ธุรกิจร้านขายของ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ยอดนิยมเป็นอย่างมากในสังคมไทย ผู้คนจำนวนไม่น้อยจึงสนใจการ เปิดร้านขายของ ซึ่งไม่ว่าจะไปที่ไหนเราก็มักจะพบเห็นร้านค้าประเภทนี้อยู่บ่อยๆ ตั้งแต่เด็กจนโตเราจะเห็นว่าร้านขายของนั้นมีมากมายหลายระดับ ตั้งแต่ร้านค้าเล็กๆ แถวบ้าน ชมชุน หรือ ร้านสะดวกซื้อยอดนิยม อย่าง 7-11, แจ่มฟ้าพลาซ่า ไปจนถึงซุปเปอร์มาร์เก็ต  

 

การจะเปิดร้านขายของ แน่นอนว่าต้องมีเงินทุน และทำเลที่ตั้งก็สามารถเริ่มต้นเปิดร้านค้าได้แล้ว ซึ่งการเปิดร้านขายของถือว่าเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ อย่างมากมายเลยทีเดียว จะเห็นว่าเทรนด์เปิดร้านขายของในยุคปัจจุบัน มีทั้งการผสมผสานการขายของรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ เนื่องจากสามารถมอบประสบการณ์ที่ดีและมอบความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าได้ 

 

แน่นอนว่าหากคุณมีความคิดที่อยาก เปิดร้านขายของ ก็ควรมีการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเปิดร้าน ต้องมีการวางแผนที่ดี ซึ่งหากเตรียมตัวมาไม่ดีพออาจทำให้การเปิดร้านของคุณนั้นไม่ปังอย่างที่คาดหวังไว้ แต่จะทำอย่างไรล่ะให้ ขายแล้วมีกำไร ?

 

วันนี้ Miltione ขอแนะนำ 9 ขั้นตอนการเตรียม เปิดร้านขายของ ให้ขายดีมีกำไร ควรรู้อะไรบ้าง ไปดูพร้อมกันเลย!!

 

1.ทำความเข้าใจตลาดให้ดีก่อน เปิดร้านขายของ

หากว่าคุณกำลังจะวางแผนเปิดร้านขายของ สิ่งแรกที่ควรจะทำ คือ การทำความเข้าใจศึกษาการตลาดให้ดีเสียก่อน คุณต้องดูว่าในทำเลที่คุณจะเข้าไปเปิดร้านค้าผู้คนต้องการสินค้าชนิดใดบ้าง  เช่น หากเปิดในชุมชนสินค้าที่ต้องขายอาจเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค ดังนั้นควรศึกษาตลาดให้ดีและเลือกสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในบริเวณนั้น

 

2.เลือกทำเลที่เหมาะสมกับการเปิดร้าน

การเลือกทำเลที่ตั้งให้เหมาะสมกับร้าน นับว่าเป็นหนึ่งในส่วนที่สำคัญมากในการ เปิดร้านขายของ หากคุณอยู่ในทำเลที่เหมาะสมแล้ว ยอดขายของคุณก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย การจะหาทำเลที่ดีนั้นมีอยู่หลายองค์ประกอบและหลายเหตุผลในการเลือกเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น การเลือกทำเลที่ลูกค้า สามารถเดินทางมาได้สะดวกและมีที่จอดรถเพียงพอต่อลูกค้า หรือ เลือกทำเลที่อยู่ในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จะทำให้มีกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน และเพิ่มยอดขายขึ้นอย่างแน่นอน อาจจะเปิดใกล้ชุมชน หรือ สถานศึกษา ไหนก็ได้ที่มีกลุ่มเป้าหมาย

 

3.การวางแผนการตลาด

การวางแผนการตลาดที่มีความชัดเจน จะช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น ซึ่งต้องวางแผนล่วงหน้าและกำหนดรูปแบบให้ชัดเจน จัดโปรโมชั่นช่วงไหน ช่องทางไหนที่กลุ่มลูกค้าที่มีโอกาสซื้อสินค้ามากที่สุดใช้งาน ใช้งานในช่วงเวลาไหนบ่อยที่สุด ทำการตลาดแบบไหน พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมายของแต่ละคอนเทนต์ให้มีความชัดเจน ก็จะเปิดร้านขายของ ให้ขายดีมีกำไรได้ไม่ยาก

 

4.ตั้งราคาให้เหมาะสม และเข้ากับกลุ่มเป้าหมายของสินค้า

หนึ่งในปัญหาที่เจ้าของธุรกิจมือใหม่มักจะเจอเมื่อเริ่มเปิดร้านขายของ คือ ไม่รู้วิธีการตั้งราคาสินค้าให้ลูกค้าถูกใจ หากตั้งราคาสูงเกินไปลูกค้าก็ไม่อยากซื้อ หากตั้งราคาต่ำเกินไป ก็จะส่งผลต่อกำไร เสี่ยงขาดทุน และอาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของสินค้าได้ ร้านจึงควรมีกลยุทธ์ในการตั้งราคาสินค้าที่ชาญฉลาด เช่น ตั้งราคาโดยการคิดราคาเพิ่ม 10-20 %, ศึกษาราคาเฉลี่ยจากร้านค้าใกล้เคียงกัน เป็นต้น 

 

5.หาคู่ค้าหรือ supplier ที่น่าเชื่อถือ


การเลือกหาคู่ค้าที่น่าเชื่อถือ ร้านค้าจะต้องเลือกคู่ค้าที่มีประสิทธิภาพ และมีความน่าเชื่อถือ จึงจะเปิดร้านได้อย่างราบรื่น ควรมีการตกลงหรือทำสัญญาสั่งซื้อให้ชัดเจน ลองค้นหาแหล่งซื้อสินค้าที่ขายสินค้าราคาเป็นกันเอง จะได้ประหยัดต้นทุนได้มากขึ้น เมื่อหาซัพพลายเออร์ที่อยู่ใกล้ร้านคุณแล้ว ก็จะช่วยประหยัดค่าเดินทาง และค่าขนส่งอีกด้วย

 

6.คาดการณ์จำนวนลูกค้าอยู่เสมอ 

การคาดการณ์จำนวนลูกค้าต้องอย่าใช้ความรู้สึก เพราะอาจได้ข้อมูลที่ผิดพลาดจนจำนวนลูกค้าลดลงได้ จึงควรมีข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจ ศึกษานิสัยของลูกค้า รายได้ของลูกค้า ในทำเลที่คุณเปิดร้าน และนำมาวิเคราะห์ต่อว่าสินค้าอะไรที่ขายดีที่สุด หรือควรมีบริการเสริมอะไรบ้างจึงจะขายดีมีกำไรมากที่สุด

 

7.ดูงบประมาณในการ เปิดร้านขายของให้ละเอียด

งบประมาณในการเปิดร้านขายของนั้นขึ้นอยู่กับขนาดของร้านที่ต้องการเปิด หากว่าคุณวางแผนจะเปิดร้านขนาดเล็กหรือมีพื้นที่เป็นของตัวเองอยู่แล้วก็จะใช้งบประมาณไม่มาก แต่หากอยากเปิดร้านขนาดใหญ่อาจจำเป็นต้องทำร้านใหม่ซึ่งใช้งบประมาณค่อนข้างมาก ก็ต้องมีเงินทุนที่มากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นถ้าคุณอยากเปิดร้านจริง ๆ แนะนำว่าให้เปิดร้านตามงบประมาณที่เรามีอยู่ไปก่อน หากร้านของคุณสร้างรายได้มากมาย ก็ค่อยๆต่อเติมร้านค้า จะได้ไม่เสี่ยงต่อการขาดทุนในช่วงเริ่มเปิดร้าน

 

8.ขายทั้งรูปแบบออนไลน์ และออฟไลน์ 

ในยุคนี้โลกเรามีสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้น ลูกค้าจึงหันมาใช้บริการออนไลน์กันมากขึ้น แม้เทรนด์ร้านขายของออนไลน์จะได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ก็ยังมีลูกค้าบางกลุ่มที่ชอบเลือกดูสินค้าจากการดู สัมผัสโดยตรง และเดินช้อปปิ้งไปเรื่อยๆ อยู่เหมือนกัน ซึ่งการเปิดหน้าร้านยังมีความจำเป็นอยู่ ดังนั้นการทำการตลาดในยุคนี้ ร้านขายของควรจะขายในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ผสมผสายกันไป

 

9.ใช้ระบบจัดการร้านที่มีประสิทธิภาพ

การมีระบบจัดการร้าน หรือระบบ POS ที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยให้การขายของคุณราบรื่นขึ้น ช่วยอำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มยอดขายให้กับร้านของคุณ อีกทั้งยังช่วยให้การจัดโปรโมช่นเป็นเรื่องง่าย ดังนั้นการที่ร้านขายของใช้ระบบ POS ที่มีประสิทธิภาพช่วยเพิ่มโอกาสให้ยอดขายมากขึ้นและได้กำไรมากกว่าร้านที่ไม่ใช้

หากอยากลองเริ่มเปิดร้านขายของ คุณควรมีความรู้ในหลายๆเรื่องก่อนเปิดร้านซึ่งจะช่วยให้คุณเปิดร้านแล้วประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาการตลาดก่อนเปิดร้านเพื่อทราบว่าต้องการเปิดร้านแบบไหน การเลือกทำเลที่เหมาะสมที่สุด การตั้งราคาให้มีกลยุทธ์ หรือการวางแผนการตลาด เป็นต้น เราหวังว่าเมื่อคุณรู้ทริคต่างๆแล้วจะสามารถเปิดร้านค้าให้ขายดีมีกำไรได้ง่ายๆ

 

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่มีหน้าร้าน และอยู่ในช่วงตัดสินใจว่าจะสมัครใช้งาน POS ดีมั้ย? จะคุ้มหรือเปล่า? เหมาะกับร้านของเรามั้ย? อยากให้เพื่อน ๆ ไม่ต้องลังเลใจ และมาลองใช้งานระบบขายหน้าร้าน POS ของ MultiOne เพราะนอกจากจะช่วยจัดการร้านของเพื่อน ๆ MultiOne ยังมีฟังก์ชันต่าง ๆ อีกมากมายที่ตอบโจทย์ทุกการขายหน้าร้าน สนใจสมัครใช้งานได้เลย

 

บทความแนะนำ

ระบบจัดการร้านค้ามัลติแบรนด์ และร้านค้ารับฝากขาย

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

 

แพลตฟอร์มระบบจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีก และร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่

การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย 

 

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne

Learn More

ในแง่มุมของการทำธุรกิจนั้น การจะทำให้ธุรกิจร้านค้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่างก็มีวิธีการที่หลากหลายและขั้นตอนที่แตกต่างออกกันไป แต่ปัจจัยอีกอย่างที่เจ้าของร้านจะมองข้ามไม่ได้เลย คือ การจัดการคลังสินค้า ให้มีมาตรฐานนั่นเอง ซึ่งการบริหารจัดการสินค้าคงคลังถือว่าเป็นงานที่ยากมากสำหรับเจ้าของกิจการ เพราะเมื่อธุรกิจเติบโตมากขึ้น จำนวนสินค้าในคลังก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ถ้ามีการจัดการคลังที่ดีแล้ว นอกจากจะจัดระเบียบ ยังช่วยควบคุมให้ทุกอย่างภายในคลังสินค้ามีประสิทธิภาพอีกด้วย  

 

ความหมายของสินค้าคงคลัง (Inventory goods definition)

สินค้าคงคลัง หรือสินค้าคงเหลือ หมายถึง วัสดุหรือสินค้าทั้งหมดที่มีสำรองไว้เพื่อตอบสนองความต้องการในปัจจุบันหรือในอนาคต เพื่อการใช้งาน เพื่อการบริหาร เพื่อการผลิต และเพื่อการจัดจำหน่ายในอนาคต 

สินค้าคงคลังไม่ได้มีแค่เพียงสินค้าสำเร็จรูปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสินค้าคงคลังระหว่างดำเนินการ ​วัตถุดิบ และเครื่องมือคงคลังที่ซื้อมาเก็บไว้เพื่อรอการผลิตสินค้า ดังนั้นจึงควรบริหารจัดการสินค้าคงคลังให้ดี หากสินค้าคงคลังมีจำนวนมากเกินไปหรือน้อยเกินไปย่อมส่งผลกระทบต่อกระบวนการผลิตและธุรกิจ จึงจำเป็นต้องมีวิธีการจัดการสินค้าคงคลังที่เหมาะสมกับธุรกิจเรานั่นเอง

 

การจัดการคลังสินค้า คืออะไร? (Storage Management)

การจัดการคลังสินค้า คือ กระบวนการจัดระเบียบแลควบคุมตั้งแต่การนำสินค้าเข้าคลัง จนถึงการนำออกไปขายหรือบริโภค จัดการทรัพยากรต่างๆ ในคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพ ไว้ใช้ในปัจจุบัน หรือในอนาคตข้างหน้า เพื่อให้การดำเนินการของธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่น ผ่านการวางแผนและกำหนดปริมาณสินค้าคงคลังที่เหมาะสม โดยจะครอบคุมตั้งแต่ การสั่งซื้อและคาดการณ์จำนวนสั่งซื้อสินค้า, การรับสินค้าเข้ามาในคลัง, การจัดการสินค้าคงคลัง, การจัดส่งและติดตามสินค้า, การบำรุงรักษาอุปกรณ์ที่ใช้ในคลัง, การติดตามและพัฒนาประสิทธิภาพของคลังสินค้า, การปรับปรุงตำแหน่งจัดวางสินค้าและการขนย้ายสินค้า และอื่นๆ อีกมากมาย

 

วัตถุประสงค์ของ การจัดการคลังสินค้า (Objective of storage management)

วัตถุประสงค์ของการจัดการคลังสินค้า หลักๆ แล้วก็คือ เพื่อการลดขั้นตอนการทำงานในการเคลื่อนย้ายสินค้าให้มากที่สุด การใช้พื้นที่จัดเก็บภายในคลังสินค้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด การใช้พนักงาน เครื่องมือในการเคลื่อนย้าย และจัดเก็บให้เหมาะสม สอดคล้องกับเนื้องาน รวมทั้งทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับความสะดวกต่อการเคลื่อนย้ายสิ่งต่างๆ ซึ่งส่งผลต่อการวางแผนระยะยาวได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการควบคุมจำนวน การดูแลรักษาสินค้า และอุปกรณ์ ภายในต้นทุนที่จำกัดตามขนาดคลังสินค้าของธุรกิจ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความพึงพอใจในการทำงานต่อผู้ที่เกี่ยวข้องได้อีกด้วย

 

ความสำคัญของการจัดการคลังสินค้า ทำไมถึงต้องมี?

หากร้านค้าของคุณมีการบริหารจัดการคลังสินค้า ที่ได้มาตรฐาน จะทำให้คุณลดต้นทุนและประหยัดเวลาในการทำงานสำหรับการจัดการสินค้าคงคลัง ทราบปริมาณสินค้าคงคลังของแต่ละรายการอย่างรวดเร็วเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ลดการสูญเสียและความเสียหายระหว่างกระบวนการการจัดเก็บสินค้า หากมีการบริหารจัดการคลังสินค้าที่ถูกต้อง การรายงานคลังสินค้า การรายงานกำไรขาดทุนก็จะคิดคำนวณออกมาถูกต้องได้ง่ายอีกด้วย

 

ประโยชน์ของการจัดการคลังสินค้า (Storage management’s benefits)

  • ช่วยประหยัดค่าขนส่งสินค้าทั้งขาเข้าและขาออก
  • ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย หรือต้นทุนแปลผัน (Variable cost)
  • ช่วยป้องกันสินค้าหมดคลังจากการวางแผนล่วงหน้า
  • ช่วยให้บริการลูกค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นขึ้น
  • ช่วยให้มีความพร้อมตอบโต้การเปลี่ยนแปลงของตลาด
  • ช่วยให้ลดขั้นตอนการจัดการโปรโมชั่นสินค้า

 

10 ขั้นตอน การจัดการคลังสินค้าให้มีมาตรฐาน ไม่อยากให้คลังสินค้ามีปัญหาต้องรู้ !!

 


 

การรับสินค้าเข้าสู่สต็อก (Goods Receive and Identify)

ขั้นตอนแรกสำหรับ การจัดการคลังสินค้าให้ได้มาตรฐาน คือ การรับสินค้าเข้าสู่สต็อกซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญมากที่สุดในการจัดการคลัง ซึ่งผู้ประกอบการต้องทำการตรวจสอบว่าได้รับสินค้าที่ถูกต้องหรือไม่ ในจำนวนและเวลาที่ถูกต้องตามจำนวนที่ได้สั่งเข้ามาหรือไม่ สินค้าที่ได้รับมานั้นได้รับความเสียหายภายในหรือจากการขนส่งรึป่าว หากไม่ระมัดระวังในการตรวจสอบ อาจทำให้การนำสินค้าเข้าสู่สต็อกไม่ถูกต้องและเกิดปัญหาตามมาได้ ดังนั้นการรับสินค้าเข้าสต็อกอย่างระมัดระวังจะช่วยคัดกรองสินค้าที่ชำรุด หลีกเลี่ยงปัญหาการสูญเสีย และความเสียหายต่อร้านเมื่อขายของในภายหลังได้

 

 

การจัดเก็บสินค้าสู่สต็อก (Put away)

ขั้นตอนลำดับต่อมาหลังรับสินค้าเข้าสู่สต็อก คือการจัดเก็บสินค้าในสต็อก ซึ่งเป็นกระบวนการที่มักจะถูกมองข้ามใน การบริหารจัดการคลังสินค้า แต่เป็นขั้นตอนที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพใน การจัดการคลังสินค้า ให้ดีขึ้นได้ ซึ่งร้านจะต้องจัดวางสินค้าในคลังแต่ละประเภทให้เหมาะสมกัน

การจะจัดเรียงสินค้าขึ้นชั้นวางในคลังสินค้า แนะนำให้วางสินค้าประเภทเดียวกันบนชั้นเดียวกันเพื่อความสะดวกรวดเร็ว เพื่อประหยัดเวลาในการค้นหา และลดความสับสนเมื่อต้องการสินค้า จะช่วยให้การบริหารจัดการคลังสินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น หากมีพื้นที่ในคลังไม่มากพอ สามารถปรับเปลี่ยนวางสินค้าที่แตกต่างกันในแต่ละชั้นแถวตามความเหมาะสมได้

 


 

การจัดประเภทและจัดเก็บสินค้าในสต็อก (Classify and holding goods)

การรวบรวมสินค้าในสต็อก ถือว่าเป็นขั้นตอนที่มีค่าใช้จ่ายแพงที่สุดในการบริหารจัดการคลังสินค้า ถ้าคุณมีวิธีการปรับให้เหมาะสม จะสามารถลดต้นทุนของร้านค้าได้มาก ลดความสับสนของสินค้าแต่ละประเภทและช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้ ซึ่งหากคุณมีการจัดเก็บสินค้าที่ดี การรวบรวมสินค้า แยกประเภทในการเก็บรักษา และการจัดการกับสินค้าที่เสื่อมสภาพจะทำได้ง่ายขึ้น

 

 ในปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 วิธีในการรวบรวมสินค้า 

  • การรวมสินค้าตามคำสั่ง: ถ้ามีคำสั่งซื้อ พนักงานจะพิมพ์คำสั่งซื้อและส่งต่อกับพนักงานฝ่ายคลังสินค้าเพื่อไปเอาสินค้าในใบสั่งซื้อ ซึ่งเหมาะสำหรับร้านค้าธุรกิจขนาดเล็ก เนื่องจากมีคำสั่งซื้อที่น้อยต่อวัน
  • การรวมสินค้าแบบกลุ่ม: ทำการจัดกลุ่มคำสั่งซื้อหลายรายการเข้าไว้ด้วยกัน จากนั้นจึงส่งออกไฟล์รายการสินค้าที่มีปริมาณ พนักงานจะไปเอาสินค้าตามจำนวน จากนั้นจะแบ่งตามออเดอร์ เหมาะสำหรับธุรกิจร้านค้าที่มีคำสั่งซื้อจำนวนมากเพื่อสามารถทำราบการคำสั่งซื้อจำนวนมากได้พร้อมกัน

 

 

การแพ็คสินค้าและส่งออกสินค้า (Packing and Shipping)

การแพ็คสินค้า ช่วยให้คุณรวบรวมสินค้าในแต่ละคำสั่งซื้อ หลังจากเอาสินค้าและเตรียมจัดส่งให้กับลูกค้า

ขั้นตอนนี้มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งต้องจัดการอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดอย่างการนำส่งสินค้าคืน

 

การแพ็คสินค้าของแต่ละร้านอาจจะมีความแตกต่างกันไปแล้วแต่ความเหมาะสม แต่ข้อสำคัญหลักๆ ที่ห้ามละเลยมีดังนี้

  • ต้องประกันความปลอดภัย และลดความเสียหายของสินค้าระหว่างการขนส่งให้ได้มากที่สุด
  • เลือกปริมาณของกล่องพัสดุเพื่อลดต้นทุนการจัดส่ง

เมื่อคุณแพ็คสินค้าเสร็จสิ้นจะต้องส่งมอบให้กับหน่วยจัดส่ง สินค้าจะถูกบันทึกว่าถูกส่งออกจากสต็อกแล้ว และหักออกจากปริมาณสินค้าคงคลังนั่นเอง

 

 

การส่งสินค้าคืน (Dispatch goods)

แม้ว่าคุณจะแพ็คสินค้าดีแค่ไหน แต่ความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ คือ การส่งสินค้าคืนยังมีโอกาสเกิดขึ้นอยู่เสมอ ลูกค้าสามารถส่งคืนสินค้าอันเนื่องมาจากเหตุผลต่างๆ มากมายที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น สินค้าอาจมีตำหนิ สินค้ามีปัญหาภายใน หรือไม่ตรงกับความคาดหวังของลูกค้า 

 

ขั้นตอนการส่งคืนสินค้าจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อลูกค้าร้องขอการส่งสินค้าคืน หลังจากที่ได้รับคำขอของลูกค้า ใบสั่งส่งคืนจะถูกสร้างขึ้น

แต่มีก็มีข้อควรปฏิบัติของการจัดการคลังสินค้าเมื่อส่งคืนสินค้า

  • ลูกค้าที่ส่งสินค้าคืน ควรปฏิบัติตามข้อกำหนด เงื่อนไขการคืนสินค้าของร้านค้า และระบุสาเหตุให้ชัดเจน ซึ่งเหตุผลเหล่านี้ควรได้รับการบันทึกเป็นเอกสาร เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมเพื่อลดอัตราการคืนสินค้า
  • ยอดขาย และกำไรของสินค้าที่ต้องส่งคืนจะต้องถูกหักออกด้วย จึงควรส่งคืนให้กับร้านค้า

 

 

การตรวจสอบสินค้า (Inventory count)

หนึ่งในขั้นตอนการบริหารจัดการคลังสินค้าที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ คือ การตรวจสอบสินค้า ซึ่งกิจกรรมนี้ไม่ได้ทำเมื่อเกิดการสูญหายของสินค้าถึงจะต้องไปตรวจสอบ หรือเมื่อพบปัญหา เพียงแค่คุณตรวจสอบให้แน่ใจว่าคลังสินค้าได้รับการจัดวางอย่างเป็นระเบียบ เรียบร้อย การตรวจสอบสินค้าคงคลังจะได้ดำเนินไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วด้วยระบบการจัดการคลังสินค้า ด้วยเครื่องสแกนบาร์โค้ด เพียงคุณสแกนบาร์โค้ดบนสินค้าแต่ละอันก็สามารถนับจำนวนจริงในสต็อกได้ง่าย ๆ

 

การจัดทำรายงานสถิติ (Report)

สถิติจะรายงานภาพรวมของคลังสินค้า จะให้ภาพรวมของกระบวนการบริหารจัดการคลังสินค้าแก่คุณทำให้คุณสามารถประเมินได้ว่าควรทำการตลาดแบบไหนจากการดูสถิติ แต่หากคุณเป็นเจ้าของร้านมือใหม่ที่อยากจะบริหารจัดการคลังสินค้าให้มีมาตรฐาน และทำได้ง่ายๆ เรามี MultiOne platform ระบบจัดการร้านค้าช่วยให้การจัดการคลังสินค้าทำได้ง่ายขึ้น

 

นอกจากนี้หากต้องการจัดการคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุดต้องทำยังไงบ้าง?

การจัดการพื้นที่คลังสินค้าให้เป็นระเบียบ

ขั้นแรกต้องเขียนแผนผังของคลังสินค้าให้เหมาะสมจะต้องมีความสมดุลระหว่างสองสิ่งนั่นก็คือขนาดคลังสินค้า และพื้นที่ในการเคลื่อนย้าย โดยจะมีการแบ่งพื้นที่ในการใช้งานตามนี้ก็คือ

  • พื้นที่เคลื่อนย้ายสำหรับการรับสินค้าใหม่เข้ามาในคลัง
  • พื้นที่สำหรับวางเพื่อการตรวจสอบสินค้าที่เข้ามาใหม่
  • สำนักงานสำหรับพนักงานคลังสินค้า
  • พื้นที่สำหรับจัดเก็บสินค้าแต่ละประเภท
  • พื้นที่สำหรับจัดเก็บสินค้าส่วนเกิน, สินค้าค้างสต๊อก, หรือสินค้าหมดอายุ
  • พื้นที่สำหรับเก็บบรรจุภัณฑ์และแพ็คสินค้าเพื่อเตรียมส่ง
  • บริเวณขนส่งสินค้าขาออกสำหรับพนักงานส่งหรือบริษัทขนส่งที่เข้ามารับสินค้า

หากอ่านทั้งหมดแล้วรู้สึกว่าการมีหลายพื้นที่จนยุ่งยาก หลายขั้นตอนในการจัดการโครงสร้างพื้นที่ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลไป เพราะในบางขั้นตอนอาจไม่จำเป็นต่อโครงสร้างบริษัทคุณก็เป็นได้เพียงแต่คุณจัดระเบียบโซนงานที่จำเป็น และเกี่ยวข้องกันไว้ไกล้กัน เป็นระบบระเบียบต่องานต่อไป ทำให้การทำงานราบรื่นขึ้น เป็นประโยชน์ต่อพนักงาน และการดำเนินงานโดยรวมป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาล่วงหน้าให้มีความเหมาะสม ก่อนที่จะดำเนินงานในพื้นที่แล้ว ก็จะทำให้การดำเนินงานภายในคลังสินค้าของคุณมีระเบียบ และสะดวกในการใช้พื้นที่มากขึ้นก็จะส่งผลให้พนักงานที่เกี่ยวข้องเกิดความพึงพอใจในการทำงานมากขึ้นได้

Tips: การจัดพื้นที่คลังสินค้านั้นเรื่องการเคลื่อนย้ายสินค้า และอุปกรณ์ต่างๆ นั้นมีความสำคัญอย่างมาก บริษัทควรคำนึงถึงพื้นที่ว่างระหว่างชั้นวางสินค้า บรรจุภัณฑ์ โต๊ะทำงาน และโซนรับส่งสินค้าให้มีขนาดพอดีต่อการเคลื่อนย้ายหรือหยิบจับในการตรวจเช็คจำนวนสินค้า เพราะจะช่วยลดอุบัติเหตุ และปัญหาอื่นๆ ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้มาก

 

การใช้ป้ายกำกับติดในคลังสินค้า

การตั้งชื่อตำแหน่งต่างๆ ของสต๊อกสินค้าให้มีป้ายกำกับชัดเจนจะทำให้พนักงานตรวจสอบสินค้าผ่านระบบได้ง่ายในกรณีที่มีสินค้าจำนวนมากหลายประเภทผ่านการกำหนดโซนสินค้าในระบบสินค้า

Tips: การกำหนดชื่อป้ายกำกับเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจมักจะใช้ตัวอักษรผสมกับตัวเลขเพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ แบ่งแยก และเรียงโซนสินค้าให้เป็นระเบียบ เช่น กำหนดชื่อชั้นของสต๊อก ชื่อแถว และแต่ละตำแหน่งของแถว

 

การจัดเรียงตำแหน่งสินค้าคงคลัง

จากการวิจัยของธุรกิจอีคอมเมิร์ซส่วนมากพบว่ายอดขายส่วนมากของบริษัทจะมากจากสินค้าที่ขายดีเพียง 20% เท่านั้น ที่จะทำกำไรให้บริษัทได้สูงสุด ซึ่งการจัดวางตำแหน่งสินค้าที่ขายดีรวมไว้ด้วยกันไว้ไกล้กับตำแหน่งแพ็คสินค้านั้น จะทำให้ลดระยะเวลาการดำเนินงานได้อย่างมาก

Tips: การจัดวางตำแหน่งสินค้าคงคลังนั้นหลักๆ แล้วจะแบ่งสินค้าออกได้เป็น 3 ประเภทหลักๆ นั่นก็คือ

  • สินค้าที่มียอดขายจำนวนมาก
  • สินค้ามูลค่าสูง สร้างกำไรได้มาก
  • สินค้าที่ขายได้ไม่มาก และกำไรน้อย

จากการกำหนดประเภทสินค้าแล้วมักจะเลือกนำสินค้าที่มียอดขายสูงสุดไว้ไกล้กับตำแหน่งแพ็คสินค้า และรองลงมาคือสินค้าที่มีมูลค่าสูง สร้างกำไรได้มาก โดยสินค้าที่มีน้ำหนักเบามักจะวางไว้ชั้นบนๆ และสินค้าที่มีน้ำหนักมากวางไว้ชั้นล่างของชั้นวางสินค้า ซึ่งจะเป็นการง่ายต่อการหยิบ และเคลื่อนย้ายสินค้าได้มาก

 

อุปกรณ์ในคลังสินค้าต้องเหมาะสมต่องาน

การจัดการคลังสินค้านั้น อุปกรณ์หลักที่ต้องเลือกให้เหมาะสมนั้นมีหลายอย่างที่ทุกคลังสินค้าควรมีไม่ว่าจะเป็น

  • กล่องใส่สินค้า ส่วนมากมักจะใช้วัสดุเป็นพลาสติกเพื่อน้ำหนักที่ไม่มากจนเกินไป และใส่สินค้าจำนวนหนึ่งได้พอดีเพื่อความสะดวกในการเก็บ หรือเคลื่อนย้ายสินค้า
  • โต๊ะแพ็คสินค้า ที่จะมีความหนาและใหญ่พอเหมาะตามลักษณะของงานแพ็คสินค้า เพื่อให้สามารถทำงานแพ็คสินค้าทุกขั้นตอนได้ในที่เดียว
  • วัสดุที่ใช้แพ็คสินค้า ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับประเภทของสินค้า ไม่ว่าจะเป็นกล่องบรรจุภัณฑ์ พลาสติกกันกระแทก และการเสียดสีของสินค้า รวมไปถึงประเภทของ เทปกาว คัตเตอร์ หรือกรรไกรที่ควรจะมีขนาดที่เหมาะสมกับประเภทของสินค้า
  • คอมพิวเตอร์/เครื่องปริ้น สำหรับอัพเดทจำนวน สถานะของสินค้า และพร้อมทั้งปริ้นเอกสารที่เกี่ยวข้องเช่น ใบคำสั่งซื้อ ใบส่งของ หรือป้ายกำกับต่างๆ
  • เครื่องชั่งสินค้า ที่ใช้ในการชั่งน้ำหนังสินค้าที่นำเข้ามาในคลัง และส่งออกเพื่อคำนวนค่าใช้จ่ายในการส่ง พร้อมบันทึกข้อมูล

แร็คหรือชั้นวางสินค้านั้นก็สำคัญมากเช่นกันที่นอกจากจะต้องแข็งแรงแล้วก็จะต้องเลือกรูปแบบ และขนาดให้เข้ากับรูปแบบของสินค้า แล้วหากมีสินค้าจำนวนมากหรือมีน้ำหนักมากแล้วนั้นก็ควรจะมีพาเรทกับ Hand Lift หรือรถเข็นสินค้า เพื่อให้สะดวกต่อการขนย้ายสินค้าอีกด้วย

 

บทความอ้างอิง

What is Warehouse Management by shipbob.com

จัดการคลังสินค้าอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด by pnsteelproduct.com

การควบคุมคลังสินค้า มีหลักการอย่างไร by prosoftwinspeed.com

 

บทความแนะนำ

 

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

 

แพลตฟอร์มจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีกและร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

 

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่

การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

 

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย 

 

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

 

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

 

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ (https://multioneapp.com/shoppage/

 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ (https://multioneapp.com/brandpage/)

 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne (https://bit.ly/3GwfF4d)

Learn More

โลกยุคสมัยใหม่ส่งผลให้เกิดข้อได้เปรียบหลากหลายอย่างมากที่ส่งผลกระทบกับเรา หนึ่งในจุดที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุด คือความหลากหลายของวิธีซื้อสินค้า อีคอมเมิร์ซได้กลายมาเป็นผู้นำเทรนด์ในกลุ่มผู้ค้าปลีก ซึ่งทำให้การแข่งขันนั้นสูงขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา เจ้าของร้านค้ามักจะหาวิธีใหม่ๆ ในการดึงดูดลูกค้า ซึ่งก็มีร้านค้าจำนวนหนึ่งได้พัฒนามาเป็น ร้านค้าปลีกมัลติแบรนด์ (Multi-brand retail) ทิศทางการพัฒนานี้ได้รับการพิสูจน์แล้วจากหลายร้านค้าว่า ร้านค้ามัลติแบรนด์ นั้นได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถสร้างกำไรและผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจให้แก่หลากหลายร้านค้า

 

วันนี้น้องมัลตี้จะพามาดูทุกสิ่งที่ร้านค้ายุคนี้ควรรู้เกี่ยวกับการขายปลีกหลายแบรนด์และ ร้านค้ามัลติแบรนด์ (Multi-brand store) ซึ่งหากคุณสงสัยว่าร้านค้าสไตล์นี้เหมาะสำหรับคุณหรือไม่ เรามั่นใจเลยว่าคุณจะพบคำตอบจากบทความของเราแน่นอน ไปดูกันเถอะว่าเราจะพูดถึงอะไรบ้างเกี่ยวกับการขายสินค้าหลายแบรนด์ในบทความนี้!

 

ร้านค้ามัลติแบรนด์ คืออะไร ?

ร้านค้ามัลติแบรนด์นั้นความหมายก็ตรงตามชื่อเลย ก็คือร้านที่ขายสินค้ามากกว่าหนึ่งแบรนด์ในร้านเดียว แตกต่างจากการขายปลีกแบรนด์เดียวที่เจ้าของร้านค้าจะเปิดมาเพื่อขายสินค้าจากแบรนด์เดียว แต่ร้านค้ามัลติแบรนด์นั้นมักจะมีสินค้าที่หลากหลายให้ผู้บริโภคเลือกซื้อมากกว่า

 

ตัวอย่างเช่น ห้างสรรพสินค้าหรือเอาท์เล็ทเป็นร้านค้าปลีกมัลติแบรนด์แบบดั้งเดิม เนื่องจากผู้เข้าชมสามารถค้นหาแบรนด์ต่างๆ และเลือกสินค้าที่เหมาะสมได้อย่างง่ายดาย แต่ด้วยเทรนด์มาแรงของตลาดอีคอมเมิร์ซ ผู้ค้าปลีกจำนวนมากมักจะเลือกขายสินค้าแค่จากแบรนด์ตัวเองอย่างเดียว ตัวอย่างเช่น ร้านค้าอย่าง Nike หรือ Zara ที่จะขายแต่สินค้าจากแบรนด์ตัวเองเท่านั้น

 

แต่ก็ยังมีร้านค้าปลีกมัลติแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและหลายคนก็คงรู้จัก เช่น Walmart และ Amazon ซึ่งธุรกิจร้าค้าประเภทนี้ก็ได้ทำให้กระบวนการซื้อสินค้าสำหรับผู้คนนับล้านทั่วโลกนั้นง่ายขึ้น

 

ประเภทของ ร้านค้ามัลติแบรนด์ 

  • ประเภทแรกขึ้นอยู่กับเอกลักษณ์ของแบรนด์: ลูกค้าสามารถแยกแยะความแตกต่างของสินค้าผ่านภาพลักษณ์ของแบรนด์ และการบริการออกได้ว่าเป็นสาขาขององค์กรหลัก และผู้บริโภคสามารถแยกออกได้ง่ายเช่น Grab food, delivery, bike
  • ประเภทที่สองขึ้นอยู่กับชื่อแบรนด์: ลูกค้าจะเรียกชื่อแต่ละแบรนด์ไม่เหมือนกัน แต่การจำหน่ายสินค้าหรือการให้บริการเป็นชนิดเดียวกัน ซึ่งอาจมีการเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต่างกัน และได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเดียวกัน
  • ประเภทสุดท้ายคือแบบไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์: เนื่องจากชื่อและการออกแบบแยกจากกัน เป็นการสร้างบริษัทย่อยหรือแบรนด์สินค้าย่อย ที่ชื่อแบรนด์และประเภทสินค้าต่างกันภายใต้เจ้าของบริษัทเดียวกัน

 

ร้านค้ามัลติแบรนด์ กับประโยชน์มากมายที่คนส่วนมากมักจะไม่รู้

บางคนอาจกล่าวว่าการทำธุรกิจจากผู้ค้าหลายรายจะทำให้คุณต้องพบกับทางตัน เนื่องจากแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถจัดองค์ประกอบทุกอย่างให้เป็นระเบียบเรียบร้อย คนเหล่านี้อาจไม่ได้มองการณ์ไกลมากพอ

 

ความหลากหลายของสินค้ามากขึ้น

ข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดของการขายปลีกมัลติแบรนด์ คือ ผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย ผู้บริโภคสามารถหาตัวเลือกที่เหมาะสมได้ง่าย ทั้งในด้านของคุณภาพและราคา เนื่องจากธุรกิจนำเสนอตัวเลือกที่หลากหลายจากต่างแบรนด์

 

หากนึกไม่ออกลองคิดภาพเจ้าของร้านแฟชั่นที่มีสินค้าครบทุกอย่างทั้ง เสื้อ กางเกง รองเท้า และเครื่องประดับจากหลายแบรนด์ดัง

นี่จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับลูกค้าที่ไม่ยึดติดกับสินค้าแบรนด์เดียว ลูกค้าที่ต้องการทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ

คุณไม่ต้องกังวลว่าสินค้าจะหมด เนื่องจากการเชื่อมต่อระหว่างพาร์ทเนอร์ของคุณ ทำให้แน่ใจได้เลยว่าผู้บริโภคจะพบสินค้าที่พวกเขาชอบได้ตลอดเวลา

 

ด้วยความที่ว่าสินค้ามีหลายประเภท ร้านค้ามัลติแบรนด์ จึงสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็วและทันกับเทรนด์ใหม่ๆ เสมอ ด้วยความหลากหลายของแบรนด์ที่คุณสามารถเลือกเองได้ ร้านของคุณจึงสามารถสร้างความได้เปรียบเหนือกว่าในตลาดและหลายๆ คู่แข่งของคุณได้เพราะลูกค้าจะมีแนวโน้มในการเลือกร้านของคุณเสมอเนื่องจากการอัพเดทที่รวดเร็ว และการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง

 

ทำการโฆษณาเพื่อโปรโมทได้ดีขึ้น

ด้วยแบรนด์สินค้าที่มากกว่าหนึ่งแบรนด์ในร้านค้าของคุณ คุณสามารถรับการสนับสนุนจากพันธมิตรของคุณในด้านการตลาด แทนที่จะโฆษณาด้วยตัวเอง คุณมีแบรนด์อื่นๆ ช่วยโปรโมตร้านค้าของคุณให้กับผู้บริโภคได้มากขึ้น

 

นอกจากนี้ คุณยังมีตัวเลือกเพิ่มเติมเพื่อแสดงจุดแข็งของคุณ เพราะมีพาร์ทเนอร์แบรนด์จำนวนมากที่นับว่าเป็นธุรกิจที่สามารถพึ่งพาได้เลยทีเดียว แล้วความหลากหลายสินค้าของคุณยังเป็นจุดขายหลักที่สามารถทำให้เอาชนะใจลูกค้าได้ เพราะใครหละจะไม่ชอบการประหยัดเวลาไว้สำหรับสิ่งที่จำเป็นต้องทำ

 

ด้วยรูปแบบการโฆษณาที่มากขึ้น คุณสามารถสร้างแผนการตลาดมากมายเพื่อที่จะนำคุณเข้าใกล้ผู้กลุ่มบริโภคเป้าหมายมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มจำนวนการเข้าชมร้านค้าของคุณให้มากขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากหากกลุ่มลูกค้าเห็นโฆษณาจากหลายที่ก็จะทำให้ลูกค้ามีโอกาสจะสนใจร้านค้าคุณมากขึ้นได้

 

การจัดงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ

การร่วมมือกับหลายๆ แบรนด์ นั้นนอกจากจะช่วยเพิ่มเงินหมุนเวียน ประหยัดค่าใช้จ่ายจากการลงทุน แล้วยังสามารถทำให้ประหยัดทรัพยากรจำนวนมากอีกด้วย

เริ่มแรกเลยก็คือ ร้านค้าคุณกำลังช่วยให้เหล่าแบรนด์ที่มาลงฝากขายสินค้าได้มากขึ้น ดังนั้นการจะมีค่าธรรมเนียมในการเช่าวางสินค้าเพื่อขายนั้นจึงเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณดูแลและยกระดับร้านค้าของคุณตามแบรนด์ที่คุณร่วมทำงานอยู่อีกด้วย

นอกจากนั้น ในฐานะร้านค้าปลีกมัลติแบรนด์ คุณไม่จำเป็นต้องสต๊อกสินค้าคงคลังจำนวนมาก เนื่องจากแต่ละแบรนด์ที่ส่งสินค้ามากลงฝากขายก็มักจะมีพื้นที่จัดเก็บของตัวเอง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเช่าสถานที่และจ้างทรัพยากรบุคคลเพิ่มในการจัดการและพัฒนาสินค้าต่างๆ อีกด้วย

 

อะไรคือสิ่งที่ต้องเตรียมเพื่อให้ ร้านค้ามัลติแบรนด์ ประสบความสำเร็จ?

หลังจากที่เข้าใจถึงประโยชน์อันน่าทึ่งของการขายปลีก multi-brand แล้ว ตอนนี้คุณต้องสงสัยว่าจะทำให้วิสัยทัศน์นี้เป็นจริงได้อย่างไร ด้านล่างนี้คือคำแนะนำบางประการเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับธุรกิจใหม่

 

การได้รับอนุญาตจากแบรนด์ที่เป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ

จะเกิดร้านค้ามัลติแบรนด์ขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มีแบรนด์พาร์ทเนอร์ที่ลงฝากขายด้วย ดังนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือติดต่อธุรกิจที่เลือกให้เหมาะกับสไตล์ร้านค้าของคุณ และเสนอให้พวกเขานำสินค้ามาลงฝากขายที่หน้าร้านค้าของตนเอง

 

การขออนุญาตจำเป็นจะต้องชี้แจงกระบวนการต่างๆ และผลกำไรของแต่ละฝ่าย รวมทั้งการสร้างความไว้วางใจและน่าเชื่อถือ หรือาจมีการทำสัญญาการฝากขายสินค้าให้ละเอียดระหว่างแบรนด์สินค้าและร้านค้าเพื่อหลีกเลี่ยงการฉ้อโกง และรับมือกับข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม

สร้างขั้นตอนการทำงานสำหรับการจัดการสั่งซื้อและจัดส่งสินค้า

เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น ควรจัดทำแผนครอบคลุมสำหรับคำสั่งซื้อและการจัดส่งสินค้า ในการขนส่งสินค้าจากหลาย ๆ แบรนด์ การติดตามการทำงานทุกขั้นตอนนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจนนั้นช่วยให้คุณสร้างประสบการณ์ที่ทำให้กลุ่มลูกค้าเกิดความพึงพอใจที่จะมีการส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของรายได้

 

กำหนดราคาสินค้าให้เหมาะสม

การกำหนดราคาเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการกำหนดความสำเร็จของธุรกิจมัลติแบรนด์ หากตั้งราคาไว้สูงเกินไป ลูกค้าที่เข้ามาในร้านค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้าเพียงแค่จากแบรนด์เดียว ดังนั้นจะดีกว่าถ้าเราเตรียมราคาที่เหมาะสมให้เหมาะสมกับทุกแบรนด์สินค้า และรับประกันผลกำไรสำหรับแบรนด์สินค้าพาร์ทเนอร์แต่ละรายในขณะเดียวกัน

 

เลือกแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เหมาะสมกับร้านค้า

ด้วยความเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซ การนำร้านมัลติแบรนด์เข้าสู่ตลาดออนไลน์ จึงเป็นกลยุทธ์ที่หลายเจ้าของกิจการใช้อยู่ในขณะนี้ การสร้างแพลตฟอร์มที่เติบโตได้ น่าเชื่อถือ ปลอดภัย และเป็นมิตรกับกลุ่มลูกค้าจึงเป็นเรื่องจำเป็น คุณจะไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้เลยหากการให้บริการกับลูกค้านั้นยังไม่เสถียร

 

ต้องทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จในการเปิด ร้านค้ามัลติแบรนด์ ?

เราจะมาบอกเทคนิคเพื่อให้คุณประสบความสำเร็จในการเป็นร้านค้ามัลติแบรนด์ ด้วยการเตรียมการอย่างรอบคอบ และการดำเนินธุรกิจอย่างชาญฉลาดนั้น สามารถทำให้ร้านค้าของคุณเพิ่มยอดขายได้สูงกว่าที่คุณคาดไว้อย่างแน่นอน

 

ร้านค้ามัลติแบรนด์ ต้องเข้าใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของสินค้า

เป้าหมายสูงสุดของทุกธุรกิจคือ การทำให้ลูกค้าซื้อมากขึ้นและได้รับกำไรเพิ่มขึ้น ดังนั้น หากคุณไม่เข้าใจลูกค้าของคุณ คุณจะไม่สามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจไหนเลย สำหรับร้านค้ามัลติแบรนด์ ปัญหานี้จะมีความรุนแรงยิ่งขึ้น เพราะหากคุณขายสินค้าหลายประเภท แล้วยังคงไม่ตอบสนองต่อความต้องการของเป้าหมาย คุณจะไปต่อไม่ได้เลย มันเป็นปัญหาใหญ่ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อธุรกิจของคุณอย่างเดียวแต่รวมไปถึงพาร์ทเนอร์ของคุณด้วย

ดังนั้นอย่าลืมศึกษาวิจัยสินค้า และการตลาดก่อนทำการตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ

 

การใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ให้เหมาะสม 

ถึงแม้ว่าคุณจะเลือก platform อันดับ 1 ก็ตาม แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องทำการใช้งานควบคู่ไปกับเครื่องมือที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของคุณควรวางบน clouds ซึ่งเป็นวิธีที่ดีในการรักษาความปลอดภัยและจัดระเบียบข้อมูลของคุณ

 

ร้านค้าปลีกมัลติแบรนด์ไม่ควรละเลยพลังของการขยาย เช่น Mega Menu หรือ Shop By Brand ช่วยให้คุณจัดกลุ่มสินค้าแยกตามแบรนด์ โดยการสร้างหน้าแบรนด์แยกนั้นเพื่อให้ง่ายต่อการจัดการกิจกรรมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์และสินค้าของแบรนด์

 

ทำให้กระบวนการคล่องตัวและได้มาตรฐาน

จากการวิจัยพบว่าจำนวนลูกค้ามากถึง 74% ไม่ซื้อสินค้าเพราะว่า การบริการลูกค้าที่ไม่ดีและกระบวนการซื้อที่ซับซ้อน ในขณะที่เปอร์เซ็นต์เดียวกันตกหลุมรักแบรนด์สินค้าที่ให้บริการดี และการสนับสนุนที่เป็นประโยชน์ ในฐานะที่เป็นร้านค้ามัลติแบรนด์ จึงต้องคอยรักษาคุณภาพการบริการโดยทำให้การใช้งานธุรกิจของคุณดูเป็นเรื่อง่าย

 

การใช้งานเกตเวย์วิธีการการชำระเงินที่ใช้งานง่าย และปลอดภัยจะช่วยให้ลูกค้าเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งที่ร้านค้าของคุณมากขึ้น

 

การตรวจสอบเป็นประจำ

การจัดการสินค้าจากหลายแบรนด์อาจเป็นงานที่เหนื่อย แต่ถึงแบบนั้นก็ควรจะมีการติดตามเป็นประจำ เพื่อใช้รายงานในการหาคำตอบว่า มีสินค้าคงคลังเหลืออยู่เท่าไหร่ หรือ ผลลัพธ์ยอดขายสินค้าของแต่ละแบรนด์ ในเดือนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งควรตรวจสอบการอย่างถี่ถ้วนเสมอ เพราะข้อมูลในส่วนนี้จะมีบทบาทสำคัญเพื่อใช้ในการกำหนดกลยุทธ์ต่างๆ ในอนาคตของร้านค้าได้

 

นอกจากนั้นการตรวจสอบบ่อยๆ ยังช่วยให้คุณอัปเดตและปรับร้านค้าให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ในโลกยุคสมัยใหม่ได้ที่มีการปรับเปลี่ยนได้

 

ข้อสรุป

ร้านค้ามัลติแบรนด์ในปัจจุนั้นเริ่มเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ กลยุทธ์มัลติแบรนด์นั้นใช้ได้ดีในการแก้ไขปัญหาด้านความหลากหลายของสินค้าของร้านค้า และการลดค่าใช้จ่ายกับความเสี่ยงในการลงทุนอีกด้วย คุณสามารถเลือกใช้กลยุทธ์นี้ในการพัฒนาธุรกิจของคุณไปสู่อีกระดับ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของกลุ่มลูกค้า

 

แม้ว่าการจัดการกับหลายแบรนด์สินค้าฝากขายอาจเป็นเรื่องที่เครียด แต่เมื่อคุณเอาก้าผ่านความท้าทายและปัญหาไปได้ แบรนด์ร้านค้าของคุณจะเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง ซึ่งรับประกันเลยว่าค่าตอบแทนนั้นคุ้มค่าในการลงมือทำงานหนักทั้งหมดก่อนหน้านี้ ดังนั้นหากนี่คือทางเลือกที่คุณสนใจ ลองคว้าโอกาสและพัฒนาร้านค้าของคุณไปให้ถึงเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น

 

ร้านค้าจำนวนมากมักเลือกใช้แพลตฟอร์มกลางเพื่อเชื่อมต่อกับหลายช่องทาง ในการลดความซับซ้อนของกระบวนการจัดการของร้านค้าที่ขายหลายช่องทาง ด้วยวิธีนี้ เจ้าของร้านค้าสามารถรวมสินค้าคงคลังเข้ากับช่องทางการขายทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย และตรวจสอบทุกอย่างในที่เดียว

 

บทความแนะนำ

อะไรคือร้านค้า Multi-Brand ?

ธุรกิจฝากขายกับเทรนด์ร้านมัลติแบรนด์

ทำไมถึงต้องฝากขายกับร้านค้า Multi-Brand !?

 

 

ระบบจัดการร้านค้ามัลติแบรนด์ และร้านค้ารับฝากขาย

 

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

แพลตฟอร์มจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีกและร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

 

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่

การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

 

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย 

 

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

 

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

 

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ 

 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ 

 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne 

 

Learn More

การจะจัดการร้านค้าให้มีประสิทธิภาพ เทคนิคการบริหารกระแสเงินสด ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเปรียบเสมือนหัวใจของธุรกิจคุณ การจัดการกระแสเงินสด ของร้านค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงไม่ควรปล่อยปะละเลย เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการจัดการบริหารร้านค้า ให้ไม่เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาจากการขาดเงินหมุนเวียนที่เพียงพอ และการบริหารรายจ่ายที่ไม่เป็นระบบ ระเบียบ ทำให้สามารถคาดเดาค่าใช้จ่าย และรายรับที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ พร้อมเตรียมวิธีรับมือต่อสถานะการณ์ต่างๆได้อย่างเหมาะสม

กระแสเงินสด คืออะไร?

กระแสเงินสด หรือ Cashflow คือ งบบอกที่มาที่ไปของเงินสดว่าร้านของคุณมีกระแสเงินสด เข้าและเงินสดออกจากกิจกรรมอะไรบ้าง รวมถึงบอกความเปลี่ยนแปลงจากกิจกรรมต่างๆที่ทำ งบนี้จะบอกการเดินทางของเงินสดตลอดช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งถ้ามีเงินไหลเข้าธุรกิจมากกว่าไหลออกไป หรือว่ามีรายรับมากกว่ารายจ่าย กระแสเงินสด ของธุรกิจคุณจะเป็นบวก แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ กระแสเงินสด ก็จะติดลบและถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปในระยะยาวย่อมไม่ส่งผลดีต่อร้านค้าคุณแน่ๆ เพราะงั้นร้านค้าส่วนมากจึงต้องมีการจัดการกระแสเงินสด ที่ดีในการบริหารร้านค้า

การจัดการกระแสเงินสดสำคัญอย่างไร?

การมีเงินสดที่เพียงพอ ช่วยให้ธุรกิจมีความคล่องตัว สามารถดำเนินกิจการได้แบบไม่ติดขัด คำตอบคือ กระแสเงินสด ทำให้เรารู้ว่าสภาพคล่องตัวของร้านค้าคุณว่าเป็นอย่างไร ใช้ลดความผิดพลาดในการบริการจัดการร้านค้า และใช้ในการคำนวนเพื่อคาดการณ์จำนวนการใช้เงินที่จะเกิดขึ้นอย่างพอดี

 

กระแสเงินสด-การจัดการกระแสเงินสด-5 เคล็ดลับการจัดการกระแสเงินสดของร้านค้าให้มีประสิทธิภาพ

กิจกรรมของกระแสเงินสดมีอะไรบ้าง?

หลังจากรู้ว่ากระแสเงินสด คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร โดยกระแสเงินสดจะแบ่งออกเป็น 3 กิจกรรม

  • กิจกรรมดำเนินงานกระแสเงินสด

กิจกรรมดำเนินงานกระแสเงินสด คือ กิจกรรมหลักที่ก่อให้เกิดรายได้และรายจ่ายในธุรกิจคุณ ถ้าพูดให้เห็นภาพคือ การขายสินค้า การซื้อวัตถุดิบมา การจ่ายค่าแรงพนักงาน รวมถึงการจ่ายค่าบริการ จะรวมอยู่ในกระแสเงินสด จากการดำเนินงานทั้งหมด โดยทั่วไปแล้วควรที่จะมีการบริหารให้เป็นบวกเสมอ นั่นคือมีรายได้มากกว่ารายจ่าย จะแสดงถึงสภาพคล่องที่ดีของธุรกิจคุณ

  • กิจกรรมลงทุนกระแสเงินสด

กิจกรรมลงทุนกระแสเงินสด คือ กิจกรรมที่แสดงให้เห็นการได้มา เกี่ยวกับการลงทุนในทรัพย์สินไม่หมุนเวียน ที่ไม่กระทบการดำเนินงาน เช่น การซื้อที่ดิน อาคารหรือตึก เพื่อใช้เป็นสำนักงานของบริษัท กิจกรรมนี้แสดงให้เห็นการลงทุนเพิ่มของธุรกิจหรือการขายทรัพย์สิน กระแสเงินสดนี้ควรมีค่าเป็นลบ ทำให้เห็นว่าธุรกิจมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

  • กิจกรรมจัดหาเงินกระแสเงินสด

กิจกรรมจัดหาเงินกระแสเงินสด คือ กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาเงินของธุรกิจ เช่น เงินสดจากการกู้ยืม เงินสดจากการเพิ่มทุน เงินสดจ่ายคืนเงินกู้ เป็นต้น หากตัวเลขเป็นบวก หมายความว่ามีทิศทางการหาเงินเข้าธุรกิจมากขึ้น เช่น การกู้ยืมจากธนาคาร
หากตัวเลขเป็นลบ นั่นหมายความว่าธุรกิจกำลังจ่ายมากกว่าเงินที่ได้รับ เช่น การจ่ายคืนเงินกู้ การจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น เป็นต้น

5 เคล็ดลับการจัดการกระแสเงินสดของร้านค้าให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มความคล่อง ลดความเสี่ยงของร้านคุณ

1.ประเมินความเสี่ยงและเตรียมรับมือล่วงหน้าด้วย การจัดการกระแสเงินสด

หนึ่งในข้อที่สำคัญมากคือ การประเมินความเสี่ยงและรับมือล่วงหน้า ร้านค้าของคุณควรมีจำนวนเงินสดที่ใช้สำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันหรือความเสี่ยงต่างๆที่อาจะเกิดขึ้นได้ เพื่อหลีกเลี่ยงต่อผลกระทบที่อาจตามมา ซึ่งบางครั้งหากไม่สามารถหาเงินได้ทัน หรือไม่แบ่งเงินส่วนนี้ไว้อาจทำให้เกิดวิกฤตได้ เช่น เหตุการณ์ระบาดของ โควิด 19 ที่ผ่านมา เป็ฺนหนึ่งในเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทำให้ร้านค้าหลายแห่งต้องปิดตัวลงและใช้เวลาปรับตัวกันมากขึ้น เพราะไม่มีการจัดการกระแสเงินสดที่ดี ร้านค้าจึงจำเป็นต้องทราบว่ามีเงินจำนวนเท่าไหร่และจำลองสถานการณ์ขึ้นมาว่าทางร้านจะรับมือล่วงหน้าอย่างไร

ประเมินความเสี่ยงและเตรียมรับมือล่วงหน้าด้วยการจัดการกระแสเงินสด-5 เคล็ดลับการจัดการกระแสเงินสดของร้านค้าให้มีประสิทธิภาพ

2.ติดตามสต๊อกสินค้าให้มีประสิทธิภาพ

การจัดการกระแสเงินสดที่ดี ร้านค้าควรจะติดตามสต็อกสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เช่นนั้นจะพบกับปัญหาต่างๆตามมา ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาในการจ่ายเงินสินค้าซัพพลายเออร์ ปัญหาสต๊อกไม่ตรง สต๊อกเกิน เป็นต้น ทางร้านจึงต้องต้องนับและติดตามสต๊อกสินค้าให้แม่นยำ เพื่อวิเคราะห์ออกมาว่าสินค้าไหนควรขายต่อไป สินค้าไหนควรหยุดขาย เราจึงขอแนะนำให้เลือกใช้ระบบ POS ที่มีประสิทธิภาพอย่าง Multione ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีกที่มีฟังก์ชัน POS ช่วยให้คุณเจ้าของร้านติดตามสต๊อกและบริหารกระแสเงินสดได้ดีขึ้น

ติดตามสต๊อกสินค้าให้มีประสิทธิภาพ-5 เคล็ดลับการจัดการกระแสเงินสดของร้านค้าให้มีประสิทธิภาพ

3.จัดการเคลียร์เงินสดแต่ละบัญชี

ในธุรกิจไม่ว่าคุณจะใช้เงินไปจำนวนมากเท่าไหร่ หรือทราบว่าเงินสดมีจำนวนเท่าใด มันไม่ได้หมายความว่าคุณมีการจัดการเงินที่ดีเสมอไป เนื่องจากลักษณะของธุรกิจมีความแตกต่างกัน แต่สิ่งที่จำเป็นต้องคือ การจัดการกระแสเงินสดในกลุ่มต่าง ๆ ที่ติดอยู่กับกิจกรรมทางธุรกิจ หากคุณมีการจัดการเงินสดได้ดีมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้ภาพรวมของธุรกิจมั่นคงขึ้นมากไปด้วย และยังสามารถคำนวณรายรับ รายจ่ายรวม จำนวนกำไรขาดทุน หรือตรวจพบได้ง่ายหากจำนวนเงินเข้าและออกร้านค้ามีจำนวนที่ไม่เท่ากัน

จัดการเคลียร์เงินสดแต่ละบัญชี-5 เคล็ดลับการจัดการกระแสเงินสดของร้านค้าให้มีประสิทธิภาพ

4. ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในร้านค้าด้วย การจัดการกระแสเงินสด

เคล็ดลับเล็กๆน้อยๆที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป คือ การลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในร้านออกไป โดยการดูยอดรายจ่ายของแต่ละเดือนบ้าง ดูว่าต้องจ่ายเงินจำนวนเท่าไหร่ จากนั้นเราก็จะเห็นว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายตรงส่วนไหนได้บ้าง เช่น ยกเลิกการบริการที่ไม่ตอบโจทย์กับทางร้าน ค่าใช้จ่ายสื่อด้านการตลาดที่ไม่เกิดผลในการดึงดูดผู้บริโภค ค่าน้ำค่าไฟ เป็นต้น ลองดูว่ารายจ่ายส่วนไหนที่ตัดออกไปได้บ้างจะทำให้การจัดการกระแสเงินสดและสภาพการเงินในร้านดีขึ้นอย่างแน่นอน

5. การจัดการกระแสเงินสด ด้วยเครื่องมือต่างๆ

เพื่อการจัดการกระแสเงินสดในร้านคุณให้มีประสิทธิภาพ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณควรหาเครื่องมือที่เหมาะ สมสำหรับตัวเองจะช่วยให้การบริหารกระแสเงินสดในร้านของคุณมีคุณภาพมากขึ้น หากเป็นเจ้าของกิจการมือใหม่ที่ไม่รู้ว่าควรจะเลือกเครื่องมือชนิดไหนในการจัดการ Cashflow น้องมัลตี้มีเครื่องมือต่างๆ มาแนะนำเพื่อประกอบการตัดสินใจกันด้วยนะ

  • จัดการกระแสเงินสดด้วยหนังสือ เหมาะสมสำหรับธุรกิจเริ่มต้น
  • จัดการกระแสเงินสดด้วย Excel เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลาง
  • จัดการกระแสเงินสดด้วย Google Sheet ตรวจสอบได้ทุกที่เพียงมีอินเตอร์เน็ต
  • จัดการด้วยระบบการจัดการร้านค้า Multione สะดวก ใช้งานง่าย ฟังก์ชันหลากหลาย

การจัดการกระแสเงินสดด้วยเครื่องมือต่างๆ-จัดการร้านค้าด้วยระบบMultione-การจัดการกระแสเงินสดของร้านค้าให้มีประสิทธิภาพ

การจัดการกระแสเงินสดของร้านค้าให้มีประสิทธิภาพ มีเคล็ดลับและวิธีการมาบอกมากมายถึง 5 ไอเดียที่น้องมัลตี้ได้เสนอแนะไป ในบล็อกนี้เป็นเพียงแค่แนวทางในการจัดการกระแสเงินสดให้มีประสิทธิภาพ ที่เหมาะสำหรับผู้ประกอบการมือใหม่ที่ต้องการหาวิธีการจัดการเงินภายในร้านให้มีสภา่พคล่องตัวขึ้น โดยเริ่มต้นได้แบบง่าย ๆ

เมื่อมีการวางแผนการจัดการกระแสดเงินสดที่ดี สิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยนั่นคือระบบการจัดการร้านดี ๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณมีช่องทางการขายที่มากขึ้น เพราะเมื่อการขายออนไลน์อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ MultiOne Platform เพื่อนคู่ใจที่จะทำให้การฝากขายของคุณง่ายขึ้น !

บทความแนะนำ

MultiOne Platform ระบบจัดการร้านค้ามัลติแบรนด์และสินค้าฝากขาย-เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

แพลตฟอร์มจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีกและร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่
การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 50 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne คลิกที่นี่

Learn More

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save