทมาที่เราที่นี่: https://bit.ly/3GwfF4d.
หรือสามารถติดต่อเราผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้:

📱: 06-5016-2545
📱: Line: https://lin.ee/zPtVO5X
📷: IG: multione_platform
✉️: [email protected]

ให้ชีวิตการขายของคุณมีความง่ายดายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่ MultiOne Platform, ทางเรามีความยินดีที่จะช่วยคุณไปสู่ความสำเร็จในการขายสินค้าของคุณ. ส่งถึงคุณโดย #MultiOne #ระบบจัดการร้านค้า #multibrand #ร้านมัลติแบรนด์ #มัลติแบรนด์

Learn More

ธุรกิจฝากขาย กับเทรนด์มาแรงในยุคปัจจุบัน อย่าง ” ร้านมัลติแบรนด์ ” นั้นดีอย่างไร แล้วทำไมผู้ประกอบการที่เปิดกิจการทำ ” ธุรกิจฝากขาย ” ถึงควรเลือกเทรนด์นี้…. 

 

ร้านรับฝากขายคืออะไร?

ก่อนจะมาเริ่มทำความรู้จักกับ Multibrand Store อยากให้ทุกคนลองนึกถึงการทำธุรกิจประเภทร้านค้าฝากขายดูก่อน การฝากขาย หรือ Consignment คือ การที่เจ้าของสินค้าหรือเจ้าของแบรนด์ไป ฝากขายสินค้าตามร้านค้าต่าง ๆ ซึ่งการที่เรานำสินค้าไปฝากขายของตามร้านนั้นแบรนด์จะยังถือว่าเป็นเจ้าของจนกว่าสินค้าจะถูกขาย โดยหน้าร้านจะหักค่า GP จากราคาสินค้าก่อนที่แบรนด์จะได้รับเงิน

เรื่องของเรื่องก็คือ แบรนด์ผลิตสินค้าออกมาก็ต้องการหาช่องทางที่จะขายสินค้าออกไป พ่อค้าแม่ค้าหน้าร้านก็ต้องการที่จะหาของมาขาย ไม่ว่าจะเพราะที่ว่างในร้านเหลือ หรืออยากเพิ่มความหลากหลายของสินค้าภายในร้าน ความต้องการของทั้งคู่จึงมาพบเจอกัน เกิดเป็นโมเดลธุรกิจนี้ขึ้นมา

การเป็นร้านค้า Multi-Brand ดีกว่ายังไง ?

การเป็นร้านค้ามัลติแบรนด์นั้นมีประโยชน์มากมาย แต่ข้อดีหลักๆก็คือ

1.การเพิ่มความหลากหลายของสินค้า – เป็นการสร้างข้อได้เปรียบช่องทางหนึ่งให้เหนือกว่าคู่แข่ง โดยการเพิ่มตัวเลือกหมวดหมู่ประเภทสินค้าทั้งด้านคุณภาพและราคาจากหลากหลายแบรนด์ให้ตอบโจทย์ลูกค้าหลายประเภท ถ้ายังนึกไม่ออกลองนึกถึงร้านเสื้อผ้าที่ขายเสื้อ กางเกง รองเท้า และเครื่องประดับ จากหลายๆแบรนด์ในร้านเดียวนั้นสามารถทำให้ใช้พื้นที่ว่างในร้านค้าในการเปิดให้ลงฝากขายและทำเพิ่มเติมให้กับร้านค้าเพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้

2.เพิ่มประสิทธิภาพของการโฆษณา – การมีแบรนด์สินค้าฝากขายเป็นจำนวนมาก ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่ร้านมัลติแบรนด์เพียงอย่างเดียว ยังเป็นการเพิ่มช่องทางให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ในด้านการโปรโมทหน้าร้านให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ร้านมัลติแบรนด์เองก็จะได้ทั้งฐานลูกค้าเดิมจากแบรนด์และลูกค้าจากกลุ่มใหม่

3.การจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ – การเปิดร้านมัลติแบรนด์ ร้านไม่ต้องจ่ายค่าสต๊อกสินค้าเพราะแบรนด์จะทำการส่งสินค้าให้ร้านช่วยขายหน้าร้าน ดังนั้น ร้านจึงประหยัดค่าต้นทุนการสต๊อกสินค้าและค่าดูแลรักษาสินค้า อีกทั้งร้านมัลติแบรนด์ยังมีรายได้จากค่าเช่าที่หน้าร้านและค่า GP ที่เก็บจากแบรนด์อีกด้วย

4.เพิ่มกลุ่มลูกค้า – การมีแบรนด์สินค้าที่แตกต่างกันจะช่วยดึงดูดลูกค้าต่างความชอบ อายุ รายได้ เข้ามายังร้านมัลติแบรนด์ กลยุทธ์สำคัญของร้านมัลติแบรนด์คือมีสินค้าที่หลายแบบและหลายสไตล์คอยตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายและไม่ยึดติดกับการซื้อสินค้าแบรนด์เดียว

 

แต่ว่าร้านรับฝากขายทั่วไปมักจะใช้ระบบ Manual หรือ POS ทั่วไปในการจัดการระบบสินค้าที่รับมาลงฝากขาย แพลตฟอร์ม MultiOne จึงสร้างมาเพื่อแก้ไขปัญหา และตอบโจทย์ร้านค้า Multi-Brand ยุคใหม่ ที่ต้องการพัฒนาหน้าร้านของตัวเองให้มีระบบการจัดการและจัดส่งสินค้าที่ครบครันและสะดวกทั้งสำหรับร้านค้า แบรนด์ พร้อมทั้งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าไปด้วยกัน

 

ข้อดีของฟังก์ชัน MultiOne Platform มีอะไรบ้าง ??

  • ระบบ POS จัดการร้าน Multi-brand

ฟังก์ชันขายหน้าร้าน ตัวช่วยที่จะทำให้การขายหน้าร้านของคุณง่ายขึ้น มาพร้อมฟีเจอร์ที่ใช้งานง่ายและสะดวก เช่น ฟีเจอร์แคชเชียร์หน้าร้าน, ฟีเจอร์รายงานยอดขาย, ฟีเจอร์ระบบสมาชิก, ฟีเจอร์สรุปกะสำหรับหน้าร้านที่มีพนักงานจำนวนมาก 

  • ระบบจัดการสต๊อคสินค้าจากหลายแบรนด์

          ฟังก์ชันจัดการแบรนด์และสต๊อกสินค้า ไม่ว่าจะเพิ่มแบรนด์ จัดการสัญญากับแบรนด์ จัดการสินค้าที่ฝากขายหรือจะส่งคืนสินค้า ก็สามารถจัดการได้ง่าย รองรับการใช้งานกับสินค้าระดับ SKU จำแนกสินค้าได้ตามประเภท 

  • ฟังก์ชันรายงานยอดขาย

          ฟังก์ชันรายงานยอดขายทั้งโดยรวมและแยกรายแบรนด์ รายงานยอดขายย้อนหลังได้ทั้งรายสัปดาห์และรายเดือน พร้อมฟีเจอร์ออกใบกำกับภาษีและใบเสร็จรับเงิน

  • ระบบ Matching ค้นหาและจับคู่ร้านค้ากับแบรนด์ได้ง่ายๆ

          ฟังก์ชันที่ช่วยค้นหาแบรนด์ฝากขาย ซึ่งจะแสดงรายละเอียดและช่องทางติดต่อของแบรนด์พาร์ทเนอร์ในระบบของเราเพื่อใช้ในการจับคู่ฝากขาย สามารถเลือกค้นหาตามประเภทสินค้าหรือชื่อแบรนด์ได้ 

  • ฟรี !! เชื่อมต่อสต๊อคสินค้ากับ Line OA และช่องทางอี-คอมเมิร์ซอื่นๆ

          ฟังก์ชันร้านค้าออนไลน์ครบวงจร ฟรี! Sale Page โปรโมทสินค้า เชื่อมข้อมูลสินค้ากับสต๊อกหน้าร้านได้อย่างไม่จำกัด ขายไม่มีสะดุดทุกช่องทาง

  • การจัดการโปรโมชั่นผ่านระบบได้ง่ายๆ

          ฟังก์ชันที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ร้านและแบรนด์ออกโปรโมชั่นร่วมกันได้ เพียงแค่แบรนด์กำหนดโปรโมชั่นขึ้นมาในระบบ หน้าร้านก็จะสามารถตรวจสอบและอนุมัติได้อย่างรวดเร็ว

ทำไมต้องเทรนด์ร้าน Multibrand ?

พฤติกรรมของคน Gen Y และคน Gen Z

คน Gen Y และ Z เป็นคนในยุคใหม่ ที่เกิดมาในยุคที่เทคโนโลยีมีผลกระทบกับการใช้ชีวิต ทำให้มีพฤติกรรมบางส่วนที่คล้ายกัน นั่นก็คือ ความต้องการอิสระในชีวิต และการทำงาน แนวโน้มของคนรุ่นใหม่จึงมีโอกาสที่จะทำธุรกิจเป็นของตนเองสูง อย่างที่เรามักจะเห็นอาชีพแนวอิสระใหม่ๆ ที่ได้รับความนิยมกัน เช่น Blogger, Youtuber, นัก Review หรือทำธุรกิจอื่นๆ เองเป็นต้น อีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับคนยุคนี้ก็คือ ร้าน Multi-brand เงินลงทุนหลักๆ จะเป็นค่าเช่าสถานที่ที่ไม่มากจนเกินไป และจะได้รับคืนมาเป็นค่าเช่าพื้นที่ฝากขาย ทำให้มีความมั่นคงค่อนข้างสูง และที่สำคัญคือ มันเป็นธุรกิจที่อินดี้มากๆ เพราะ Concept ของร้าน แล้วแต่เจ้าของจะ Design ตั้งแต่การตกแต่ง, อารมณ์ของร้าน, Brand ที่จะนำมาลงขาย, สินค้าอะไรที่ต้องการ หรือไม่ต้องการ เห็นแล้วมันตอบโจทย์กับคำว่า อิสระทางความคิด และการใช้ชีวิตจริงๆ

 

โลกที่ไร้ซึ่งพรมแดน

เป็นสิ่งที่เอื้อทำให้ธุรกิจ Multibrand เกิดขึ้นได้ง่ายขึ้นอย่างมาก นึกภาพตามดูครับ ถ้าเราเปิดร้านอยู่จังหวัดเชียงใหม่ แต่เราต้องการเสื้อผ้าจาก Brand ที่ผลิตที่กรุงเทพฯ เราไม่มีความจำเป็นต้องลงทุนเดินทางลงไปเพื่อติดต่อแบบ face to face อีกแล้ว หากการตกลงสัญญา และเงื่อนไขจบ เราก็พร้อมรับของจากทางกรุงเทพฯ ได้ทันที หรือ ถ้าเรามองไกลยิ่งกว่านี้คือ Brand จากต่างประเทศหละ นั่นก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้เช่นเดียวกันสำหรับยุค Digital Disruption

 

เป็นจุด Start ให้กับ SME และช่องทางขายให้ธุรกิจอื่นๆ ได้

การแข่งขันธุรกิจในยุคนี้มีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ การทำการตลาดเพื่อเอาชนะใจลูกค้า เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตธุรกิจไปเสียแล้ว ดังนั้นเรื่องของ Cost เป็นสิ่งที่ต้องจัดการให้ดี ลงทุน 1 แต่ให้ได้ผลตอบแทน 10 หรือมากกว่า การฝากขายนอกจากจะได้ช่องทางการขายสู่มือลูกค้าที่มากขึ้น ประหยัดค่าเช่าเปิดร้านใหม่ ค่าพนักงาน ค่าบริหารต่างๆ แล้ว ที่สำคัญที่สุดเลยคือ Marketing ที่ทางร้านจะช่วยเสริม ให้กับทาง Brand ที่มาฝากขาย หรือนั่นคือการทำ Double Marketing ระหว่าง Brand เอง และ ร้านฝากขายนั่นเอง

 

เริ่มต้นได้ทันที

หากเป็นรูปแบบของการสร้างธุรกิจทั่วไป จะต้องผ่านการใช้เวลาวางแผน และเตรียมตัวก่อนจะเริ่มธุรกิจค่อนข้างนาน ยิ่งหากเป็นธุรกิจที่เน้น Value สร้างความแตกต่างด้วยนวัตกรรม อาจต้องกินเวลายาวนอนไปเป็นเดือนถึงปี ช่วงเวลาที่เสียไป คือต้นทุนค่าเสียโอกาส และจะเป็นช่วงเวลาที่เด็กๆ รุ่นใหม่ที่เริ่มต้นธุรกิจโดนพายุของแรงกดดันจากคนรอบข้าง ทั้งคำตักเตือน คำสอน หรือคำตำหนิต่างๆ มากมาย เช่น “เสียเวลาไปหลายเดือนแต่ยังไม่ได้เงินสักบาทเลย สู้เอาเวลาไปสมัครงานธุรกิจที่มั่นคงเสียดีกว่า….” เห็นภาพชัดเจนเลยถ้าเทียบกับ Multibrand แล้ว ที่สามารถเริ่มต้นได้เลยอย่างรวดเร็ว ไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก และซับซ้อน

 

Work Life Balance และ อิสระภาพทางการเงิน

เป็นสิ่งที่ทุกๆ ต้องการจะมีในชีวิตอย่างแน่นอนไม่มากก็น้อย ธุรกิจที่จะทำให้เราเป็นเสือนอนกินได้นั้น โดยส่วนมากแล้วจะเป็นที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้รับรายได้เป็นค่าเช่าที่มั่นคง High Risk – High Return ลงทุนด้วยเม็ดเงินจำนวนมาก ก็มีโอกาสเสียมาก แต่หากสำเร็จก็อาจจะมีอิสระภาพทางการเงินได้เลย… ธุรกิจ Multibrand เป็นการย่อขนาดของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้อยู่ใน scale ที่เราสามารถทำได้ผ่านการเก็บค่าเช่าพื้นที่ฝากขาย และแน่นอนว่าธุรกิจนี้ต่อไปในอนาคต มีโอกาสที่จะทำให้คนรุ่นใหม่หลายๆ คนอาจกลายเป็นวัยรุ่นร้อยล้านกันได้

 

ทิ้งท้ายสักนิด…

ร้านค้า Multi-Brand นั้นแน่นอนว่าสร้างความได้เปรียบได้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจทั่วไป หรือร้านค้าแทบจะทุกแนวได้อย่างหลากหลายแล้ว หากยิ่งได้แพลตฟอร์มดีๆแบบ MultiOne ไปช่วยอำนวยความสะดวกให้กับทางร้านแล้วล่ะก็รับรองได้เลยว่า เราจะเติบโตไปด้วยกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแน่นอน ทั้งหน้าร้านค้า แบรนด์ออนไลน์ และพวกเรา MultiOne ที่จะคอยพัฒนา สนับสนุน และแก้ไขทุกปัญหาที่เจอ พร้อมคอยเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดให้กับทุกธุรกิจเอง

 

Learn More

ร้านมัลติแบรนด์ ที่กำลังเริ่มกิจการใหม่นั้น ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง ? หากอยากเป็น ร้านมัลติแบรนด์ ที่ประสบความสำเร็จ

multy chart shop

กลยุทธ์ multi-brand คือ วิธีการของบริษัทในการสร้าง กำหนดรูปแบบ และโฆษณาแบรนด์ต่างๆ 

โดยการใช้แบรนด์ การมีพอร์ตโฟลิโอผลงานของแบรนด์นั้น บริษัทสามารถเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆที่มีคุณสมบัติและวัตถุประสงค์เฉพาะเจาะจง เพื่อให้ลูกค้ามีตัวเลือกที่หลากหลายและสามารถกำหนดเป้าหมายเฉพาะสำหรับลูกค้าและตลาดที่ต้องการได้

ร้านค้าควรพิจารณาเกี่ยวกับปัจจัยบางอย่างในแต่ละแบรนด์ ในกลยุทธ์ Multi-brand ซึ่งรวมถึงวัตถุประสงค์ของแบรนด์ กลุ่มเป้าหมาย และความแตกต่างจากการแข่งขัน แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จจะต้องนำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ซึ่งช่วยแก้ปัญหาและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ 

องค์ประกอบที่สำคัญของกลยุทธ์ Multi-brand

ก่อนที่เราจะประสบความสำเร็จนั้นเราควรทราบถึงองค์ประกอบที่สำคัญก่อนที่

1.เป้าหมาย: กลยุทธ์ Multi-brand ช่วยทำให้ธุรกิจของคุณบรรลุเป้าหมาย ช่วยทำให้ธุรกิจทำเงินได้มากขึ้น การตัดสินใจกำหนดเป้าหมายเมื่อวางแผนกลยุทธ์ Multi-brand นั้นสามารถช่วยให้บริษัทของคุณนั้นทำการตลาด วางแผนการขายที่รอบคอบและมีเป้าหมายได้

2.ความสม่ำเสมอ: หากแบรนด์ของบริษัทในกลยุทธ์ Multi-brand มีความสอดคล้องกันในด้านคุณภาพ ภาพลักษณ์ และวัตถุประสงค์ ลูกค้าจะจดจำและนึกถึงได้ง่ายขึ้น การรักษาความสอดคล้องกันของแบรนด์ต่างๆ หลายๆแบรนด์ในบริษัท สามารถช่วยแยกความแตกต่างจากแบรนด์อื่นได้

3.การมีอารมณ์ร่วม: แบรนด์ในกลยุทธ์ Multi-brand สามารถดึงดูดอารมณ์หรือความรู้สึกที่แตกต่างกันเพื่อดึงดูดลูกค้าที่มีแตกต่างกันทางอารมณ์ เช่น แบรนด์ๆหนึ่งของบริษัทอาจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าแบรนด์อื่นๆ ซึ่งสามารถดึงดูดความรู้สึกของลูกค้าเกี่ยวกับการรักษ์สิ่งแวดล้อมได้

4.ความยืดหยุ่น: ในกลยุทธ์ Multi-brand ธุรกิจจะต้องมีความคิดสร้างสรรค์ สามารถแก้ปัญหา ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง และสถานการณ์อยู่เสมอ ซึ่งหมายถึงการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาดผลิตภัณฑ์ และบริการเพื่อให้ทันกับเทรนด์ในปัจจุบันอยู่เสมอ

เคล็ดลับในการสร้างกลยุทธ์ multi-brand มีอะไรบ้าง

เคล็ดลับในการสร้างกลยุทธ์ Multi-brand มีอะไรบ้าง

เช็คความสามารถตัวเอง: ก่อนการสร้างกลยุทธ์ Multi-brand ต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าเรามีทรัพยากรเพียงพอที่จะใช้เวลา ความพยายาม และเงินเพื่อสร้างแบรนด์ที่แยกกันจากการตลาด

การสร้างเป้าหมาย: การสร้างเป้าหมายสำหรับกลยุทธ์ Multi-brand จะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถติดตามความคืบหน้าได้ โดยคำนึงถึงเป้าหมายตลอดกระบวนการทางการตลาด

การเลือกมูลค่าแบรนด์ของตัวเอง: ลูกค้ามักจะตอบรับในเชิงบวก หากแบรนด์มีหลักการ ความเชื่อ และค่านิยมที่ชัดเจน จะสามารถดึงดูดลูกค้าให้มาภักดีกับแบรนด์ของคุณได้

เน้นแบรนด์เฉพาะกลุ่ม: แบรนด์ต่างๆ มีมากมาย จึงเป็นความคิดที่ดีที่จะทำให้ลูกค้าเข้าใจถึงความแตกต่างในแต่ละแบรนด์ เน้นถึงลักษณะเฉพาะของแต่ละแบรนด์เพื่อให้แบรนด์มีจุดเด่นของตัวเองและให้ประโยชน์ที่เฉพาะตัวให้ลูกค้าจะได้รับ

สร้างแบรนด์ของคุณ: สร้างแบรนด์แต่ละแบรนด์ ด้วยการนำไปใช้กับโลโก้ หน้าโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่างๆ ป้ายโฆษณา และอื่นๆ การตลาดประเภทนี้สามารถช่วยให้แบรนด์ดูเป็นทางการและทำให้ลูกค้าไม่เกิดความสับสนกัแบรนด์อื่นๆ

ดำเนินการวิเคราะห์คู่แข่ง: การวิเคราะห์คู่แข่งคือการประเมินจุดแข็งและจุดอ่อนของคู่แข่งที่แท้จริงและมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นในบริษัท การวิเคราะห์นี้ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจอุปสรรคต่อความสำเร็จที่เป็นไปได้และวิธีก้าวข้ามอุปสรรคเหล่านั้น

อะไรคือสิ่งที่ต้องเตรียมเพื่อให้ร้านค้าปลีก multi-brand ประสบความสำเร็จ?

        ด้วยความที่ว่าสินค้ามีหลายประเภท ร้าน multi-brand จึงสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็วและทันกับเทรนด์ใหม่ล่าสุดเสมอ ด้วยความหลากหลายของแบรนด์ที่คุณได้รับ ร้านของคุณจึงสามารถสร้างความเหนือกว่าในตลาดและคู่แข่งของคุณได้

        ลูกค้าจะเลือกร้านของคุณเสมอเนื่องจากการอัพเดทที่รวดเร็วและการปรับตัวสูงให้เข้ากับความต้องการของตลาด

โฆษณาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

        ด้วยแบรนด์ที่มากกว่าหนึ่งแบรนด์ในร้านค้าของคุณ คุณสามารถรับการสนับสนุนจากแบรนด์พาร์ทเนอร์ที่มาลงฝากขายในด้านการตลาด แทนที่จะโฆษณาด้วยตัวเอง คุณมีแบรนด์อื่นๆ โปรโมทภาพของคุณต่อผู้บริโภคมากขึ้น ไม่ใช่เน้นแค่การโปรโมทร้านค้าของตัวเอง แต่ร้านค้าก็ควรโปรโมทสินค้าของแบรนด์ที่นำมาลงขายให้ดีด้วย

multibrand store blog

        นอกจากนี้ คุณยังมีตัวเลือกเพิ่มเติมเพื่อแสดงจุดแข็งของคุณ พาร์ทเนอร์แบรนด์จำนวนมากถือว่าเป็นจุดที่แสดงให้เห็นว่าธุรกิจมีความน่าเชื่อถือได้ ความหลากหลายเป็นพ้อยหลักที่ทำให้ชนะใจลูกค้า ที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและลดระยะเวลาการทำการตลาด

จัดระเบียบงบประมาณอย่างถูกต้อง

การให้ความร่วมมือกับแบรนด์อื่นจำนวนมากๆ นั้นยังหมายถึงการประหยัดทรัพยากรจำนวนมาก ที่ต้องจัดการให้เป็นระบบอีกด้วย

        1.ร้านค้าช่วยให้แบรนด์ออนไลน์ขายสินค้าได้มากขึ้น ดังนั้นจะมีค่าธรรมเนียมสำหรับแบรนด์อื่นๆที่เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณดูแลและยกระดับร้านค้าให้มีระดับ และสไตล์ตรงตามแบรนด์ที่นำมาลงขายอยู่ด้วย ซึ่งการจัดการสินค้าและแต่ละแบรนด์ให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพนั้นเป็นสิ่งสำคัญ

        2.ขั้นตอนต่อไป ในฐานะร้านค้าปลีก multi-brand คุณไม่จำเป็นต้องมีสินค้าคงคลัง เนื่องจากแต่ละแบรนด์จะมีพื้นที่จัดเก็บของตัวเอง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเช่าสถานที่และทรัพยากรบุคคลเพื่อติดตามและพัฒนาสินค้า แต่ร้านค้าก็ต้องมีการติดตาม คาดการณ์การเติมสินค้าและคัดเลือกสินค้าใหม่ๆ ที่ต้องการนำมาลงขายให้ดี

ได้รับอนุญาตจากแบรนด์ที่ให้ความร่วมมืออื่น ๆ

        จะไม่มีความหมายอะไรสำหรับร้านค้าที่มีผู้ค้าหลายรายที่ไม่มีแบรนด์ใดทำงานด้วย ดังนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือติดต่อธุรกิจที่เลือกให้เหมาะกับสไตล์ของคุณ และเสนอให้พวกเขาขายผลิตภัณฑ์ของพวกเขา

        การขออนุญาตจะชี้แจงกระบวนการและผลกำไรของแต่ละฝ่าย รวมทั้งเสริมสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันระหว่างแบรนด์เพื่อหลีกเลี่ยงการโกง

สร้าง workflow สำหรับการสั่งซื้อและการจัดการจัดส่งสินค้า

workflow1

        เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น ควรจัดทำแผนครอบคลุมสำหรับคำสั่งซื้อและการจัดการจัดส่งสินค้า ในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ต่างๆ การติดตามธุรกรรมทั้งหมดเป็นสิ่งสำคัญ workflow ที่ชัดเจนยังช่วยให้คุณสร้างประสบการณ์ของลูกค้าที่น่าพึงพอใจ ซึ่งจะลดการเสียรายได้จากสินค้าขาด

เลือกแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เหมาะสมกับคุณ

        ด้วยความบูมของอีคอมเมิร์ซ การนำร้าน multi-brand ออนไลน์ จึงเป็นกลยุทธ์ของเจ้าของกิจการจำนวนมากในขณะนี้ การสร้างแพลตฟอร์มที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ซึ่งน่าเชื่อถือ ปรับขนาดได้ และปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ คุณจะไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้เลยหากมีบริการที่ไม่เสถียรกับผู้ใช้งาน

        ซึ่งทาง MultiOne เราก็มีสิทธิพิเศษสำหรับผู้ใช้งานแพลตฟอร์มในการใช้ Line OA ได้ ฟรี !!

ต้องทำอย่างไรถึงจะชนะในเกมค้าปลีก multi-brand ได้?

        ต่อไป ให้เราแสดงวิธีชนะ multi-brand game ด้วยการเตรียมการอย่างระมัดระวังและการเดินเกมอย่างชาญฉลาด คุณสามารถเพิ่มยอดขายได้สูงกว่าที่คุณคาดไว้

เข้าใจเป้าหมายของคุณ

        เป้าหมายสูงสุดของทุกธุรกิจคือ การทำให้ลูกค้าซื้อมากขึ้นและเราได้รับกำไร ดังนั้น หากคุณไม่เข้าใจลูกค้าของคุณ คุณจะไม่สามารถเอาชนะธุรกิจใดๆได้ สำหรับร้านค้าที่มีผู้ค้าหลายราย ปัญหานี้จะมีความรุนแรงกว่า: คุณขายผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ มากมาย แต่ถ้าหากพวกเขาไม่ตอบสนองต่อความต้องการของเป้าหมาย คุณจะไปต่อไม่ได้ มันจะเป็นปัญหาใหญ่ไม่เพียงแต่ธุรกิจของคุณอย่างเดียวแต่รวมไปถึงพาร์ทเนอร์ของคุณด้วย ดังนั้นอย่าลืมทำการวิจัยผลิตภัณฑ์และการตลาดก่อนทำการตัดสินใจครั้งใหญ่

มั่นใจได้ถึงกระบวนการที่คล่องตัวและได้มาตรฐาน

รักษาคุณภาพการบริการ customer service quality

        จากการวิจัยพบว่า ลูกค้า 74% เดินจากไปเพราะว่า การบริการลูกค้าที่ไม่ดีและกระบวนการซื้อที่ยากลำบาก ในขณะที่เปอร์เซ็นต์เดียวกันตกหลุมรักแบรนด์สำหรับการสนับสนุนที่เป็นประโยชน์ ในฐานะที่เป็นร้านค้า multi-brand คุณควรรักษาคุณภาพการบริการอย่างสม่ำเสมอ

        การใช้งานเกตเวย์การชำระเงินที่ปลอดภัยและชาญฉลาดจะช่วยให้ลูกค้าเพลิดเพลินกับการเดินทางช้อปปิ้งที่ร้านค้าของคุณ

ตรวจสอบเป็นประจำ

        การจัดการแบรนด์ต่างๆ มากมายอาจเป็นงานที่เหนื่อย แต่อย่าลืมติดตามเป็นประจำ รายงานเพื่อตอบคำถามสำคัญ เช่น ‘มีสินค้าคงคลังหรือไม่’ หรือ ‘ประสิทธิภาพของแบรนด์ A ในเดือนนี้เป็นอย่างไรบ้าง’ ควรดำเนินการอย่างถี่ถ้วนเสมอ ข้อมูลนี้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดกลยุทธ์ในอนาคตของคุณ

        นอกจากนี้ การตรวจสอบบ่อยๆ ยังช่วยให้คุณอัปเดตและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ในโลกสมัยใหม่ได้

        ร้านค้า multi-brand เริ่มคุ้นเคยกับผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการแก้ไขปัญหาความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และการลดต้นทุน จากความต้องการในทางปฏิบัติ คุณสามารถเลือกเส้นทางนี้เพื่อนำธุรกิจของคุณไปสู่ระดับใหม่ในการสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งในตลาดได้

        แม้ว่าการจัดการร้านค้าปลีกหลายรายอาจเป็นเรื่องที่ยาก แต่เมื่อคุณเอาชนะความท้าทายไปได้ หน้าร้านค้าของคุณและแบรนด์ที่มาลงฝากขาย จะสามารถเติบโตไปด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นจุดแข็งช่องทางหนึ่งที่ทำให้ร้านค้าอยู่เหนือคู่แข่ง ดังนั้นกลยุทธ์ Multi-brand จึงเป็นได้ทั้ง ทางแก้ไขปัญหา และความท้าทาย สำหรับร้านค้าในการเติบโตแบบก้าวกระโดด

         ผู้ค้าจำนวนมากเลือกใช้แพลตฟอร์มกลางเพื่อเชื่อมต่อกับหลายช่องทางเพื่อลดความซับซ้อนของกระบวนการจัดการของร้านค้าหลายช่องทาง ด้วยวิธีนี้ เจ้าของร้านค้าสามารถรวมสินค้าคงคลังเข้ากับช่องทางการขายทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย และตรวจสอบทุกอย่างในที่เดียว

        ซึ่งจะขาดไปไม่ได้เลย MultiOne ระบบจัดการสินค้าที่ดีที่สุดสำหรับร้าน Multi-brand ครบ จบในที่เดียว 

        หากสนใจร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ MultiOne คลิกที่นี่ เรามีแบรนด์สินค้า และ ร้านค้าพาร์ทเนอร์ ในระบบมากมายให้คุณเลือก พร้อมด้วยฟังก์ชั่นระบบหลังบ้านที่ครบครัน ช่วยให้การจัดโปรโมชั่นระหว่างร้านกับแบรนด์ เป็นเรื่องง่ายขึ้น.

และถ้าอยากติดตามการแนะนำของน้องมัลตี้ในเรื่องอื่น ๆ ล่ะก็ เข้าไปดูได้เลย ที่นี่  และ มารอติดตามกันว่า น้องมัลตี้จะเอาอะไรมาฝาก ในครั้งหน้าได้ ที่นี่

Learn More

ร้านมัลติแบรนด์ เทรนด์ร้านค้ายุคใหม่ ตอบโจทย์การชอปปิ้งในปัจจุบัน ร้านมัลติแบรนด์ จะช่วยให้คุณยกสินค้า Online สู่ On Shelves ให้ลูกค้าสามารถสัมผัสสินค้าได้จริง!!!

 

การเป็น ” ร้านมัลติแบรนด์ ” นั้น สร้างข้อได้เปรียบให้กับร้านค้ายังไง ?

        หลายคนอาจคุ้นหูหรือเคยได้ยินคำว่า ร้าน Multibrand กันมาบ้างแล้ว แต่หลายคนอาจสงสัยว่า ร้าน Multibrand แตกต่างกับร้านค้าทั่วไปยังไง

        Multi-Brand Store แหล่งรวบรวมสินค้าจากแบรนด์ออนไลน์ไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแฟชั่น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับหรือจะเป็นสินค้าประเภท stationery สติ๊กเกอร์ เทป เทียนหอม etc. 

        ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น วัยเรียนอย่างนักศึกษาหรือนักเรียนมัธยมที่ชอบหาข้อมูล หรือติดตามสินค้าจากสื่อสังคมออนไลน์ก่อนที่จะมาเลือกสินค้าที่หน้าร้านจริง

การเปิดหน้าร้าน เทรนด์ยุคใหม่กับเหตุผลทำไมต้องเป็น ” ร้านมัลติแบรนด์ “

        ร้านมัลติแบรนด์สร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์แบรนด์ออนไลน์ที่ต้องการมีพื้นที่สำหรับวางขายสินค้าโดยที่ไม่ต้องเปิดหน้าร้านเป็นของตัวเอง

        โดยร้านมัลติแบรนด์จะให้บริการเช่าพื้นที่สำหรับวางขาย ช่วยขายสินค้าให้แบรนด์ออนไลน์ อีกทั้งยังมีการโปรโมทและช่วยในด้านการทำการตลาดให้แบรนด์สินค้าอีกด้วย

การเปิดร้านมัลติแบรนด์ดียังไง แล้วทำไมร้านค้าส่วนใหญ่จึงเลือกเปลี่ยนมารับฝากขายมากขึ้น

  1. เพิ่มมูลค่าให้พื้นที่

        จะดีกว่ามั้ยถ้าเปลี่ยนพื้นที่โล่ง ๆ ภายในร้านให้กลายเป็นพื้นที่สร้างมูลค่า เพิ่มรายได้เสริมจากพื้นที่ว่างภายในร้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด การรับฝากขายจากแบรนด์จะช่วยให้หน้าร้านมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการวางขายสินค้า

      2. ร้านค้าไม่ต้องจ่ายค่าสต๊อกสินค้า

        การฝากขายสินค้า คือการที่แบรนด์ส่งสินค้าให้ร้านช่วยทำการขายให้ผ่านช่องทางหน้าร้านและร้านไม่ต้องจ่ายค่าสต๊อกสินค้า หมดปัญหาสต๊อกจนทุนจม ร้านมีหน้าที่เพียงช่วยขายสินค้าให้กับแบรนด์ หากต้องการสินค้าเพิ่ม หน้าร้านก็เพียงติดต่อให้แบรนด์ส่งสินค้ามายังหน้าร้าน

      3. มีสินค้าที่หลากหลาย ไม่เอ้าท์ ไม่ตกเทรนด์

        แบรนด์ส่วนใหญ่มักมีการออกสินค้าใหม่ๆ เสมอ ดังนั้นเมื่อมีการฝากขายสินค้า แบรนด์ผู้ทำหน้าที่ฝากขายก็จะคอยอัพเดทสินค้าใหม่ๆ เพื่อวางขายที่หน้าร้าน สินค้าภายในร้านมัลติแบรนด์จึงมักจะเป็นสินค้าที่ต้องตามเทรนด์และอัพเดทอยู่เสมอนั่นเอง

      4. เพิ่มฐานลูกค้าใหม่ ๆ ให้ร้าน

        แบรนด์หลาย ๆ แบรนด์มักจะมีฐานลูกค้าเดิมอยู่ก่อนแล้ว เมื่อมีการฝากขายกับหน้าร้าน หน้าร้านก็จะพลอยได้ฐานลูกค้าเดิมจากแบรนด์อีกด้วย ไม่ต้องยิง Ads. เพิ่ม หน้าร้านก็จะได้ฐานลูกค้าใหม่ ๆ จากแบรนด์มาด้วยนะ ดีใช่มั้ยล่ะ

      5. แบรนด์ช่วยร้านโปรโมท

        เมื่อแบรนด์ฝากขายกับหน้าร้าน แบรนด์จะช่วยโปรโมทร้านให้กลุ่มลูกค้าได้รู้จักผ่านช่องทางออนไลน์ของแบรนด์ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อทั้งร้านและแบรนด์ เมื่อลูกค้าสนใจซื้อสินค้า ลูกค้าก็จะตามไปซื้อสินค้าจากหน้าร้านที่รับฝากขายนั่นเอง

        ดังนั้นแล้ว ร้านค้าในยุคปัจจุบันจึงเปลี่ยนมาเป็นร้านมัลติแบรนด์มากยิ่งขึ้น ทั้งเพิ่มความหลากหลายให้สินค้าภายในร้านและไม่ต้องเสียพื้นที่ในส่วนของหน้าร้านอย่างเสียเปล่า การฝากขายจึงเป็นเทรนด์ร้านค้ายุคใหม่ที่ถือได้ว่าปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยนี้มากที่สุด 

        เพราะในปัจจุบัน ร้านค้ามัลติแบรนด์ที่มีสินค้าหลากหลายประเภท มักเป็นจุดหมายปลายทางของขาช็อปในยุคนี้ ทั้งในแง่ความสะดวกและความหลากหลายของสินค้า จึงเป็นเหตุผลหลักที่ลูกค้าเลือกเข้าร้านมัลติแบรนด์มากยิ่งขึ้นนั่นเอง

        สำหรับใคร ที่กำลังตัดสินใจเปิดร้านมัลติแบรนด์อยู่และยังไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้างจึงจะเปิดร้านได้อย่างประสบความสำเร็จ ต้องทำยังไงถึงจะขายดี มีกำไร หรือแม้กระทั่งทำให้ลูกค้าติดใจและอยากกลับมาซื้อของที่ร้านอีก 

วันนี้น้องมัลตี้มี 5 สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนเปิด” ร้านมัลติแบรนด์ “มาแนะนำ อยากเปิด” ร้านมัลติแบรนด์ ” ควรพิจารณาอะไรบ้าง ไปเช็คกันเลย!

  1. วางคอนเซ็ปต์ร้านมัลติแบรนด์

        สิ่งแรกที่ผู้ประกอบการมือใหม่จะต้องพิจารณาคือคอนเซ็ปต์ของร้าน เพื่อจะหาและเลือกสินค้าจากแบรนด์ที่คอนเซ็ปต์ตรงกัน ตีตลาดกับกลุ่มลูกค้าที่ไม่กว้างจนเกินไป และสิ่งสำคัญในส่วนนี้คือคอนเนคชั่นกับแบรนด์ เพราะคอนเนคชั่นเปรียบเสมือนเครื่องมือที่ช่วยให้สิ่งที่เจ้าของธุรกิจต้องการเกิดขึ้นได้ง่ายในพริบตา

      2. พิจารณาค่าเช่า

        สิ่งต่อมาที่ผู้ประกอบจะต้องมีคือพื้นที่ในการเปิดหน้าร้านของตัวเองจึงต้องหาเช่าพื้นที่ (หากไม่มีพื้นที่เป็นของตัวเอง ) ต้องคำนวณทั้งค่าเช่า ยอดขาย และกำไรไว้ล่วงหน้าด้วยนะ จะได้วางแผนเปิดร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอย่าลืมที่จะสำรวจว่าทำเลที่จะเช่านั้นมีลูกค้าเราอยู่หรือเปล่า คำนวณให้ละเอียดทั้งราคาที่จะขายสินค้า ราคาค่าเช่า ค่าจ้างพนักงาน ค่าน้ำค่าไฟ รวมถึงค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ ลองเขียนออกมาเป็นข้อ ๆ แล้วคุณจะเห็นภาพชัดยิ่งขึ้น ไหนจะต้องเลือกทำเล หาที่ปล่อยเช่าอีก  และแม้จะได้ทำเลที่คิดว่าดีที่สุด ก็อาจสะดุดเพราะเศรษฐกิจแย่ ไม่มีลูกค้าหรือปัจจัยอื่น ๆ ที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน เพราะฉะนั้นคุณควรหลีกเลี่ยงการเซ็นสัญญาระยะยาว จะได้ไม่มีข้อผูกมัดมากเกินไปตั้งแต่เริ่มเปิดร้านขายของ

      3. คาดการณ์ปริมาณลูกค้า

        สำรวจปริมาณลูกค้า ให้คุณดูลูกค้าบริเวณรอบที่ทำเลในการเปิดร้านมัลติแบรนด์ของคุณก่อนว่าคอนเซ็ปต์ของสินค้าที่จะขายตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่นั้นหรือเปล่า ปริมาณลูกค้าที่จะเข้าร้านอยู่ที่เท่าไหร่ รายได้ของผู้คนบริเวณที่ทำเลเป็นอย่างไร หรือว่าต้องขายสินค้าแบบไหนร้านมัลติแบรนด์ของคุณถึงจะโดดเด่นและได้รับความสนใจจากลูกค้า

      4. รู้ขั้นตอนการทำงานอย่างถี่ถ้วน

        หากคิดจะเป็นเจ้าของกิจการแล้ว คุณต้องทำงานให้หนักขึ้นเพราะนี่คือร้านของคุณ คุณไม่สามารถมีรายได้ที่แน่นอนเหมือนมนุษย์เงินเดือน เพราะฉะนั้นคุณจะต้องคิดเสมอว่าการเปิดร้านมัลติแบรนด์ครั้งนี้คือธุรกิจที่คุณจะต้องดูแลและพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อให้ร้านของคุณไปรอด สิ่งที่สำคัญและควรทำในการเป็นนายตัวเองนั้น คุณไม่สามารถหยุดทุกอย่างได้ตามใจตัวเอง แต่ต้องลงมือทำทุกขั้นตอนด้วยตนเองและรู้ขั้นตอนการทำงานอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด เริ่มตั้งแต่วิธีการติดต่อและการหาซัพพลายเออร์ การสั่งของจากแบรนด์ต่างๆ  การทำบิล ศึกษาการตลาด การเช็คสต๊อกสินค้า หรือแม้กระทั่งการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ซึ่งในฐานะผู้ประกอบการแล้ว คุณจะต้องรู้วิธีการจัดการสิ่งเหล่านี้อย่างละเอียด ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ

      5. ขายสินค้าราคาเที่ยงธรรม

        ไม่ว่าใคร ๆ ก็ชอบของดีมีคุณภาพในราคาที่ต้องจับต้องได้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นอย่าขายสินค้าราคาที่สูงเกินราคาที่แบรนด์กำหนด และต้องไม่ตั้งราคาที่ต่ำจนเกินไป จะได้ไม่เข้าเนื้อตัวเองจนขาดทุน ลองศึกษาตลาด เปรียบเทียบราคาสินค้าและศึกษาคู่แข่งเพื่อทำโปรโมชั่นต่างๆ จากนั้นก็ตั้งราคาสินค้ากับโปรโมชั่นที่ใกล้เคียงเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้าของคุณราคาสมเหตุสมผลกับคุณภาพของแต่ละแบรนด์

        เมื่อรู้ข้อควรพิจารณาก่อนเปิดร้านมัลติแบรนด์แล้วสนใจอยากเปิดร้านมัลติแบรนด์ น้องมัลตี้มีแพลตฟอร์มดีๆมาแนะนำนั่นก็คือ MultiOne Platform ของเรานั่นเอง

        Multione Platform ตัวช่วยที่จะทำให้การจัดการร้านมัลติแบรนด์ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เรามีระบบ POS สุดปัง หมดปัญหาจัดการสต๊อกแสนยุ่งยาก อัพเดทข้อมูลแบบสินค้า real time ให้คุณจัดการร้านมัลติแบรนด์ง่ายๆ ครบจบในระบบเดียว

        หากสนใจร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ MultiOne คลิกที่นี่ เรามีแบรนด์สินค้า และ ร้านค้าพาร์ทเนอร์ ในระบบมากมายให้คุณเลือก พร้อมด้วยฟังก์ชั่นระบบหลังบ้านที่ครบครัน ช่วยให้การจัดโปรโมชั่นระหว่างร้านกับแบรนด์ เป็นเรื่องง่ายขึ้น.

และถ้าอยากติดตามการแนะนำของน้องมัลตี้ในเรื่องอื่น ๆ ล่ะก็ เข้าไปดูได้เลย ที่นี่  และ มารอติดตามกันว่า น้องมัลตี้จะเอาอะไรมาฝาก ในครั้งหน้าได้ ที่นี่

Learn More

ร้านมัลติแบรนด์ เทรนด์ยุคใหม่ที่หลายคนจับจ้อง เพราะอะไร ?? ทำไมร้านค้าถึงต้องเปลี่ยนมาเป็น ร้านมัลติแบรนด์ น้องมัลตี้จะพาทุกคนไปดูกัน!!!!

ปัจจุบันในเมื่อร้านค้า Online ได้รับความนิยมมาก จึงเป็นต้นกำเนิดของร้านที่จะนำ Brand สินค้าที่มีคุณภาพ ตรง Concept ของร้านมาลงฝากขาย โดยร้าน Multibrand จะได้รับรายได้จากการ “ให้เช่าพื้นที่ฝากขาย” หรือ “ค่า % คอมมิชชัน” ทางใดทางหนึ่ง หรือจะเก็บเป็นทั้งคู่จาก Brand เลยก็ได้

แบรนด์ออนไลน์ผลิตสินค้าออกมาก็ต้องการหาช่องทางที่จะขายสินค้าออกไป เพราะยุคนี้การขายออนไลน์ช่องทางเดียวก็คงไม่พออีกต่อไปหรือบางทีแบรนด์ออนไลน์อาจจะยังไม่พร้อมเปิดหน้าร้าน

พ่อค้าแม่ค้าหน้าร้านก็ต้องการที่จะหาของมาขาย ไม่ว่าจะเพราะที่ว่างในร้านเหลือ หรืออยากเพิ่มความหลากหลายของสินค้าภายในร้าน ความต้องการของทั้งคู่จึงมาพบเจอกัน เกิดเป็นโมเดลธุรกิจนี้ขึ้นมานั่นก็คือ !?

ร้านมัลติแบรนด์ (Multi-Brand Store) ร้านค้าที่รวบรวมสินค้าจากหลากหลายแบรนด์มาวางขายไว้ในร้านเดียว จุดเด่นหลักของร้านมัลติแบรนด์คือการมีสินค้าที่หลากหลายแต่ยังคงคอนเซ็ปต์ของร้านได้จากการเลือกแบรนด์ที่มีสินค้าสไตล์เดียวกันมาลงขาย เป็นแนวทางใหม่ที่ส่งผลดีและน่าสนใจในการขยายฐานลูกค้าหลักให้กับร้านค้า

ซึ่งร้านมัลติแบรนด์นั้นไม่ได้จำกัดแค่เพียง เสื้อผ้าแฟชั่นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีทั้งสินค้าประเภท lifestyle cosmetic Handmade DIY และ stationery ที่ได้รวบรวมสารพัดสินค้าหลากสไตล์ หลายราคาไว้ด้วยกัน

เทรนด์อีคอมเมิร์ซยุคใหม่ ยกร้าน Online สู่ On Shelves

[/vc_column_text]

คนยุคใหม่ 2022 ถึงแม้จะช้อปออนไลน์กระจายแล้ว แต่ก็ยังขาดไม่ได้ที่จะไปช้อปต่อที่หน้าร้านค้า เกิดเป็นเทรนด์ของร้านรูปแบบ Multi-Brand ร้านค้าที่รวบรวมแบรนด์สินค้าชื่อดังบนโลกออนไลน์ไว้ด้วยกันในร้านเดียว ตอบโจทย์พฤติกรรมการชอปปิ้งแบบไร้รอยต่อของคนไทย ทำให้ยุคนี้เกิดร้านแบบ Multi-Brand อยู่เกือบทุกย่านในกรุงเทพฯ และกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในต่างจังหวัด

พฤติกรรมการซื้อของออนไลน์ของคนไทยในปี 2022 

คนไทย 2 ใน 3 ซื้อของออนไลน์เป็นประจำมากเป็นอันดับ 1 ของโลก ข้อมูลนี้ทำให้เห็นว่าคนไทยนั้นมีพฤติกรรมการซื้อของออนไลน์รายสัปดาห์สูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก คือ 68.3% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในไทยที่มีอายุ 16-64 ปี ตามมาด้วยประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย เกาหลีใต้ เม็กซิโก และจีน น่าภูมิใจกับเรื่องนี้มากๆ ครับที่คนไทยซื้อของออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์สูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก

แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ มีผู้บริโภคจำนวนหนึ่งค้นหาสินค้าจากโซเชียลมีเดีย แต่ก็ยังชอบที่จะซื้อสินค้าหน้าร้าน เพราะมองว่า 

  •  ได้ลองจับสินค้าด้วยตนเองว่าชอบหรือไม่ 
  •  ได้ของทันทีไม่ต้องรอรับจากไปรษณีย์ 
  •  ได้เดินชอปปิ้งดูของไปเรื่อยๆ สนุกในการดูสินค้าไปเรื่อยๆ 
  •  ใช้บัตรเครดดิตได้ ผู้บริโภคบางคนรู้สึกไม่โอเคที่ต้องจ่ายเงินสดเป็นก้อน

ปกติร้านค้าออนไลน์จะมีพื้นที่ได้เจอลูกค้าบนโลกออฟไลน์ผ่านงานอีเวนต์ขายของต่างๆ ปัจจุบันมีหลากหลายอีเวนต์ในหลายๆ ทำเล แต่อีเวนต์ขายของก็ไม่มีบ่อยครั้ง ในตลาดชอปปิ้งเมืองไทยจึงเกิดร้านค้ารูปแบบ Multi-Brand ขึ้นมา เพื่อเป็นอีกทางเลือกที่เข้ามาตอบโจทย์ทำให้ลูกค้าได้ทดลองสินค้าด้วยตนเอง พลิกโอกาสร้านสินค้าหลากประเภทจาก Online สู่ On Shelves

ร้านมัลติแบรนด์ คือร้านค้าที่รวบรวมแบรนด์สินค้าจากออนไลน์ในอินสตาแกรม หรือเฟซบุ๊กหลากหลายแบรนด์ แต่ละแบรนด์ล้วนเป็นร้านดังๆ มีแฟนคลับ หรือมีผู้ติดตามจำนวนมากหลายหมื่นหลายแสน Multi-Brand Stores จึงกลายเป็นศูนย์รวมสินค้าแฟชั่นหรือเป็นห้างขนาดเล็กที่มีครบทุกอย่างตั้งแต่เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ จึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือของการค้าขายในยุคนี้ ช่วยขยายโอกาสในการขายของให้แก่ร้านค้าออนไลน์ นำสินค้าสู่ช่องทางออฟไลน์ได้

จุดเริ่มต้นของ ร้านมัลติแบรนด์

ที่มาของร้านค้าในรูปแบบ Multi-Brand ร้านแรกๆ ก็คือ Collette เกิดขึ้นเมื่อปี 1997 ที่ประเทศฝรั่งเศส ส่วนทางฝั่งเอเชียมีร้าน ALAND ที่ประเทศเกาหลี เกิดเมื่อปี 2005

สำหรับในประเทศไทย ร้านแรกๆ คือ Wonder room เกิดเมื่อปี 2013 หลังจากนั้นก็มีหลายๆ ร้านตามมา เช่น ร้าน HOF จนเมื่อในปี 2015 ร้าน Multi-Brand Stores เริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น เช่น ร้าน SOS และร้าน FAB LAB ที่ตอนนี้เป็นพาทเนอร์กับแพลตฟอร์มของเรา MultiOne

        ส่วนในปัจจุบัน มีการเพิ่มขึ้นของจำนวน ร้านมัลติแบรนด์ เป็นจำนวนมาก และมีมากกว่า 30 ร้านค้า ที่เป็นพาทเนอร์ในการใช้งานและเชื่อว่าระบบ MultiOne นั้นตอบโจทย์กว่าระบบไหนๆ เช่น ร้าน with a day ตั้งอยู่ที่ ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ชั้น 3 มีแบรนด์ขายในร้านมากกว่า 200 แบรนด์, ร้าน FAB LAB ที่มีร้านกว่า 6 สาขา และมีแบรนด์มากกว่า 200 แบรนด์, และร้าน Case space, Here for something, mini mooddd, Note by you, Last house on the right และร้านค้าอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งบางร้านค้า ยอดขายต่อเดือนนั้นสูงถึงหลักล้านบาทเลยก็ยังมี

ส่วนใหญ่แล้ว ร้านมัลติแบรนด์ จะเลือกโลเคชั่นที่ตั้งที่อยู่ใจกลางเมือง หรือที่มีขาชอปอยู่เยอะ เช่น ห้างสรรพสินค้าดังๆ หรือที่มีวัยรุ่นอยู่เยอะ และมีการขยายไปตามห้างสรรพสินค้า หรือเช่าที่ที่อยู่รอบนอก เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้า หรือเจาะกลุ่มลูกค้าให้ตรงตามประเภทสินค้าที่วางขายในร้านค้า

กลุ่มลูกค้าส่วนมากที่มักมาช้อปปิ้งร้านมัลติแบรนด์ ช่วงอายุจะอยู่ที่ 15-30 ปี ซึ่งมีค่าเฉลี่ยในการซื้อสินค้าต่อครั้งที่ตั้งแต่ 1,100-1,700 บาท ปัจจัยหลักในการเลือกซื้อสินค้าของลูกค้าส่วนมาก เนี่ยงมากจากชอบแบรนด์สินค้าที่อยู่ในร้านที่ซึ่งมีชื่อเสียงในโลกออนไลน์มาก่อนอยู่แล้ว นอกจากนั้นสินค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อมาจากแบรนด์ดังใน ร้านมัลติแบรนด์ ราคาขายต่อจะมีมูลค่ามากกว่าสินค้าอัลแบรนด์อยู่มาก

ด้านเจ้าของแบรนด์สินค้า พบว่าเจ้าของแบรนด์ส่วนมากมองว่าการเปิดหน้าร้านของตัวเองมีอุปสรรคหลายด้าน 

  •  ค่าใช้จ่ายสูง 
  •  ต้องมีสินค้าหลากหลายแบบ และจำนวนมาก 
  •  บริหารจัดการยุ่งยาก 
  •  ต้องหาพนักงานประจำร้าน 

จึงเป็นเหตุที่ให้แบรนด์ออนไลน์สนใจเข้าไปขายสินค้าในร้านมัลติแบรนด์ เพิ่มขึ้น เพราะร้านค้าตั้งอยู่ในทำเลทอง มีการจัดการสต๊อกสินค้าที่เป็นระบบ มีศักยภาพในการช่วยประชาสัมพันธ์ให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก และเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น 

เมื่อเจาะพฤติกรรมเชิงลึกของลูกค้าแต่ละกลุ่ม เริ่มต้นที่อายุ 16-20 ปี มองว่าแบรนด์ที่อยู่ในร้านมัลติแบรนด์ มีราคาค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่เป็นสินค้ามีสไตล์หรูหรา ซึ่งตนเองมีรายได้ที่ไม่สูงอยู่แล้ว เพราะยังหารายได้เองไม่ได้ สินค้าจึงอาจจะไม่เหมาะกับการใส่ในชีวิตประจำวัน จะเลือกซื้อสินค้าที่ร้านมัลติแบรนด์ ก็ต่อเมื่อใส่ไปงานพิเศษต่างๆ

กลุ่มลูกค้าเป็นวัยที่เริ่มมีรายได้เป็นของตัวเองแล้ว เป็นกลุ่มที่เพิ่งเริ่มทำงาน มองว่าสินค้าในร้านมีราคาค่อนข้างสูง แต่เมื่อเทียบกับคุณภาพก็ถือว่าเหมาะสม ยอมรับได้กับราคา และจะเลือกซื้อสินค้าจากร้านมัลติแบรนด์ ก็ต่อเมื่อเวลาไปออกงานต่างๆ 

กลุ่มลูกค้าวัยทำงาน มองว่าคุณภาพของสินค้าในร้านมัลติแบรนด์ เป็นสินค้ามีคุณภาพดี ดีกว่าสินค้าจากร้านค้า Fast Fashion อย่าง Zara และ H&M เสียอีก คุ้มค่ากับราคา อาจจะเลือกใส่สินค้าจาก Fast Fashion ในวันทำงาน และเลือกใส่สินค้าจากร้านมัลติแบรนด์ ในวันหยุด หรือวันท่องเที่ยว วันพิเศษต่างๆ

พฤติกรรมการช้อปปิ้งของเหล่านักช้อปที่มีความเหมือนกัน และน่าสนใจ ก็คือ มีการวางแผนก่อนที่จะเดินเข้าร้านและตัดสินใจซื้ออยู่แล้ว และมีการติดตามแบรนด์จากโลกออนไลน์ก่อนหน้านี้ เมื่อแบรนด์มีการอัปเดตสินค้าใหม่ๆ ก็จะไปทดลองที่ร้าน และไปตามซื้อที่ร้าน แต่บางครั้งก็ได้ของติดไม้ติดมือมากกว่าที่วางแผนไว้ และทุกครั้งที่ซื้อแบรนด์ใหม่ๆ นอกเหนือจากที่วางแผนไว้ ก็จะติดตามแบรนด์นั้นๆ ต่อในโซเชียลมีเดีย และถ้าพอใจในสินค้าก็จะซื้อต่อที่ออนไลน์

ค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าที่ร้านมัลติแบรนด์ นั้นพบว่ามีการใช้จ่ายมากกว่าซื้อออนไลน์ถึง 30%

พฤติกรรมการช้อปปิ้งที่ร้าน multi-brand stores

        รูปแบบร้านมัลติแบรนด์ นับว่าตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคนี้ค่อนข้างครบ ยิ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบหาข้อมูล หรือติดตามสินค้าจากช่องทางโซเชียลมีเดียก่อน แล้วค่อยมาเลือกสินค้าที่หน้าร้านจริง ได้ผลประโยชน์ทั้งผู้ประกอบการ และแบรนด์สินค้าเอง ทางแบรนด์ได้ช่องทางการขายเพิ่ม ได้ห้องลองสินค้า ได้ช่องทางที่พูดคุยกับลูกค้าเพิ่ม ส่วนทางผู้ประกอบการร้านได้รวบรวมร้านเด่นๆ ดังๆ มีแฟนคลับอยู่แล้ว ไม่ต้องเสียเวลาในการโปรโมตร้านมากมาย เนื่องจากร้านค้าหลายๆ ร้านมีพลังที่จะโปรโมตกับทางแฟนๆ อยู่แล้ว

จุดเด่นของร้านค้านั้น กลุ่มลูกค้าผู้บริโภคทั่วไปที่เข้ามาที่ร้านจะได้ทุกอย่างครบตั้งแต่หัวจรดเท้า มีตั้งแต่เสื้อผ้า เดรส เครื่องสำอาง หมวก เครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้า เรียกว่าลูกค้ามาร้านก็เพื่อมาหาช้อปปิ้งเสื้อผ้าที่เดียวแล้วได้ครบทุกอย่าง

ส่วนทางด้านของแบรนด์สินค้า ทางร้านมีเป้าหมายว่าต้องการเติบโตไปพร้อมๆกับแบรนด์ นอกจากเป็นหน้าร้านให้แล้ว ยังช่วยทำการตลาดออนไลน์ให้ด้วย ช่วยโปรโมท มีการทำสตูดิโอถ่ายรูปสินค้าโปรโมทให้แบรนด์ฟรี ทางร้านจะดูแลเรื่องการขายให้หมดตั้งแต่ต้นจนจบ

ความยากที่สุดของการทำร้านเป็นเรื่องของคน บุคลากร ต้องบริการจัดการคนให้ดี จะเจอปัญหาหนักก็คือพนักงานขายมักจะหายตัวไปเฉยๆ ไม่บอกไม่กล่าว ทำให้หาคนไม่ทัน และยุคนี้พบว่ามีเด็กๆ จำนวนไม่น้อยที่ไม่อยากทำงานประจำ พอทำได้สักพักก็ไม่อยากทำ ความท้าทายจึงต้องบริการจัดการให้ดี ใส่ใจความสุขของพนักงาน ปัจจุบันมีการบริหารที่ดีขึ้น มีการหาพนักงานพาร์ทไทม์มาเติมเพื่อแก้ปัญหาคนทำงานหายได้

คำแนะนำสำหรับคนที่ต้องการจะนำแบรนด์เข้าร้านมัลติแบรนด์ สำคัญคือต้องสร้างแบรนด์ของตนเองให้ดีก่อน หลายคนคิดว่าการฝากขายร้านมัลติแบรนด์ คือนำมาวางแล้วจะขายได้ ขายดี แต่จริงๆ แล้วเป็นแค่อีกหนึ่งช่องทางเท่านั้น ไม่มีใครให้ความสนใจสินค้าที่ไม่ดีไม่ว่าจะนำไปวางขายที่ไหน แบรนด์ต้องสร้างตัวตน ทำการตลาด และพัฒนาอยู่สม่ำเสมอทั้งออนไลน์ และหน้าร้าน เรื่องทำเลที่ตั้งก็สำคัญ ต้องเลือกสาขาที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ด้วย

ข้อสงสัย 5 ข้อ ว่าการเปิดร้านมัลติแบรนด์ ดียังไง แล้วทำไมร้านค้าส่วนใหญ่จึงเลือกเปลี่ยนมารับฝากขายมากขึ้น 

https://bit.ly/3oqlU12

บทความอ้างอิง https://www.everydaymarketing.co/trend-insight/insight-ecommerce-thai-2022-digital-stat-we-are-social/ 

https://positioningmag.com/1126664

[/vc_column][/vc_row]
Learn More

อยากเป็นพาร์ทเนอร์ กับ MultiOne ต้องทำอย่างไร ??? วันนี้น้องมัลตี้จะพาไปดูว่าแค่เพียงขั้นตอนน้อยนิด คุณก็สามารถสมัครเข้ามาเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์กับเรา (MultiOne) ได้!!!

ปัจจุบัน ธุรกิจฝากขายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่กำลังมาแรง ทั้งในแง่ของผู้ฝากขาย และผู้รับฝากขายเอง ได้มีการตกลงทำการขายร่วมกัน ช่วยให้การทำธุรกิจของคุณง่ายขึ้น โดยที่หน้าร้าน (ผู้รับฝากขาย) ไม่จำเป็นต้องผลิตสินค้าเอง และแบรนด์สินค้า (ผู้ฝากขาย) ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดหน้าร้านเองให้ยุ่งยาก   

ถ้าเพื่อน ๆคนไหน กำลังทำหน้าร้านที่มองหาแบรนด์สินค้าสำหรับการวางขาย หรือเป็นแบรนด์ที่อยากขายสินค้าหน้าร้าน แต่ก็ไม่อยากจ่ายค่าเช่าหน้าร้านที่แพงแสนแพง จะดีกว่ามั้ยถ้าเรา (MultiOne) ช่วยให้การฝากขายของคุณง่ายขึ้น ด้วยแพลตฟอร์มของ MultiOne ที่จะช่วยให้การฝากขายเป็นเรื่องง่าย ๆ ทั้งในส่วนของผู้ฝากขาย และผู้รับฝากขาย Multione ช่วยให้หน้าร้านและแบรนด์ค้นพบกันง่ายขึ้น ช่วยประหยัดเวลาในการหาช่องทางการขาย และช่วยหาสินค้าพาร์ทเนอร์ให้แก่ร้านของคุณ

ฝากขายผ่านระบบ Multione ” ได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้างไปดูกัน “

 

 

สิทธิประโยชน์ของร้านค้าพาร์ทเนอร์ที่ได้รับ

1. มีรายได้เพิ่มจากการนำแบรนด์มาฝากขายหน้าร้าน จากปกติร้านรับรายได้ที่เดียว

2. ลดความเสี่ยงในการลงทุน

3. ไม่ต้องเสียเงินค่าสต็อคสินค้า ทำให้ร้านค้าประหยัดต้นทุนค่าสต็อคสินค้า และที่สำคัญ ยังได้สินค้าใหม่ ๆ มาวางขายฟรี MultiOne มีสินค้าคุณภาพจำนวนมากกว่า 10,000 รายการ

ช่วยเติมเต็มความหลากหลาย ให้กับร้านค้าของคุณ พร้อมบอกลาความเสี่ยง ด้วยระบบขายก่อน – จ่ายทีหลัง

4. มีสินค้าวางจำหน่ายหลากหลายประเภท ทำให้มีกลุ่มลูกค้าเพิ่มมากขึ้น

5. ระบบช่วยปิดการขาย มีร้านค้าบน Line OA ฟรี ! ยกสินค้าจากทั้งร้านขึ้นวางขายออนไลน์ได้ง่าย ๆ ช่วยเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ และรักษาฐานลูกค้าเก่าของร้านคุณ

6. ระบบจัดการหน้าร้านแบบมืออาชีพ  เรา (MultiOne) มีให้ทั้งระบบ POS, ระบบแคชเชียร์, ระบบรายงานและวิเคราะห์ยอดขาย, เชื่อมสต็อกหน้าร้าน & สต็อกขายออนไลน์ จัดการข้อมูล สินค้า และจัดโปรโมชั่นได้หลากหลาย ที่สำคัญใช้งานง่าย มีทีมงานคอยช่วยเหลือดูแลตลอดเวลา

7. แบรนด์และ Multione ช่วยโปรโมทร้าน และหาลูกค้าใหม่ เรา (MultiOne) ช่วยผลักดันร้านของคุณ ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ผ่านเว็บไซต์, แพลตฟอร์ม และสื่อโซเชียลที่เกี่ยวข้องทุกช่องทาง เช่น Facebook, IG โดย ยิ่งวางขายสินค้าหลากหลายแบรนด์ ร้านคุณก็ยิ่งได้รับการโปรโมทมากขึ้นไปด้วย

8. ถ้าแบรนด์ไหนมีชื่อเสียง ยิ่งเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่มากขึ้น ทำให้รายได้ของร้านพาร์ทเนอร์และแบรนด์เพิ่มขึ้น

 

สิทธิประโยชน์ของแบรนด์พาร์ทเนอร์ที่ได้รับ

1. มีรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งออนไลน์และออฟไลน์

2. มีกลุ่มลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าขาจรที่เข้ามาซื้อสินค้าหน้าร้าน ทำให้การเกิดบอกต่อกัน

3. ช่วยให้แบรนด์ขนาดเล็กมีหน้าร้าน

4. ด้านการตลาด ร้านโปรโมทให้แบรนด์ แบรนด์โปรโมทให้ร้าน

5. แบรนด์สามารถฝากขายกับร้านค้าพาร์ทเนอร์ในระบบได้หลายร้าน โดยไม่จำกัดจำนวนการฝากขาย

หากสนใจ อยากเป็นพาร์ทเนอร์ กับ MultiOne ล่ะก็ น้องมัลตี้จะบอกวิธีสมัครเป็นพาร์ทเนอร์กับเรา (MultiOne) ให้เอง!!
สมัครเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ง่าย ๆ โดย

1.สมัครเป็นพาร์ทเนอร์ร้านค้ากับเรา (MultiOne)ได้ง่าย ๆ ผ่าน Inbox มาที่เพจ Multione ของเรา หรือ คลิกที่นี่ เพื่อ Inbox ได้เลย

2.ส่งรายละเอียดข้อมูลร้านค้าให้แก่แอดมิน หลังจากนั้น ทีมงานของทางเรา (MultiOne) จะสร้าง Account และเปิดใช้งานระบบ ให้ร้านค้าพาร์ทเนอร์

3.เข้าสู่ระบบ ลงชื่อเข้าใช้งาน ได้เลยที่ multioneapp.com

วิธีสมัครเป็นแบรนด์พาร์ทเนอร์ง่าย ๆ โดย

1.สมัครเป็นแบรนด์พาร์ทเนอร์กับเรา (MultiOne) ผ่านเว็บไซต์ https://app.multioneapp.com/

2.กรอกข้อมูลรายละเอียดของแบรนด์

3.สร้าง และอัพโหลดรูปภาพสินค้า กรอกข้อมูลรายละเอียดของสินค้า

 

สนใจร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ MultiOne คลิกที่นี่ (MultiOne) มีแบรนด์สินค้า และ ร้านค้าพาร์ทเนอร์ ในระบบมากมายให้คุณเลือก พร้อมด้วยฟังก์ชั่นระบบหลังบ้านที่ครบครัน ช่วยให้การจัดโปรโมชั่นระหว่างร้านกับแบรนด์ เป็นเรื่องง่ายขึ้น.

หากอยากติดตาม การแนะนำของน้องมัลตี้ ในเรื่องอื่น ๆ ล่ะก็ เข้าไปดูได้เลย ที่นี่ และ มารอติดตามกันว่า น้องมัลตี้จะเอาอะไรมาฝาก ในครั้งหน้าได้ ที่นี่

Learn More

การกระตุ้นยอดขาย หรือการจัดโปรโมชั่นสินค้า เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เกิดการกระตุ้นให้ลูกค้า เข้ามาซื้อสินค้าของเรามากขึ้น และยังสามารถดึงดูดความสนใจให้กับลูกค้าได้อีกด้วย แต่ก่อนที่เราจะจัดโปรโมชั่นในแต่ละครั้ง เราต้องตั้งเป้าหมายไว้ก่อนว่า การจัดโปรโมชั่นสินค้า ครั้งนี้ ทำเพื่ออะไร และคาดการณ์ถึงผลลัพธ์ที่เราจะได้ เช่น การจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขาย การจัดแคมเปญเพื่อระบายสต๊อกสำหรับสินค้าที่คงค้างมานานทำให้กลับมาขายดี หรือขายได้อีกครั้ง  การจัดโปรโมชั่นเพื่อขยายฐานลูกค้า หรือ อาจจะเป็นการจัดแคมเปญเปิดตัวสินค้าใหม่ เพื่อทำให้เกิดการรับรู้สำหรับลูกค้า และเกิดความน่าสนใจสำหรับตัวสินค้านั้น ๆ เพื่อที่เราจะได้คิดโปรโมชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และยังสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากที่สุดนั่นเอง.

สำหรับการจัดโปรโมชั่นสินค้านั้น อาจจะต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าทั้งตัว Value ของตัวสินค้า และ Volume เพื่อเกิดการซื้อขายสินค้า เพราะถ้ามากเกินไปก็อาจจะไม่ส่งผลดีต่อตัวสินค้า เช่น ลดราคาเยอะเกินไป เพราะในบางกรณี ลูกค้าอาจจะสงสัยในคุณภาพของสินค้าเหล่านั้น ว่าได้มาตรฐานหรือไม่ หรือกำลังจะหมดอายุการใช้งานในเร็ววัน และ อาจทำให้คุณค่าของสินค้านั้น ๆ ลดลงไปเองโดยปริยายอีกด้วย

วันนี้ MultiOne ขอนำเสนอและแนะนำไอเดีย การจัดโปรโมชั่นสินค้า จัดแบบไหนถึงจะปัง จัดแบบไหนถึงจะดีแบบไม่ต้องมูเตลู !
เพราะแทรนด์ที่กำลังเข้ามาตอนนี้ ไม่ว่าจะแม่ค้า พ่อค้า หรือหน้าร้านต่าง ๆ ก็ต้องพึ่งสายมูกันทั้งนั้น และการเข้าถึงสายมูนั้นก็ง่ายซะเหลือเกิน วันนี้ MultiOne เราจึงมาแนะนำไอเดีย จัดโปรให้ปัง แบบไม่ต้องพึ่งมูเตลู

1. การจัดโปรโมชั่น ซื้อ 1 ฟรี 1

เรียกได้ว่าโปรโมชั่น 1 ฟรี 1 หรือ Buy 1 Get 1 Free ทำให้ใคร ๆ ก็ใจสั่น เมื่อเห็นคำว่า ฟรี ! ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การจัดโปรโมชั่น 1 ฟรี 1 เป็นแคมเปญที่ง่าย และเห็นผลลัพธ์ได้ดีมาก ๆ ในการระบายสินค้า เพราะโปรโมชั่น 1 ฟรี 1 เป็นโปรโมชั่นที่เล่นกับความรู้สึกของลูกค้า และยังช่วยดึงดูดการซื้อขายได้เป็นอย่างมากอีกด้วย. 

การใช้โปรโมชั่น 1 ฟรี 1 สามารถทำให้ลูกค้ารู้สึกสนใจสินค้าชิ้นนั้นมากขึ้น แม้ว่าบางครั้ง มูลค่าของสินค้าอาจจะไม่ต่างกับการลดราคาสินค้า 50% อย่างไรก็ตามการจัดโปรโมชั่น 1 ฟรี 1 ถึงแม้จะดึงดูดลูกค้าได้ดีแค่ไหน ทางร้านค้าหรือผู้ประกอบการ อาจจะยังต้องคำนึงถึงต้นทุนและความคุ้มค่าของสินค้า และตัวผลลัพธ์ที่เราเรียกว่า กำไร ของผู้ประกอบการอีกด้วย.

2. การจัดโปรโมชั่น ลดราคาสินค้าเป็นเปอร์เซ็นต์

ข้อแรกเลย ที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ นั่นคือ การลดแบบเปอร์เซ็นต์ วิธีนี้ ถือเป็นการลดราคาแบบพื้นฐาน ซึ่งสามารถจัดโปรโมชั่นนี้ได้ตลอดทุกช่วงเวลา และเทศกาลสำคัญ โดยคุณสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่ 5%  , 10%  , 15% ไปจนถึง 90% กันเลยทีเดียว!

ข้อดีของการลดเป็น %  คือการทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่า มากกว่าการลดเป็นจำนวนเงิน เช่น เสื้อราคา 200 บาท เมื่อติดป้ายลดราคา 20 บาท ลูกค้าอาจจะรู้สึกว่าสินค้านั้น ๆ ลดน้อยเกินไป กลับกัน ถ้าเปลี่ยนเป็น ลด 10% – 20%  จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่ามากกว่า ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วราคาที่ลดลงนั้น เท่ากันนั่นเอง.

3. Flash Sale หรือ Flash Deal

การจัดโปรโมชั่นสินค้า โดยกำหนดระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือที่ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าอย่างรวดเร็ว การใช้โปรโมชั่นในช่วงเวลาพิเศษ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า ต้องรีบคว้าสินค้าชิ้นนั้นเอาไว้ ตัวอย่าง เช่น โปรโมชั่น 1.1 , 6.6 , 9.9 , Mid-year Sale เป็นต้น. หรือการจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการซื้อสินค้าเป็น Prime Time เช่น 19.00 – 21.00 นี้เท่านั้นลดไปเลย 50% การจัดโปรโมชั่นแบบนี้ก็สามารถกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดความสนใจ และถ้ามีการจัดแบบนี้ประจำ (Consitency) ยังถือเป็นการทำ Branding ไปในตัวเพื่อสร้างความจดจำให้กับลูกค้าได้อีกด้วย

4. การจัดโปรพิเศษ เฉพาะสมาชิก

วิธีนี้ ถือเป็นการยกระดับสำหรับลูกค้าที่เป็นสมาชิกสำหรับร้านค้าเองอยู่แล้ว การจัดโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับสมาชิก ถือเป็นการทำการตลาดรูปแบบใหม่ เพราะนอกจากกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าซ้ำแล้ว เรายังสามารถกระตุ้นให้สมาชิกนั้น ๆ เป็นลูกค้าประจำได้อีกด้วย  ยังช่วยให้สมาชิกเกิดความรู้สึกที่พิเศษเกี่ยวกับร้านเราอีกด้วย  นอกจากนั้นยังสามารถดึงดูดให้ลูกค้าใหม่มาเป็นสมาชิกกับเรามากยิ่งขึ้น.

5. แจก Voucher หรือคูปองส่วนลด

การแจกคูปองส่วนลดหรือ voucher ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดที่ช่วยส่งเสริมการซื้อ – ขาย และกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้ามากขึ้น ทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์ใหม่ และผลิตภัณฑ์แนะนำ ทั้งนี้ถือเป็นการแสดงความขอบคุณต่อลูกค้าที่ใช้บริการเรา และเพิ่มแรงจูงใจให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำ จนกลายเป็นลูกค้าประจำ ตัวอย่างเช่น แจก voucher เพื่อเป็นส่วนลดให้กับผลิตภัณฑ์ใหม่, สนับสนุนให้ลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์เพิ่ม โดยการแจก voucher เพื่อเป็นส่วนลดในการซื้อครั้งต่อไป รวมถึงการแจก voucher ทดลองสินค้าและบริการฟรี เพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าและบริการในอนาคต หลังจากได้ทดลองใช้สินค้าและบริการของเรา เป็นต้น

6. รีวิวสินค้าพร้อมรับสิทธิพิเศษ

การรีวิวสินค้าพร้อมรับสิทธิพิเศษ เป็นอีกกลยุทธ์ทางการตลาดในการจัดโปรโมชั่น ที่นอกจากจะกระตุ้นยอดขายให้กับทางร้านแล้ว ยังเป็นการโปรโมทสินค้าและบริการไปในตัว เป็นการสร้างการรับรู้ให้บุคคลภายนอกได้รู้จักเรา และเข้ามาซื้อสินค้าและบริการ.

7. สะสมแต้มแลกรางวัล

การจัดโปรโมชั่นโดยสะสมแต้ม เพื่อนำแต้มไปรับสิทธิพิเศษ หรือ ส่วนลดต่าง ๆ จะเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าและบริการของเรามากขึ้น การสะสมแต้มนั้น มีทั้งในรูปแบบของการซื้อสินค้าตามราคาที่กำหนด หรือจำนวนที่กำหนด เพื่อรับแต้มสะสม รวมไปถึงบัตรสะสมแต้มหรือการสะสมแสตมป์ เพื่อนำแลกรางวัล (reward) เช่น ซื้อครบ 50 บาท รับ 1 แต้ม, ซื้อกาแฟ 1 แก้ว รับแสตมป์สะสม 1 ดวง สะสมครบ 10 ดวงรับฟรี 1 แก้ว เป็นต้น.

จะเห็นได้ว่า การจัดโปรโมชั่นโดยการสะสมแต้มนั้น ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้า เกิดการซื้อสินค้าและบริการซ้ำ จนเกิดเป็นแบรนด์รอยัลตี้นั่นเอง.

ทั้งหมดนี้ เป็นแนวทางการจัดโปรโมชั่นสินค้า ที่จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้า และ บริการของเรามากขึ้น ในการจัดโปรโมชั่นแต่ละครั้ง อย่าลืมตั้งเป้าหมาย และ จุดประสงค์ให้ชัดเจนล่ะ!!

สนใจร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ MultiOne คลิกที่นี่ เรามีแบรนด์สินค้า และ ร้านค้าพาร์ทเนอร์ ในระบบมากมายให้คุณเลือก พร้อมด้วยฟังก์ชั่นระบบหลังบ้านที่ครบครัน ช่วยให้การจัดโปรโมชั่นระหว่างร้านกับแบรนด์ เป็นเรื่องง่ายขึ้น.

Learn More

ระบบ”POS” สำคัญยังไง ยังคงเป็นคำถามคาใจ สำหรับผู้ประกอบการมือใหม่หลาย ๆ คนว่าจริง ๆ แล้ว ระบบ”POS” ดียังไง และ มีความสำคัญต่อร้านค้ามากแค่ไหน

วันนี้ MultiOne จึงขออาสามาแชร์ความรู้เกี่ยวกับระบบ POS ว่าระบบ ” POS ” ดียังไง และมีความจำเป็นแค่ไหนสำหรับการเปิดหน้าร้าน มาไขข้อสงสัยไปพร้อม ๆ กัน.

ระบบ POS หรือ ระบบ Point of Sale คือ ตัวช่วยสำหรับการจัดการหน้าร้าน ให้ทางร้านค้ามีการจัดการที่ง่าย สะดวก และมีข้อมูลแบบเรียลไทม์

ระบบ “POS” ร้านค้าปลีกเปรียบเสมือนเป็นผู้จัดการของร้าน ในรูปแบบระบบ (System) ที่จะช่วยให้คุณจัดการสินค้าในร้านได้ง่าย ๆ เพียงแค่สแกนบาร์โค้ด คุณก็สามารถคิดเงินค่าสินค้า, เก็บข้อมูลรายละเอียดการขาย, เช็คสต๊อกสินค้า และ ตัดสต๊อกสินค้า (Inventory Stock), เช็คยอดขาย และรายงานข้อมูลการขายสินค้าได้

 

วันนี้ MultiOne จะมาแชร์ “ ประโยชน์ของระบบ POS มีอะไรบ้าง ” ไปดูกัน

 

1.ระบบ”POS” เช็คข้อมูลได้แบบ Realtime

ระบบ POS

 ถือได้ว่า เป็นข้อดีหลัก ๆ ของระบบ “POS” เลยก็ว่าได้ เพราะผู้ประกอบการหรือเจ้าของร้าน จะได้ใช้ประโยชน์จากส่วนนี้แบบเต็มที่ เมื่อไหร่ก็ตาม ที่คุณต้องการจะเช็คยอดขาย เช็คสต๊อกสินค้า ก็สามารถทำได้ในทันที รวมถึงระบบ POS สามารถอัพเดทข้อมูลได้แบบ Realtime อีกด้วย เรียกได้ว่า ไม่ต้องรอจบงานรายวัน แต่ผู้ประกอบการสามารถเรียกดูข้อมูลหรือ Data เกี่ยวกับระบบ POS ได้ทันที  เห็นมั้ยหล่ะ ว่าระบบ POS เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมี เรียกได้ว่า สะดวก และง่ายต่อการจัดการทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านจริง ๆ

2.ระบบ”POS” สามารถตรวจสอบจำนวนสินค้าคงเหลือได้ทันที

ระบบ POS

    

ระบบ POS มีการตัดยอดสินค้าเข้า – ออก หรือที่เราเรียกกันว่า Inventory Stock คือ เราสามารถใช้ประโยชน์ และการคาดคะเนอย่างแม่นยำในการสต๊อกสินค้า โดยผู้ประกอบการสามารถใช้ตัวระบบ POS เช็คสต๊อกสินค้า ทั้งสินค้าคงเหลือ หรือสินค้าที่ต้องเติมสต๊อก ให้แก่ร้านค้าภายในวันนั้น ๆ 

โดยส่วนมากการทำสต๊อกสินค้าจะแบ่งเป็นรายวัน เป็นรายสัปดาห์ หรือรายเดือน เพื่อให้การสต๊อกสินค้าเกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับร้านค้า และระบบ POS ยังสามารถอ่านข้อมูล (Data) จากการซื้อ – ขาย และการชำระเงินทุกครั้งที่เกิดขึ้นระหว่างร้านค้ากับลูกค้า เรียกได้ว่า โปรแกรม POS จะทำให้ผู้ประกอบการหรือหน้าร้านสามารถทราบจำนวนสต๊อกสินค้าคงเหลือในร้าน ได้อย่าง Real Time.

3.ระบบ”POS” ช่วยในการวางแผนการจัดการภายในร้าน

ระบบ POS

เนื่องจากระบบ POS ทำให้รับรู้ถึงสถานการณ์การซื้อ – ขาย รวมไปถึงการสต๊อกสินค้า ทั้งหมดภายในร้าน คุณจึงสามารถนำข้อมูลเกี่ยวกับการขาย และข้อมูลอื่น ๆ ที่จำเป็นของแต่ละเดือน มาวางแผนการขายในเดือนต่อ ๆ ไปได้ หรือที่เราเรียกว่า Report เพราะตัวระบบ POS  นอกจากจะช่วยเรื่องการจัดการภายในร้านทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน ระบบ POS ยังสามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้อีกด้วย.

รวมถึงการนำข้อมูลมาวิเคราะห์ เพื่อส่งเสริมการขายหรือผู้ประกอบการสามารถจัดแคมเปญ โปรโมชั่นให้กับสินค้านั้น ๆ ได้อีกด้วย เช่น หน้าร้านของเราสินค้าประเภท A ขายดีมาก แต่สินค้าประเภท B ค้างสต๊อกมาเป็นเวลานาน หน้าร้านจึงสามารถวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าว เพื่อจัดโปรโมชั่นที่น่าดึงดูดให้กับลูกค้า เกี่ยวกับสินค้าประเภท B ได้ เป็นต้น

4.ช่วยให้การเปิดหน้าร้านเป็นเรื่องง่าย

ระบบ POS

แน่นอนว่า ก่อนจะเปิดหน้าร้าน ตัวร้านค้าหรือผู้ประกอบการเอง ต้องเลือกระบบ POS ช่วยให้คุณสามารถจัดการร้านได้ง่าย ๆ เพิ่มความสะดวก และประหยัดเวลา ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากไป เพื่อให้การเปิดร้านเป็นเรื่องง่าย เช่น การนับสต๊อกสินค้า, ยอดขายรายวันหรือรายเดือน, การออกใบกำกับภาษี, ข้อมูลหลังบ้านต่าง ๆ ว่าสินค้าประเภทไหนขายดี และรองรับช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย นอกจากนั้นระบบ POS ยังช่วยให้การซื้อ – ขาย ภายในร้านมีความสะดวก และรวดเร็ว ง่ายต่อการจัดการหน้าร้านได้เป็นอย่างดี.

ระบบ POS ตอบโจทย์กับร้านค้าอย่างไร ? 

สำหรับร้านค้าแล้วนั้น ระบบ POS หรือระบบ Point of Sale จะช่วยลดต้นทุน ในการดูแลและตรวจสอบสต๊อกสินค้า และมีการอัพเดทข้อมูลให้แบบ Realtime ประหยัดเวลา และลดขั้นตอนที่ยุ่งยากอย่างการตรวจสอบ หรือนับสต๊อกสินค้าคงเหลือเอง ช่วยจัดการข้อมูลระบบพนักงาน และระบบสมาชิก อีกทั้งยังสามารถช่วยวางแผนการจัดโปรโมชั่น โดยสามารถดูได้ว่าสินค้าตัวไหนขายดี สินค้าตัวไหนค้างสต๊อก และสินค้าตัวไหนควรเป็นสินค้าที่ต้องจัดโปรโมชั่น.

ดังนั้น ระบบ POS (Point of Sale) จึงเป็นตัวช่วยสำคัญมาก ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ ในการจัดการสินค้า ยอดขาย ดูแล และตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ภายในร้านได้

หากคุณกำลังมองหาระบบ POS ที่ดี ขั้นตอนง่ายไม่ยุ่งยาก และตอบโจทย์การเปิดหน้าร้านได้เป็นอย่างดี “MultiOne” เราเป็น Platform ที่มีระบบ POS คอยให้บริการ “MultiOne” ยังสามารถช่วยให้คุณจัดการสต๊อกสินค้า ข้อมูลสินค้า ยอดขาย หรือข้อมูลพนักงานได้ง่าย ๆ เรียกได้ว่าขั้นตอนที่วุ่นวายจะหมดไป ถ้าคุณมีระบบ POS เป็นตัวช่วยในการเปิดร้าน และการจัดการ (Management) ผ่านแพลตฟอร์ม “MultiOne” สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลย คลิกที่นี่

หากอยากติดตามการแนะนำของน้องมัลตี้ในเรื่องอื่น ๆ ล่ะก็ เข้าไปดูได้เลย ที่นี่  และ มารอติดตามกันว่า น้องมัลตี้จะเอาอะไรมาฝาก ในครั้งหน้าได้ ที่นี่

Learn More

ทำเลที่ตั้ง เป็นอีกหนึ่งปัญหา ที่ผู้ประกอบการต้องพบเจอบ่อย ๆ ก็คือ การมองหาทำเลที่ดี และเหมาะสมกับหน้าร้าน  ทำเลที่ตั้ง ถือเป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งอาจถือได้ว่า เป็นหัวใจของการเปิดหน้าร้านเลยก็ว่าได้.

แล้วทำเลที่ตั้งสำคัญยังไง ทำเลไม่ดีจะประสบความสำเร็จได้มั้ย ค่าเช่าแพงแปลว่าทำเลดีจริงหรือเปล่า และอีกหลากหลายคำถามที่อาจจะผุดขึ้นมา.

วันนี้ น้องมัลตี้จะพาไปไขข้อสงสัย ว่าการจะเปิดหน้าร้านนั้น เราจะพิจารณาทำเลที่ตั้งอย่างไรให้เหมาะสม และตอบโจทย์ที่สุด ทำเลแบบไหนดี แล้วทำเลแบบไหนกันนะที่ควรเลี่ยง ?

1.ทำเลที่ตั้ง ที่ลูกค้าเดินทางสะดวก

 

การเดินทาง การคมนาคมเป็นสิ่งสำคัญ ลูกค้าส่วนใหญ่ มักจะเลือกร้านที่เดินทางสะดวก ไม่ยุ่งยาก ไม่อันตราย หรือ ซับซ้อนจนเกินไป ยิ่งหน้าร้านที่ขนส่งสาธารณะเข้าถึง ก็จะยิ่งดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้นนะ โดยตัวเลือกที่อาจนำมาพิจารณาในการหาทำเล มีดังนี้

  • การขนส่งสาธารณะ
  • ความเร็วของการจราจรโดยเฉลี่ย มีรถแออัดเกินไปหรือเปล่า
  • ความหนาแน่นของการจราจรโดยเฉลี่ย
  • ความปลอดภัยของถนน บริเวณทำเลที่ตั้ง ( ไม่ควรตั้งร้านบริเวณที่อันตรายอย่างทางโค้ง หรือระหว่างวงเวียน )

2.ทำเลที่ตั้ง ที่มีที่จอดรถเพียงพอ

ที่จอดรถก็สำคัญ ถ้ามีหน้าร้าน แต่ไม่มีที่จอดรถ แบบนี้ก็จะลำบากลูกค้าใช่มั้ยล่ะ การเลือกทำเลที่ดี ก็ควรมีที่จอดรถเพียงพอต่อลูกค้า เพื่อความสะดวกของลูกค้า และความปลอดภัยของท้องถนน. เพราะฉะนั้น อย่าคิดว่าที่จอดรถไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะ ต่อให้เปิดร้านที่จัดแต่งอย่างสวยงาม มีแต่สินค้าดี ๆ จากแบรนด์ดัง ๆ แต่ถ้าไม่สามารถตอบโจทย์ในข้อนี้ได้ ลูกค้าก็คงไม่ต้องการเข้าร้านเช่นกัน เรื่องของที่จอดรถ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องคิดมาแล้ว ว่าที่จอดรถนั้น จะสามารถรองรับรถลูกค้าได้เพียงพอ และ อำนวยความสะดวก ต่อลูกค้าทุกท่านไหม? จะเป็นเรื่องดีมาก หากเจ้าของร้าน มีที่จอดรถเป็นของร้านเอง.

3.ทำเลที่ตั้ง ที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

ทำเลดีแต่ไม่มีลูกค้า อาจเพราะทำเลของเรา ไม่ได้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ในบริเวณนั้นหรือเปล่านะ ดังนั้น การพิจารณากลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ในบริเวณทำเลที่ตั้ง ก็เป็นอีกสิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม ทำเลขายของดี แต่กลุ่มเป้าหมายไม่ตรง อาจจะทำให้เราไม่มีลูกค้ามากพอ เท่าที่ควร อย่าลืมเช็คจุดนี้กันดี ๆ ล่โดยสำรวจผู้คน บริเวณทำเลที่ตั้งนั้นว่า…เป็นคนประเภทไหน อายุเท่าไหร่ การศึกษากลุ่มไหน ระดับรายได้ รสนิยม และที่อยู่บริเวณนั้น มีกลุ่มอาชีพหลักใดบ้าง เช่น กลุ่มคนออฟฟิศ , กลุ่มเด็มหาวิทยาลัย , กลุ่มเด็กนักเรียน , กลุ่มนักท่องเที่ยว ฯลฯ รวมถึง การพิจารณาช่วงเวลาพักของกลุ่มลูกค้าแต่ละประเภท เช่น นักศึกษาจะพักและออกมาซื้อของช่วงเย็นถึงค่ำ ๆ รวมไปถึงการดูปริมาณคนที่อาศัยบริเวณนั้น หรือ คนที่ผ่านไปมามีมากน้อยเพียงใด. 

4.เลี่ยงพื้นที่แออัด

 

พื้นที่ที่คนหนาแน่นเกินไป ก็ไม่ใช่ข้อดี ทั้งแง่ของภาพลักษณ์ และความสะดวกสบาย บางทีคนเยอะ แออัดเกินไป จะทำให้ลูกค้ารู้สึกอัดอัด  ดังนั้น เทคนิคการเลือกทำเลที่ดี ควรมองหาทำเลที่มีความโล่ง โปร่งสบาย และไม่แออัดจนเกินไป.

 

ทำเลที่ตั้งไม่ดีแต่ไม่มีทางเลือก ควรทำยังไง ?

 

ถึงแม้ว่าทำเลที่ตั้งจะเป็นปัจจัยสำคัญ แต่ ก็ต้องยอมรับว่า บางครั้งค่าเช่าพื้นที่ อาจจะสูงจนเกินจะรับไหว และ อาจจะทำให้เพื่อน ๆ มีตัวเลือกไม่มากนัก ดังนั้น น้องมัลตี้จึงอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ลองมองหาตัวช่วยเสริม มาช่วยในการขาย เช่น การใช้ช่องทางออนไลน์ ในการขาย เพื่อน ๆ จะสามารถสร้างรายได้ ทั้งจากหน้าร้าน และ ช่องทางออนไลน์ 

ถ้าเพื่อน ๆ กำลังสนใจเปิดหน้าร้านมัลติแบรนด์ แต่ยังไม่มีตัวช่วยในการขายผ่านช่องทางออนไลน์ น้องมัลตี้มีแพลตฟอร์มดี ๆ มานำเสนอ นั่นก็คือ MultiOne Platform ตัวช่วยให้เพื่อน ๆ ที่กำลังเปิดหน้าร้านมัลติแบรนด์ สามารถจัดการสต๊อกสินค้าได้ง่ายขึ้น เรามี Line OA ที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ สามารถขายได้ทั้งออนไลน์ และ ออฟไลน์  พร้อมด้วยฟังก์ชันน่าสนใจอีกมากมาย อาทิ ระบบ Matching ที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ สามารถหาแบรนด์สินค้า ที่เหมาะสมกับร้านได้ง่าย ๆ แถมเรายังมีแบรนด์สินค้ามากมาย ให้เลือกด้วยนะ น่าสนใจใช่ม้าาา~ 

ถ้าสนใจอยากเป็นพาร์ทเนอร์กับน้องมัลตี้ เพื่อน ๆ สามารถ กดที่นี่ เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตลอดเลยน้า มาเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์กับน้องมัลตี้เยอะ ๆ น้า.

 

หากอยากติดตาม การแนะนำของน้องมัลตี้ ในเรื่องอื่น ๆ ล่ะก็ เข้าไปดูได้เลย ที่นี่ และ มารอติดตามกันว่า น้องมัลตี้จะเอาอะไรมาฝาก ในครั้งหน้าได้ ที่นี่

 

Learn More