การจะจัดการร้านค้าให้มีประสิทธิภาพ เทคนิคการบริหารกระแสเงินสด ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเปรียบเสมือนหัวใจของธุรกิจคุณ การจัดการกระแสเงินสด ของร้านค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงไม่ควรปล่อยปะละเลย เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการจัดการบริหารร้านค้า ให้ไม่เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาจากการขาดเงินหมุนเวียนที่เพียงพอ และการบริหารรายจ่ายที่ไม่เป็นระบบ ระเบียบ ทำให้สามารถคาดเดาค่าใช้จ่าย และรายรับที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ พร้อมเตรียมวิธีรับมือต่อสถานะการณ์ต่างๆได้อย่างเหมาะสม

กระแสเงินสด คืออะไร?

กระแสเงินสด หรือ Cashflow คือ งบบอกที่มาที่ไปของเงินสดว่าร้านของคุณมีกระแสเงินสด เข้าและเงินสดออกจากกิจกรรมอะไรบ้าง รวมถึงบอกความเปลี่ยนแปลงจากกิจกรรมต่างๆที่ทำ งบนี้จะบอกการเดินทางของเงินสดตลอดช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งถ้ามีเงินไหลเข้าธุรกิจมากกว่าไหลออกไป หรือว่ามีรายรับมากกว่ารายจ่าย กระแสเงินสด ของธุรกิจคุณจะเป็นบวก แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ กระแสเงินสด ก็จะติดลบและถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปในระยะยาวย่อมไม่ส่งผลดีต่อร้านค้าคุณแน่ๆ เพราะงั้นร้านค้าส่วนมากจึงต้องมีการจัดการกระแสเงินสด ที่ดีในการบริหารร้านค้า

การจัดการกระแสเงินสดสำคัญอย่างไร?

การมีเงินสดที่เพียงพอ ช่วยให้ธุรกิจมีความคล่องตัว สามารถดำเนินกิจการได้แบบไม่ติดขัด คำตอบคือ กระแสเงินสด ทำให้เรารู้ว่าสภาพคล่องตัวของร้านค้าคุณว่าเป็นอย่างไร ใช้ลดความผิดพลาดในการบริการจัดการร้านค้า และใช้ในการคำนวนเพื่อคาดการณ์จำนวนการใช้เงินที่จะเกิดขึ้นอย่างพอดี

 

กระแสเงินสด-การจัดการกระแสเงินสด-5 เคล็ดลับการจัดการกระแสเงินสดของร้านค้าให้มีประสิทธิภาพ

กิจกรรมของกระแสเงินสดมีอะไรบ้าง?

หลังจากรู้ว่ากระแสเงินสด คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร โดยกระแสเงินสดจะแบ่งออกเป็น 3 กิจกรรม

  • กิจกรรมดำเนินงานกระแสเงินสด

กิจกรรมดำเนินงานกระแสเงินสด คือ กิจกรรมหลักที่ก่อให้เกิดรายได้และรายจ่ายในธุรกิจคุณ ถ้าพูดให้เห็นภาพคือ การขายสินค้า การซื้อวัตถุดิบมา การจ่ายค่าแรงพนักงาน รวมถึงการจ่ายค่าบริการ จะรวมอยู่ในกระแสเงินสด จากการดำเนินงานทั้งหมด โดยทั่วไปแล้วควรที่จะมีการบริหารให้เป็นบวกเสมอ นั่นคือมีรายได้มากกว่ารายจ่าย จะแสดงถึงสภาพคล่องที่ดีของธุรกิจคุณ

  • กิจกรรมลงทุนกระแสเงินสด

กิจกรรมลงทุนกระแสเงินสด คือ กิจกรรมที่แสดงให้เห็นการได้มา เกี่ยวกับการลงทุนในทรัพย์สินไม่หมุนเวียน ที่ไม่กระทบการดำเนินงาน เช่น การซื้อที่ดิน อาคารหรือตึก เพื่อใช้เป็นสำนักงานของบริษัท กิจกรรมนี้แสดงให้เห็นการลงทุนเพิ่มของธุรกิจหรือการขายทรัพย์สิน กระแสเงินสดนี้ควรมีค่าเป็นลบ ทำให้เห็นว่าธุรกิจมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

  • กิจกรรมจัดหาเงินกระแสเงินสด

กิจกรรมจัดหาเงินกระแสเงินสด คือ กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาเงินของธุรกิจ เช่น เงินสดจากการกู้ยืม เงินสดจากการเพิ่มทุน เงินสดจ่ายคืนเงินกู้ เป็นต้น หากตัวเลขเป็นบวก หมายความว่ามีทิศทางการหาเงินเข้าธุรกิจมากขึ้น เช่น การกู้ยืมจากธนาคาร
หากตัวเลขเป็นลบ นั่นหมายความว่าธุรกิจกำลังจ่ายมากกว่าเงินที่ได้รับ เช่น การจ่ายคืนเงินกู้ การจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น เป็นต้น

5 เคล็ดลับการจัดการกระแสเงินสดของร้านค้าให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มความคล่อง ลดความเสี่ยงของร้านคุณ

1.ประเมินความเสี่ยงและเตรียมรับมือล่วงหน้าด้วย การจัดการกระแสเงินสด

หนึ่งในข้อที่สำคัญมากคือ การประเมินความเสี่ยงและรับมือล่วงหน้า ร้านค้าของคุณควรมีจำนวนเงินสดที่ใช้สำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันหรือความเสี่ยงต่างๆที่อาจะเกิดขึ้นได้ เพื่อหลีกเลี่ยงต่อผลกระทบที่อาจตามมา ซึ่งบางครั้งหากไม่สามารถหาเงินได้ทัน หรือไม่แบ่งเงินส่วนนี้ไว้อาจทำให้เกิดวิกฤตได้ เช่น เหตุการณ์ระบาดของ โควิด 19 ที่ผ่านมา เป็ฺนหนึ่งในเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทำให้ร้านค้าหลายแห่งต้องปิดตัวลงและใช้เวลาปรับตัวกันมากขึ้น เพราะไม่มีการจัดการกระแสเงินสดที่ดี ร้านค้าจึงจำเป็นต้องทราบว่ามีเงินจำนวนเท่าไหร่และจำลองสถานการณ์ขึ้นมาว่าทางร้านจะรับมือล่วงหน้าอย่างไร

ประเมินความเสี่ยงและเตรียมรับมือล่วงหน้าด้วยการจัดการกระแสเงินสด-5 เคล็ดลับการจัดการกระแสเงินสดของร้านค้าให้มีประสิทธิภาพ

2.ติดตามสต๊อกสินค้าให้มีประสิทธิภาพ

การจัดการกระแสเงินสดที่ดี ร้านค้าควรจะติดตามสต็อกสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เช่นนั้นจะพบกับปัญหาต่างๆตามมา ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาในการจ่ายเงินสินค้าซัพพลายเออร์ ปัญหาสต๊อกไม่ตรง สต๊อกเกิน เป็นต้น ทางร้านจึงต้องต้องนับและติดตามสต๊อกสินค้าให้แม่นยำ เพื่อวิเคราะห์ออกมาว่าสินค้าไหนควรขายต่อไป สินค้าไหนควรหยุดขาย เราจึงขอแนะนำให้เลือกใช้ระบบ POS ที่มีประสิทธิภาพอย่าง Multione ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีกที่มีฟังก์ชัน POS ช่วยให้คุณเจ้าของร้านติดตามสต๊อกและบริหารกระแสเงินสดได้ดีขึ้น

ติดตามสต๊อกสินค้าให้มีประสิทธิภาพ-5 เคล็ดลับการจัดการกระแสเงินสดของร้านค้าให้มีประสิทธิภาพ

3.จัดการเคลียร์เงินสดแต่ละบัญชี

ในธุรกิจไม่ว่าคุณจะใช้เงินไปจำนวนมากเท่าไหร่ หรือทราบว่าเงินสดมีจำนวนเท่าใด มันไม่ได้หมายความว่าคุณมีการจัดการเงินที่ดีเสมอไป เนื่องจากลักษณะของธุรกิจมีความแตกต่างกัน แต่สิ่งที่จำเป็นต้องคือ การจัดการกระแสเงินสดในกลุ่มต่าง ๆ ที่ติดอยู่กับกิจกรรมทางธุรกิจ หากคุณมีการจัดการเงินสดได้ดีมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้ภาพรวมของธุรกิจมั่นคงขึ้นมากไปด้วย และยังสามารถคำนวณรายรับ รายจ่ายรวม จำนวนกำไรขาดทุน หรือตรวจพบได้ง่ายหากจำนวนเงินเข้าและออกร้านค้ามีจำนวนที่ไม่เท่ากัน

จัดการเคลียร์เงินสดแต่ละบัญชี-5 เคล็ดลับการจัดการกระแสเงินสดของร้านค้าให้มีประสิทธิภาพ

4. ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในร้านค้าด้วย การจัดการกระแสเงินสด

เคล็ดลับเล็กๆน้อยๆที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป คือ การลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในร้านออกไป โดยการดูยอดรายจ่ายของแต่ละเดือนบ้าง ดูว่าต้องจ่ายเงินจำนวนเท่าไหร่ จากนั้นเราก็จะเห็นว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายตรงส่วนไหนได้บ้าง เช่น ยกเลิกการบริการที่ไม่ตอบโจทย์กับทางร้าน ค่าใช้จ่ายสื่อด้านการตลาดที่ไม่เกิดผลในการดึงดูดผู้บริโภค ค่าน้ำค่าไฟ เป็นต้น ลองดูว่ารายจ่ายส่วนไหนที่ตัดออกไปได้บ้างจะทำให้การจัดการกระแสเงินสดและสภาพการเงินในร้านดีขึ้นอย่างแน่นอน

5. การจัดการกระแสเงินสด ด้วยเครื่องมือต่างๆ

เพื่อการจัดการกระแสเงินสดในร้านคุณให้มีประสิทธิภาพ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณควรหาเครื่องมือที่เหมาะ สมสำหรับตัวเองจะช่วยให้การบริหารกระแสเงินสดในร้านของคุณมีคุณภาพมากขึ้น หากเป็นเจ้าของกิจการมือใหม่ที่ไม่รู้ว่าควรจะเลือกเครื่องมือชนิดไหนในการจัดการ Cashflow น้องมัลตี้มีเครื่องมือต่างๆ มาแนะนำเพื่อประกอบการตัดสินใจกันด้วยนะ

  • จัดการกระแสเงินสดด้วยหนังสือ เหมาะสมสำหรับธุรกิจเริ่มต้น
  • จัดการกระแสเงินสดด้วย Excel เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลาง
  • จัดการกระแสเงินสดด้วย Google Sheet ตรวจสอบได้ทุกที่เพียงมีอินเตอร์เน็ต
  • จัดการด้วยระบบการจัดการร้านค้า Multione สะดวก ใช้งานง่าย ฟังก์ชันหลากหลาย

การจัดการกระแสเงินสดด้วยเครื่องมือต่างๆ-จัดการร้านค้าด้วยระบบMultione-การจัดการกระแสเงินสดของร้านค้าให้มีประสิทธิภาพ

การจัดการกระแสเงินสดของร้านค้าให้มีประสิทธิภาพ มีเคล็ดลับและวิธีการมาบอกมากมายถึง 5 ไอเดียที่น้องมัลตี้ได้เสนอแนะไป ในบล็อกนี้เป็นเพียงแค่แนวทางในการจัดการกระแสเงินสดให้มีประสิทธิภาพ ที่เหมาะสำหรับผู้ประกอบการมือใหม่ที่ต้องการหาวิธีการจัดการเงินภายในร้านให้มีสภา่พคล่องตัวขึ้น โดยเริ่มต้นได้แบบง่าย ๆ

เมื่อมีการวางแผนการจัดการกระแสดเงินสดที่ดี สิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยนั่นคือระบบการจัดการร้านดี ๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณมีช่องทางการขายที่มากขึ้น เพราะเมื่อการขายออนไลน์อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ MultiOne Platform เพื่อนคู่ใจที่จะทำให้การฝากขายของคุณง่ายขึ้น !

บทความแนะนำ

MultiOne Platform ระบบจัดการร้านค้ามัลติแบรนด์และสินค้าฝากขาย-เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

แพลตฟอร์มจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีกและร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่
การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 50 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne คลิกที่นี่

Learn More

ไม่ว่าจะเป็นการตลาด offline และ online ก็ต้องมีการวางแผนเพื่อสร้าง Creative Content ให้น่าสนใจและดึงดูดลูกค้าให้เข้ามามีส่วนร่วมกับโพสหรือเข้ามาชมสินค้าภายในร้านค้า วันนี้น้องมัลตี้เลยจะมาแนะนำเทคนิคการทำ Content ให้มีความหลากหลาย โดดเด่น และไม่ซ้ำใคร

เพราะปัจจุบันการเข้าถึง Social Media เป็นเรื่องง่ายเข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา จากหลากอุปกรณ์ในการเข้าถึง การจะสร้างความประทับใจให้ลูกค้าของคุณ สิ่งสำคัญคือ การสร้าง Content บน Social Media ได้อย่างน่าสนใจ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและดึงดูดให้ลูกค้าเลือกเรานั่นเอง แต่การจะสร้างคอนเทนต์ให้หลากหลายและมีประสิทธิภาพนั้นจำเป็นต้องเข้าใจหลากหลายองค์ประกอบ ทั้งกลุ่มคนเป้าหมาย และวัตถุประสงค์ในการสร้าง เพื่อให้คอนเทนต์ที่สร้างขึ้นมากนั้นเกิดประโยชน์สูงสุดและคุ้มค่าในการทำมากที่สุด ซึ่งก่อนที่จะเข้าเนื้อเรื่อง เราไปดูกันก่อนว่าเราควรรู้อะไรบ้างก่อนที่จะเริ่มทำคอนเทนต์

Social Media คืออะไร

          Social Media คือ แพลตฟอร์มดิจิทัลที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแบ่งปันเรื่องราวสู่สาธารณผ่านอินเทอร์เน็ตช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เฟสบุ๊ค อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ ติ๊กต็อก และอื่นๆ ซึ่งโซเชียลมีเดียเปรียบเสมือนแคตตาล็อกสินค้า อีกทั้งยังเป็นพื้นที่สำหรับแชร์ความรู้และการพรีเซนต์ Branding ให้เป็นที่รู้จักได้ดี แต่การจะสร้างเนื้อหาคอนเทนต์ให้เกิดความน่าสนใจ ต้องมีการวางแผนที่ดีและควรคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ อีกหลายประการ เช่น

  • กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
  • ความสอดคล้องต่อสินค้าและบริการ
  • รูปภาพต้องมีความเป็นเอกลักษณ์และสามารถสะท้อนถึงตัวแบรนด์ได้ดี

วิธีการที่จะสร้างคอนเทนต์ให้ปัง นอกจากการวางแผนและการศึกษาข้อมูลที่ดี การเล่นกับกระแสในช่วงนั้น ๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยดึงดูดลูกค้าให้เลือกธุรกิจของคุณ

Social Media Content คืออะไร?

          Social คือ สังคม, Media คือ สื่อ, Content คือ เนื้อหา ดังนั้น Social Media Content เมื่อแปลอย่างตรงตัวจึงมีความหมายว่า เนื้อหาในการสื่อสารออกสังคม ซึ่ง Content เป็นหัวใจสำคัญในการวางกลยุทธ์ทางการตลาดและการสร้างแบรนด์ในปัจจุบัน เมื่อรวมกับ Social Media ก็ยิ่งเป็นสิ่งที่นักการตลาดต้องใส่ใจเป็นอันดับแรก ๆ การผลิตคอนเทนต์ให้น่าสนใจไม่เพียงแต่จะช่วยดึงดูดลูกค้าให้มาสนใจมากขึ้น แต่ยังช่วยสร้างการรับรู้ให้กับธุรกิจของคุณสู่สังคมจากการแชร์ กดไลค์ และบอกต่อ

การทำคอนเทนต์บน Social Media สำคัญยังไง ?

การทำคอนเทนต์บนสื่อ Social media หรือ Social Media Content Marketing นั้นทำเพื่อการเพิ่มการรับรู้ของบริษัท สินค้า และบริการบนโลกออนไลน์ เพิ่มยอดขาย ความน่าเชื่อถือ และการติดตามข่าวสารของกลุ่มลูกค้าที่สนใจในตัวสินค้าและบริการของบริษัท เป็นช่องทางหนึ่งในการติดต่อสื่อสาร แต่ก่อนที่จะเริ่มทำคอนเทนต์นั้น ควรจะกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน และทำคอนเทนต์ให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าของเรา โดยการกำหนดเป้าหมายที่ดีนั้นควรตั้งเป้าหมายตามหลัก SMART

  • S – Specific หมายถึง เจาะจง เช่น มีกลุ่มลูกค้าแบบไหนเข้ามาเยี่ยมชมเพจ Socail Media หรือเว็บไซต์
  • M – Measurable หมายถึง สามารถวัดผลได้ เช่น จำนวนคนเห็นโพส 10,000 ครั้ง หรือจำนวนคนที่มีส่วนร่วมกับโพส 1,000 ครั้ง
  • A – Attainable หมายถึง เป็นไปได้จริง เช่น มียอดผู้ติดตามเพิ่มขึ้น สะสม 1,000 คน (ควรตั้งตามความเป็นจริงและงบประมาณ)
  • R – Relevant หมายถึง มีความเกี่ยวข้อง สอดคล้องกับเป้าหมายทางการตลาด และสามารถสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจได้
  • T – Time-bound หมายถึง กำหนดระยะเวลาชัดเจน เช่น มีผู้ติดตามเพิ่มขึ้น 1,000 ต่อเดือน เป็นต้น

1. การสร้าง Content โดยใช้รูปภาพสินค้าแนวไลฟ์สไตล์

          สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับแบรนด์สินค้า ก็คือตัวสินค้า การนำเสนอรูปแบบของสินค้าจึงมีความสำคัญมาก การเลือกใช้เทคนิคที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้สินค้าของคุณ หากคุณเป็นผู้ประกอบการมือใหม่ที่ไม่รู้ว่าควรจะถ่ายรูปแบบไหน น้องมัลตี้ก็มีเทคนิคดีๆ มาแนะนำนั่นก็คือ

  • ภาพ Flat Lay ที่เรียบง่าย สบายตา 
  • ภาพถ่ายในสตูดิโอ 
  • ภาพถ่ายสินค้ากับนางแบบ/นายแบบ 
  • ภาพถ่ายกลางแจ้งแนวไลฟ์สไตล์ 
  • ภาพการใช้งานสินค้าในรูปแบบต่าง ๆ

          ซึ่งในปัจจุบัน เทคนิค Flat Lay ก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยสไตล์ของรูปภาพที่เรียบง่าย สบายตา โดยมีการนำสิ่งของต่าง ๆ ที่มีความเข้ากัน โทนเดียวกัน นำมาจัดวางให้เข้าที่ และถ่ายภาพจากมุมสูงลงมา 90 องศา ทำให้เหมาะสมกับการใช้ถ่ายภาพสินค้า ซึ่งจะช่วยให้สินค้าของเราน่าสนใจและเด่นมากยิ่งขึ้น

เทคนิคดี ๆ2. การสร้าง Content Customer Testimonials (การรับรองจากลูกค้า)

          Testimonial คือ การรับรองคุณภาพสินค้าหรือบริการจากบุคคลอื่น หรือเรียกสั้น ๆ ก็คือการ รีวิว ซึ่งต้องเป็น รีวิวในด้านที่ดี เพื่อช่วยยืนยันคุณภาพของบริการเหล่านั้น ให้กับผู้ที่ไม่เคยลองใช้มาก่อน โดยการทำคอนเทนต์ Testimonial ให้น่าสนใจอาจอยู่ในรูปแบบ บทความ, คำพูดสั้น ๆ, ภาพ หรือวีดีโอ พูดง่าย ๆ Testimonial ก็คือเครื่องมือในการทำ Social Proof นั่นเอง และเมื่อลูกค้าหรือผู้ใช้ทำการรีวิวสินค้าหรือบริการของคุณลง Social Media คุณสามารถทำการรีโพสต์เพื่อแสดงให้ลูกค้าคนอื่น ๆ เห็นว่าสินค้าของแบรนด์คุณมีคุณภาพที่ดี และมีผู้ใช้งานจริง 

การสร้างความน่าเชื่อถือผ่านคอนเทนต์นั้น มักจะเป็นเนื้อหาหลักที่หลายๆ Content creator มักจะหยิบเข้ามาเพิ่มเพื่อให้ลูกค้าที่เห็นคอนเทนต์หรือโฆษณานั้นตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้ใช้ จำนวนยอดขาย Feedback รีวิวจากลูกค้าที่หลากหลาย รางวัลต่างๆที่ได้รับ รวมไปถึงพาร์ทเนอร์ต่างๆที่ไว้ใจเลือกใช้

การทำคอนเทนต์3. การสร้าง Content สาธิตการใช้งานสินค้า

          อีกหนึ่ง Content ที่สำคัญที่แบรนด์สินค้าควรมี คือการสาธิตการใช้งานสินค้า เพื่อให้ลูกค้าเห็นภาพการใช้งานสินค้าจริง เช่น แบรนด์เครื่องสำอางค์สาธิตตัวอย่างการใช้เครื่องสำอางค์ โดยการทำวิดีโอคอนเทนต์เกี่ยวกับการแต่งหน้า แบรนด์เสื้อผ้าโพสต์รูปหรือวิดีโอการแมชเสื้อผ้า แบรนด์สินค้า DIY สอนการทำหรือประกอบสินค้า เป็นต้น

การทำ Content แนวนี้เน้นไปทางการช่วยเหลือลูกค้า ทำให้ลูกค้าเข้าใจระบบหรือใช้งานสินค้าและบริการที่เสนอง่ายขึ้น ซึ่งก็สามารถทำได้หลากหลายแนวไม่ว่าจะเป็นรูปภาพขั้นตอน หรือวีดิโอสาธิต อธิบายแต่ละขั้นตอน แต่ก็ต้องคำนึงถึงความสนุกและน่าสนใจของคอนเทต์ที่เหมาะสมและสามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าของสินค้าและบริการที่จะเสนอได้

 Content ที่สำคัญ4. การสร้าง Content โพสต์สร้างแรงบันดาลใจ

          อีกหนึ่งเทคนิคการสร้าง Content ที่สำคัญ คือคอนเทนต์ที่แชร์เรื่องราว หรือสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่าน หรือจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับค่านิยมของบริษัทคุณก็ได้เช่นกัน ในส่วนของคอนเทนต์สร้างแรงบันดาลใจ คุณสามารถหาคอนเทนต์ดี ๆ หรือเทคนิคจากสื่อ คนดังหรือผู้มีชื่อเสียงต่าง ๆ จากช่องทางออนไลน์มาโพสต์ได้เช่นกัน ซึ่งการสร้างคอนเทนต์แนวนี้นั้นสามารถทำได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการพูดถึงเป้าหมายของกลุ่มลูกค้าโดยการยกผู้ที่ประสบความสำเร็จมาให้คำแนะนำที่มีประโยชน์ การแนะแนววิธีการที่เป็นประโยชน์แก่เป้าหมายของกลุ่มลูกค้า หรือการให้แนวคิดหรือกำลังใจในการเป็นผู้ประกอบการหรือผู้นำของกลุ่มลูกค้าที่เน้นไปทางการสร้างความรู้สึกร่วมกับเป้าหมายของกลุ่มที่เราต้องการจะสื่อสารด้วย

เทคนิคการสร้าง Content5. เทรนด์ใหม่ ๆ หรืออีเวนต์ที่กำลังจะมาถึง

          การสร้างคอนเทนต์ให้เกาะกระแสและอินตามเทรนด์อยู่เสมอ เมื่อมีไวรัลต่าง ๆ เกิดขึ้น การสร้างคอนเทนต์ที่มีการเล่นกับกระแสนั้น ๆ จะทำให้ร้านของคุณเป็นที่รู้จักในวงกว้างและเร็วมากขึ้น  ตัวอย่างคอนเทนต์โดน ๆ ที่เป็นไวรัล เช่น คอนเทนต์การปรับตัวร้านค้าหรือธุรกิจให้เข้ากับเทรนด์ในปัจจุบันเช่น เทรนด์ร้านค้าในยุค Covid-19, เทรนด์การเล่นคำ, วันสำคัญต่างๆ, หรือเทรนด์การพูดถึงเหตุการณ์หนึ่ง เป็นต้น หรืออาจจะเป็นการนำเทรด์ธุรกิจสไตล์ใหม่ๆ รวมทั้งข่าวที่ผู้คนจำนวนมากพูดถึง ไม่ว่าจะเป็นในประเทศ หรือต่างประเทศ คอนเทนต์แนวนี้จำได้รับความสนใจและการมีส่วนร่วมจากผู้ติดตามได้มาก เพราะเนื้อหาของโพสที่กำลังเป็นไวรัลมักจะมีผู้แสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว ซึ่งคอมเมนต์ที่ได้ก็จะมีหลากหลายความคิดเห็นจากหลายๆมุมมองต่อเทรนด์นั้นๆ

การสร้าง Content6. การสร้าง Content ถาม-ตอบคำถาม

การสร้าง Content ที่ง่าย และเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าอย่างการถาม – ตอบคำถามก็เป็นอีกหนึ่งคอนเทนต์คุณภาพที่ไม่มีไม่ได้ การทำคอนเทนต์ถามคำถามกับลูกค้านั้น ทำให้เราได้รู้ทั้งความคิดเห็นของลูกค้าส่วนมาก ทั้งยังเป็นการเป็นการเพิ่มจำนวนการมีส่วนของผู้ติดตาม ส่งผลให้เพิ่มโอกาสจำนวนคนที่จะเห็นโพสคอนเทนต์ของเราอีกด้วย ซึ่งก็อาจจะมีการให้ของรางวัลหรือส่วนลดกับผู้ที่มีส่วนร่วมกับคอนเทนต์กิจกรรมตอบคำถาม เป็นการจูงใจให้ผู้ติดตามหรือคนที่เห็นมีโอกาสแสดงความคิดเห็นมากขึ้น

ส่วนคำตอบที่นำมาทำคอนเทนต์ คุณอาจเลือกคำถามที่ลูกค้ามักจะถามบ่อยๆ หรือ Frequently Asked Questions นั่นเอง คำถามที่พบบ่อยนั้นเปรียบเสมือนเส้นทางที่ทำให้ลูกค้าเข้าถึงตัวแบรนด์ได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังประหยัดเวลาในการสร้างคอนเทนต์ให้โดนใจลูกค้ามากที่สุด และชัดเจนที่สุดอีกรูปแบบหนึ่ง เป็นการลดขั้นตอนในการหาข้อมูลของลูกค้าที่ต้องทักเข้ามาถามและรอคำตอบ ซึ่งก็สามารถทำเป็นหัวข้อหนึ่งของคอนเทนต์ที่สามารถนำมาประยุกต์ในการทำคอนเทนต์เพื่อการเพิ่มส่วนร่วมต่อของกลุ่มลูกค้าเช่น การทำคอนเทนต์ถามคำถาม เพื่อรวบรวมคำถามที่ถูกถามเข้ามามากมาทำคำตอบล่วงหน้าเพื่อให้บริการการตอบคำถามลูกค้ารวดเร็วขึ้น หรืออาจจะนำเข้าไปเพิ่มในหน้า FAQs ภายในเว็บไซต์ เพื่อตอบข้อสงสัยจากคำถามที่ถูกถามเข้ามามากที่สุด

การสร้าง Content ที่ง่าย7. โปรโมชั่นและอัพเดต

          เทคนิคสำคัญสำหรับ Content Marketing คือการออกโปรโมชั่นหรือเซล โดยสามารถโพสต์ผ่านสื่อโซเชียลแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของแบรนด์ได้โดยตรง การโพสต์เพื่ออัพเดตโปรโมชั่นเป็นระยะ หรือการนับเวลาถอยหลังจะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดตื่นเต้นและวางแผนในการเลือกซื้อสินค้าของคุณ การอัพเดทบริการใหม่ๆ หรือข่าวสารของบริษัท เพิ่มทั้งจำนวนการมีส่วนร่วมและเป็นการ Re-marketing หรือการทำการตลาดกับลูกค้าเก่าของเราเพื่ออัพเดทโปรโมชั่นสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์และน่าสนใจอยู่เสมอ ซึ่งก็ต้องสร้างคอนเทนต์ให้เหมาะสมกับช่องทางที่ติดต่อกับกลุ่มลูกค้าด้วย ไม่ว่าจะเป็นช่องทาง Social media หรือ Line OA ที่สามารถติดต่อกับลูกค้าต่างประเภทได้โดยตรง

เทคนิคสำคัญสำหรับ Content Marketing

          การทำ Digital Marketing โดย การสร้าง Content ที่น่าสนใจผ่าน Social Media มีเทคนิคและวิธีการทำมากมาย 7 ไอเดียที่น้องมัลตี้นำเสนอไปในบล็อกนี้ เป็นเพียงแค่ตัวอย่างแนวทางในการทำคอนเทนต์ ที่เหมาะสำหรับแบรนด์ หรือผู้ประกอบการมือใหม่ที่ต้องการทำการตลาดโดยเริ่มต้นแบบง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก ซึ่งก็มีช่องทางและวิธีการอื่นๆ อีกมากมายที่แตกต่างและเฉพาะเจาะจงกับสไตล์และประเภทที่แตกต่างกันของธุรกิจ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของการทำการตลาด การโฆษณา และเนื้อหาที่ต้องการจะสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่าง

 

          เมื่อมีการวางแผนการทำการตลาดที่ดี อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือระบบดี ๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณมีช่องทางการขายที่มากขึ้น เพราะเมื่อการขายออนไลน์อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ MultiOne Platform เพื่อนคู่ใจที่จะทำให้การฝากขายของคุณง่ายขึ้น !

บทความแนะนำ

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

 

          แพลตฟอร์มจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีก และร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

 

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่

การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย 

 

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิก

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิก

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne คลิก

Learn More

ร้านค้ามัลติแบรนด์ ( Multi-brand store ) คืออะไร แตกต่างจากร้านค้าทั่วไปยังไง และทำไมแบรนด์ออนไลน์ส่วนใหญ่จึงเลือกฝากขายกับ ร้านค้ามัลติแบรนด์

อะไรคือ ร้านค้ามัลติแบรนด์ ?

ร้านค้า Multi-brand คือ แหล่งรวบรวมสินค้าจากหลากหลายแบรนด์มาวางขายหน้าร้าน ซึ่งส่วนใหญ่ จะเป็นแบรนด์ขนาดเล็กที่มีหน้าร้านอยู่บนโลกออนไลน์ ทำให้แบรนด์เล็ก ๆที่มีเงินทุนไม่มาก หรือไม่อยากเปิดหน้าร้านเอง สามารถมีหน้าร้านโดยที่ไม่ต้องลงทุนสูง ไม่ต้องจ้างพนักงานขาย ไม่ต้องทำการตลาดเอง

ผู้ผลิต หรือแบรนด์นั้น ไม่สามารถกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคได้เองเสมอไป การฝากขายกับหน้าร้านค้ามัลติแบรนด์ ที่นอกจากจะช่วยเพิ่มช่องทางการขายสินค้า แบรนด์จะได้รับการโปรโมท และเพิ่มกลุ่มลูกค้าจากฐานลูกค้าเดิมของหน้าร้าน

ร้านค้ามัลติแบรนด์แตกต่างจากร้านค้าฝากขายทั่วไปยังไง ?

โดยปกติ ร้านค้ามัลติแบรนด์จะมีคอนเซ็ปต์ และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งจะแตกต่างกับร้านฝากขายทั่วไป ที่มักจะขายสินค้าอย่างหลากหลาย และกลุ่มลูกค้าอาจไม่ชัดเจนนัก และร้านค้ามัลติแบรนด์ส่วนใหญ่ จะมีการจัดการร้านที่เป็นระบบ ทำให้แบรนด์ไม่ต้องกังวลปัญหาที่อาจเกิดขึ้น หลังจากการฝากขาย อีกทั้งการฝากขายกับร้านค้ามัลติแบรนด์ ร้านจะมีการโปรโมท และช่วยแบรนด์ในด้านการทำการตลาด 

ในปัจจุบัน ร้านมัลติแบรนด์ เป็นช่องทางการวางขายสินค้าหน้าร้าน ที่สำคัญสำหรับแบรนด์ออนไลน์ ที่ต้องการฝากขายสินค้า เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสสินค้า และได้ลองสวมใส่จริง ตอบโจทย์ผู้บริโภค ที่ชื่นชอบการซื้อของแบรนด์ออนไลน์ แต่มีความลังเลที่จะตัดสินใจซื้อ เพราะกลัวสินค้าอาจไม่ตรงปกบ้าง ไซส์ไม่ตรงบ้าง ร้านค้ามัลติแบรนด์จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแก้ไขในจุดนี้นั่นเอง

จึงไม่แปลก ที่ในปัจจุบัน ร้านมัลติแบรนด์จะได้รับความนิยม และมีฐานลูกค้าที่มากมาย เพราะร้านมัลติแบรนด์ นอกจากจะรวบรวมสินค้าแบรนด์ออนไลน์ที่หลากหลายเอาไว้ในที่เดียวแล้ว ร้านมัลติแบรนด์ส่วนใหญ่จะมีการอัพเดทเทรนด์แฟชั่นให้ตามยุคสมัยอยู่เสมอ

เปิดเหตุผลทำไมแบรนด์ส่วนใหญ่จึงเลือกฝากขายกับร้านมัลติแบรนด์

เปิดเหตุผล ทำไมแบรนด์ออนไลน์ส่วนใหญ่ จึงเลือกฝากขายกับ” ร้านค้ามัลติแบรนด์ “

ในปัจจุบันที่การเปิดแบรนด์ของตัวเองไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป จึงมีแบรนด์ออนไลน์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่การขายช่องทางเดียวอาจไม่เพียงพอ แบรนด์ออนไลน์หลาย ๆแบรนด์ จึงมองหาช่องทางที่จะเพิ่มรายได้ และกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด

การจะเปิดหน้าร้านเองอาจไม่ตอบโจทย์แบรนด์ออนไลน์มากนักใช่มั้ยล่ะ ? ดังนั้นการฝากขายกับร้านค้ามัลติแบรนด์จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

ประโยชน์และสิ่งที่แบรนด์จะได้รับเมื่อฝากขายกับร้านมัลติแบรนด์

ประโยชน์ และสิ่งที่แบรนด์จะได้รับ เมื่อฝากขายกับร้านค้ามัลติแบรนด์  มีอะไรบ้าง MultiOne มีคำตอบ

  • การฝากขายกับร้านมัลติแบรนด์ จะช่วยกระจายสินค้าให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น แบรนด์จะได้ฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นนั่นเอง
  • ร้านมัลติแบรนด์ช่วยโปรโมทสินค้าให้แบรนด์ มีการโพสสินค้าลงช่องทางต่าง ๆของหน้าร้าน
  • แบรนด์ไม่ต้องเหนื่อยขายสินค้าเอง เพราะร้านจะช่วยทำหน้าที่ในการขาย การโปรโมท และการบริการลูกค้าหน้าร้านให้แบรนด์
  • เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ง่ายขึ้น ทั้งลูกค้าออนไลน์และหน้าร้าน
  • มีพื้นที่สำหรับทดลองและสัมผัสสินค้าจริง เพื่อเพิ่มการตัดสินใจให้แก่ลูกค้านั่นเอง

การฝากขายกับร้านมัลติแบรนด์น่าสนใจใช่มั้ยล่ะ นอกจากจะเป็นช่องทางใหม่ให้แบรนด์ได้มีพื้นที่สำหรับวางขายสินค้าหน้าร้าน การฝากขายกับร้านมัลติแบรนด์ยังมีข้อดีอีกมากมาย  แบรนด์ไม่ต้องลงทุนเปิดหน้าร้านจนงบบานปลาย ทั้งยังมีหน้าร้านที่คอยช่วยแบรนด์ขาย และโปรโมทสินค้า ไม่ต้องเหนื่อยเพิ่ม แบรนด์ออนไลน์ก็สามารถมีพื้นที่วางขายสินค้าของตัวเองได้ง่าย ๆ เพียงแค่เริ่มต้นฝากขายกับร้านมัลติแบรนด์

 

ตัวอย่างร้านมัลติแบรนด์ในระบบของ MultiOne

all about us logo

all about us

fashion & creator store สุดเก๋ แหล่งรวบรวมผลงานสร้างสรรค์ของนักวาด นักออกแบบมากมาย ไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า เครื่องประดับ สินค้าแฟชั่น หรือจะเป็นสินค้า stationery ต่าง ๆ อาทิ โปสการ์ด โปสเตอร์ สติ๊กเกอร์ และสารพัดของกุ๊กกิ๊กทั้งหลาย

here for sth logo

here for sth

Multi-Brand Store ที่มีความ Minimal ตั้งแต่บรรยากาศของร้าน ไปจนถึงสไตล์ของสินค้าที่วางขาย ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า น้ำหอม และเครื่องประดับต่าง ๆ ที่คุมโทนความ Minimal

the holiday logo
theholiday

Multi-Brand Store สไตล์ Stationary ที่รวบรวมสินค้าสุด cute ไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น postcard, sticker, tape และ soy wax candle 

 

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

แพลตฟอร์มจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีก และร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ ความน่าเชื่อถือ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

  • แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่
  • การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่ายๆ บนแพลตฟอร์ม

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ สนใจลงฝากขายสินค้า หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne INBOX

Learn More

ฝากขาย กับร้านมัลติแบรนด์ ยกสินค้าจาก Online สู่ On shelves ให้ลูกค้าได้สัมผัสกับสินค้าได้จริง!!!!

ทำไมถึงต้อง” ฝากขาย “กับร้านค้า Multi-Brand !?

        ปัจจุบัน แบรนด์ออนไลน์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นมามากมาย แม้จะมีสินค้าหลากหลายตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า แต่เมื่อลูกค้าเห็นแค่เพียงรูปถ่ายเพียงอย่างเดียว ก็เกิดความลังเลใจที่จะซื้อมากกว่าใช่มั้ยล่ะ

        ปัญหาใหญ่ของแบรนด์ออนไลน์คือ การไม่มีพื้นที่สำหรับให้ลูกค้าได้ลองสัมผัสสินค้าจริง และการจะเปิดหน้าร้านสักร้านหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ภาระหน้าที่ในด้านการบริหารจัดการ การทำการตลาด การโปรโมท และอีกหลายอย่างที่อาจเกิดขึ้น 

        เมื่อการเปิดร้านอาจไม่ใช่เรื่องง่ายดายอย่างที่คิด อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับแบรนด์ออนไลน์ที่ต้องการมีหน้าร้านสำหรับวางขายสินค้า คือการ “ ฝากขาย ” กับร้านมัลติแบรนด์

        “ การฝากขาย ” หรือ consignment คือ การที่แบรนด์สินค้า หรือผู้ผลิตนำสินค้าไปลงฝากขายที่หน้าร้าน หรือห้างสรรพสินค้า โดยสินค้าที่ได้ทำการฝากขายนั้น จะเป็นสิทธ์ของแบรนด์ หรือเจ้าของตามเดิม และเมื่อสินค้าถูกขายออกไป สินค้าจะเปลี่ยนเป็นสิทธ์ของลูกค้าโดยทันที ในส่วนของรายได้ที่ได้รับ แบรนด์สินค้าจะทำการแบ่งเปอร์เซ็นต์หรือจ่ายค่าเช่าพื้นที่ในการฝากขายตามแต่ตกลงกับหน้าร้านนั้นๆ

ข้อดีของการฝากขายสินค้า

การฝากขายสินค้ามีข้อดีอย่างไรบ้าง ?

  1. แบรนด์สามารถเลือกพื้นที่หน้าร้านสำหรับฝากขายสินค้าได้อย่างเหมาะสม ทั้งด้านงบประมาณ ทำเลที่ต้องการ กลุ่มลูกค้าที่เหมาะสมกับสินค้า เนื่องจากมีหน้าร้านที่เปิดรับฝากขายสินค้าเป็นจำนวนมาก แบรนด์จึงมีตัวเลือกในการฝากขายหน้าร้านที่หลากหลาย
  2. แบรนด์เพิ่มช่องทางการวางขายสินค้าให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น เพิ่มความสะดวกในการซื้อสินค้าให้แก่ลูกค้า ทั้งยังเป็นการช่วยขยายฐานลูกค้าอีกด้วย 
  3. แบรนด์สามารถควบคุมราคาสินค้าได้ แม้จะมีการฝากขายสินค้ากับหน้าร้านจำนวนมาก แต่แบรนด์จะเป็นผู้กำหนดราคาขายสินค้าแต่เพียงผู้เดียว หมดปัญหาร้านค้าขายเกินราคาหรือขายตัดราคา

        ในปัจจุบัน การฝากขายกับร้านมัลติแบรนด์ อีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการของแบรนด์ออนไลน์ ที่ต้องการมีพื้นที่สำหรับวางขายสินค้า นอกจากจะช่วยกระจายสินค้าให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น ร้านมัลติแบรนด์ยังช่วยแบรนด์ขาย และโปรโมทสินค้าให้แบรนด์ ไปในตัว ร้านมัลติแบรนด์ส่วนใหญ่จะมีการจัดการร้านที่เป็นระบบทำให้แบรนด์ไม่ต้องกังวลถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเมื่อมีการฝากขายอีกด้วย

        เมื่อการขายออนไลน์ช่องทางเดียวอาจไม่เพียงพอ แบรนด์ออนไลน์อยากเริ่มต้นฝากขายสินค้า สิ่งที่แบรนด์ควรพิจารณามีอะไรบ้าง แบรนด์ควรเลือกหน้าร้านสำหรับการฝากขายยังไง น้องมัลตี้มีคำตอบ

เลือกหน้าร้านฝากขายยังไงให้ปัง

จะเลือกลง” ฝากขาย “กับร้านมัลติแบรนด์ เลือกหน้าร้านยังไงให้ปัง

        สำหรับแบรนด์ออนไลน์ที่อยากเริ่มต้นฝากขาย แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกยังไง ควรพิจารณาปัจจัยอะไรบ้าง วันนี้น้องมัลตี้มีแนวทางดีๆมาฝาก จะมีอะไรบ้าง มาเช็คกันเลย!

        1.พิจารณาคอนเซปต์ของร้าน 

สิ่งแรกที่ควรพิจารณา คือ คอนเซ็ปต์ของหน้าร้านฝากขาย ว่าตรงกับกลุ่มลูกค้าของเราหรือเปล่า ช่วงราคาที่ใกล้เคียงกัน กับสินค้าอื่น ๆ ภายในร้าน และสไตล์ของสินค้าเรา เข้ากับหน้าร้านมั้ย

        2. พิจารณาทำเลที่ตั้ง

สินค้าที่เราฝากขายนั้น จะขายดีหรือไม่ ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าทำเลที่ตั้งของหน้าร้านฝากขายอยู่ในบริเวณ ที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหรือเปล่า รายได้ของกลุ่มลูกค้าบริเวณนั้น อายุและอาชีพ สิ่งเหล่านี้ จะช่วยให้คุณวิเคราะห์ได้ว่า สินค้าของเราตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่นั้นหรือเปล่า แล้วทำเลในจุดไหน ที่จะทำให้เราได้ลูกค้าเป้าหมาย ที่มีแนวโน้มจะซื้อสินค้าของเราได้มากที่สุด

         3.พิจารณาฐานลูกค้า

ฐานลูกค้าเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลย แม้ว่า ที่ทำเลจะดีแค่ไหน หรือ คอนเซ็ปต์ของหน้าร้านฝากขาย จะตรงและถูกใจมากเท่าไหร่ แต่ ถ้าไม่มีฐานลูกค้าที่แน่นพอ ก็รับประกันได้ยาก ว่าสินค้าที่เราส่งไปฝากขายนั้น จะขายออกได้เมื่อไหร่ ดังนั้น น้องมัลตี้ขอแนะนำ ให้เลือกหน้าร้านฝากขาย ที่มีฐานลูกค้าอยู่แล้ว ดีกว่าหน้าร้านฝากขายที่ไม่มีฐานลูกค้าเลย เพื่อให้สินค้า ที่ฝากขายหน้าร้านของคุณ มีเปอร์เซ็นต์ การขายออก ที่มากขึ้น

        4.พิจารณาค่าเช่า

พิจารณาค่าเช่า ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของค่าเช่าแผง ค่าเช่า Shelf ค่าบล็อกหรือแม้แต่ค่าเช่าราวเสื้อผ้าก็ล้วนต้องผ่านการพิจารณาอย่างดี หากค่าเช่าแพงเกินไปก็ไม่คุ้มที่จะนำสินค้าไปลงแน่นอนแต่ไม่ใช่ว่าเห็นค่าเช่าแพงก็ปัดตกหมดทุกร้านนะต้องดูด้วยว่าที่แพงเพราะปัจจัยอะไรอาจจะแพงเพราะเป็น Shelf ที่อยู่โซนสินค้าแนะนำมีฐานลูกค้าเยอะ ร้านอยู่ในทำเลที่ตั้งดีหรือแม้แต่แพงเพราะร้านมีชื่อเสียง ปัจจัยเหล่านี้ ล้วนมีค่าให้พิจารณาดูอีกครั้ง

        5.พิจารณาการจัดการภายในร้าน

หากว่าเราจะต้องฝากขายกับหน้าร้านที่จัดการอะไรต่าง ๆ ภายในร้านแบบยุ่งยากวุ่นวายเราก็คงไม่อยากร่วมงานด้วยหรอกใช่มั้ย เพราะฉะนั้น น้องมัลตี้แนะนำให้เลือกร้านที่มีการจัดการภายในร้านที่เป็นระบบดีกว่า

5 ข้อดีของการฝากขายกับ multione

เปิดเหตุผล ทำไมแบรนด์ออนไลน์ถึงไว้ใจ MultiOne

หลายคนอาจสงสัย ทำไมต้องฝากขายกับ MultiOne วันนี้น้องมัลตี้จะมาแนะนำ 5 ข้อดี ฝากขายกับ MultiOne เพื่อนคู่ใจที่จะช่วยให้การฝากขายของคุณเป็นเรื่องง่าย

1.มีระบบหลังบ้านที่ครบครัน

เช็คสต๊อก กรอกข้อมูล ตรวจสอบยอดขาย เราช่วยให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่าย ๆ

2.ขายได้ทั้งออนไลน์และหน้าร้าน

หมดยุคการขายของเพียงช่องทางเดียว! MultiOne ตัวช่วยที่จะทำให้เพื่อน ๆ ขายของง่าย ทั้งออนไลน์และหน้าร้าน

3.เชื่อมต่อ LineOA ให้การขายของคุณไม่จำกัด

ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เพื่อน ๆ สามารถขายได้ทุกที่ ทุกเวลา

4.มีบอทช่วยตอบลูกค้า

หมดปัญหาลูกค้าทักมาดึก ๆ แล้วตอบไม่ทัน! เรามีบอทอัตโนมัติช่วยตอบลูกค้า ช่วยลดภาระให้แอดมินอีกด้วย

5.ขยายฐานลูกค้าให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น

การฝากขายจะช่วยเพิ่มช่องทางการมองเห็นให้สินค้า ลูกค้าจากหน้าร้านจะเข้าถึงแบรนด์สินค้าของเพื่อน ๆ ได้ง่ายขึ้น

 

สำหรับแบรนด์ออนไลน์ที่สนใจอยากฝากขายสินค้ากับร้านมัลติแบรนด์แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มที่ตรงไหน วันนี้น้องมัลตี้มีแพลตฟอร์มดีๆ มาแนะนำนั่นก็คือ MultiOne Platform ของเรานั่นเอง

Learn More

ธุรกิจฝากขาย กับเทรนด์มาแรงในยุคปัจจุบัน อย่าง ” ร้านมัลติแบรนด์ ” นั้นดีอย่างไร แล้วทำไมผู้ประกอบการที่เปิดกิจการทำ ” ธุรกิจฝากขาย ” ถึงควรเลือกเทรนด์นี้…. 

 

ร้านรับฝากขายคืออะไร?

ก่อนจะมาเริ่มทำความรู้จักกับ Multibrand Store อยากให้ทุกคนลองนึกถึงการทำธุรกิจประเภทร้านค้าฝากขายดูก่อน การฝากขาย หรือ Consignment คือ การที่เจ้าของสินค้าหรือเจ้าของแบรนด์ไป ฝากขายสินค้าตามร้านค้าต่าง ๆ ซึ่งการที่เรานำสินค้าไปฝากขายของตามร้านนั้นแบรนด์จะยังถือว่าเป็นเจ้าของจนกว่าสินค้าจะถูกขาย โดยหน้าร้านจะหักค่า GP จากราคาสินค้าก่อนที่แบรนด์จะได้รับเงิน

เรื่องของเรื่องก็คือ แบรนด์ผลิตสินค้าออกมาก็ต้องการหาช่องทางที่จะขายสินค้าออกไป พ่อค้าแม่ค้าหน้าร้านก็ต้องการที่จะหาของมาขาย ไม่ว่าจะเพราะที่ว่างในร้านเหลือ หรืออยากเพิ่มความหลากหลายของสินค้าภายในร้าน ความต้องการของทั้งคู่จึงมาพบเจอกัน เกิดเป็นโมเดลธุรกิจนี้ขึ้นมา

การเป็นร้านค้า Multi-Brand ดีกว่ายังไง ?

การเป็นร้านค้ามัลติแบรนด์นั้นมีประโยชน์มากมาย แต่ข้อดีหลักๆก็คือ

1.การเพิ่มความหลากหลายของสินค้า – เป็นการสร้างข้อได้เปรียบช่องทางหนึ่งให้เหนือกว่าคู่แข่ง โดยการเพิ่มตัวเลือกหมวดหมู่ประเภทสินค้าทั้งด้านคุณภาพและราคาจากหลากหลายแบรนด์ให้ตอบโจทย์ลูกค้าหลายประเภท ถ้ายังนึกไม่ออกลองนึกถึงร้านเสื้อผ้าที่ขายเสื้อ กางเกง รองเท้า และเครื่องประดับ จากหลายๆแบรนด์ในร้านเดียวนั้นสามารถทำให้ใช้พื้นที่ว่างในร้านค้าในการเปิดให้ลงฝากขายและทำเพิ่มเติมให้กับร้านค้าเพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้

2.เพิ่มประสิทธิภาพของการโฆษณา – การมีแบรนด์สินค้าฝากขายเป็นจำนวนมาก ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่ร้านมัลติแบรนด์เพียงอย่างเดียว ยังเป็นการเพิ่มช่องทางให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ในด้านการโปรโมทหน้าร้านให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ร้านมัลติแบรนด์เองก็จะได้ทั้งฐานลูกค้าเดิมจากแบรนด์และลูกค้าจากกลุ่มใหม่

3.การจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ – การเปิดร้านมัลติแบรนด์ ร้านไม่ต้องจ่ายค่าสต๊อกสินค้าเพราะแบรนด์จะทำการส่งสินค้าให้ร้านช่วยขายหน้าร้าน ดังนั้น ร้านจึงประหยัดค่าต้นทุนการสต๊อกสินค้าและค่าดูแลรักษาสินค้า อีกทั้งร้านมัลติแบรนด์ยังมีรายได้จากค่าเช่าที่หน้าร้านและค่า GP ที่เก็บจากแบรนด์อีกด้วย

4.เพิ่มกลุ่มลูกค้า – การมีแบรนด์สินค้าที่แตกต่างกันจะช่วยดึงดูดลูกค้าต่างความชอบ อายุ รายได้ เข้ามายังร้านมัลติแบรนด์ กลยุทธ์สำคัญของร้านมัลติแบรนด์คือมีสินค้าที่หลายแบบและหลายสไตล์คอยตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายและไม่ยึดติดกับการซื้อสินค้าแบรนด์เดียว

 

แต่ว่าร้านรับฝากขายทั่วไปมักจะใช้ระบบ Manual หรือ POS ทั่วไปในการจัดการระบบสินค้าที่รับมาลงฝากขาย แพลตฟอร์ม MultiOne จึงสร้างมาเพื่อแก้ไขปัญหา และตอบโจทย์ร้านค้า Multi-Brand ยุคใหม่ ที่ต้องการพัฒนาหน้าร้านของตัวเองให้มีระบบการจัดการและจัดส่งสินค้าที่ครบครันและสะดวกทั้งสำหรับร้านค้า แบรนด์ พร้อมทั้งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าไปด้วยกัน

 

ข้อดีของฟังก์ชัน MultiOne Platform มีอะไรบ้าง ??

  • ระบบ POS จัดการร้าน Multi-brand

ฟังก์ชันขายหน้าร้าน ตัวช่วยที่จะทำให้การขายหน้าร้านของคุณง่ายขึ้น มาพร้อมฟีเจอร์ที่ใช้งานง่ายและสะดวก เช่น ฟีเจอร์แคชเชียร์หน้าร้าน, ฟีเจอร์รายงานยอดขาย, ฟีเจอร์ระบบสมาชิก, ฟีเจอร์สรุปกะสำหรับหน้าร้านที่มีพนักงานจำนวนมาก 

  • ระบบจัดการสต๊อคสินค้าจากหลายแบรนด์

          ฟังก์ชันจัดการแบรนด์และสต๊อกสินค้า ไม่ว่าจะเพิ่มแบรนด์ จัดการสัญญากับแบรนด์ จัดการสินค้าที่ฝากขายหรือจะส่งคืนสินค้า ก็สามารถจัดการได้ง่าย รองรับการใช้งานกับสินค้าระดับ SKU จำแนกสินค้าได้ตามประเภท 

  • ฟังก์ชันรายงานยอดขาย

          ฟังก์ชันรายงานยอดขายทั้งโดยรวมและแยกรายแบรนด์ รายงานยอดขายย้อนหลังได้ทั้งรายสัปดาห์และรายเดือน พร้อมฟีเจอร์ออกใบกำกับภาษีและใบเสร็จรับเงิน

  • ระบบ Matching ค้นหาและจับคู่ร้านค้ากับแบรนด์ได้ง่ายๆ

          ฟังก์ชันที่ช่วยค้นหาแบรนด์ฝากขาย ซึ่งจะแสดงรายละเอียดและช่องทางติดต่อของแบรนด์พาร์ทเนอร์ในระบบของเราเพื่อใช้ในการจับคู่ฝากขาย สามารถเลือกค้นหาตามประเภทสินค้าหรือชื่อแบรนด์ได้ 

  • ฟรี !! เชื่อมต่อสต๊อคสินค้ากับ Line OA และช่องทางอี-คอมเมิร์ซอื่นๆ

          ฟังก์ชันร้านค้าออนไลน์ครบวงจร ฟรี! Sale Page โปรโมทสินค้า เชื่อมข้อมูลสินค้ากับสต๊อกหน้าร้านได้อย่างไม่จำกัด ขายไม่มีสะดุดทุกช่องทาง

  • การจัดการโปรโมชั่นผ่านระบบได้ง่ายๆ

          ฟังก์ชันที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ร้านและแบรนด์ออกโปรโมชั่นร่วมกันได้ เพียงแค่แบรนด์กำหนดโปรโมชั่นขึ้นมาในระบบ หน้าร้านก็จะสามารถตรวจสอบและอนุมัติได้อย่างรวดเร็ว

ทำไมต้องเทรนด์ร้าน Multibrand ?

พฤติกรรมของคน Gen Y และคน Gen Z

คน Gen Y และ Z เป็นคนในยุคใหม่ ที่เกิดมาในยุคที่เทคโนโลยีมีผลกระทบกับการใช้ชีวิต ทำให้มีพฤติกรรมบางส่วนที่คล้ายกัน นั่นก็คือ ความต้องการอิสระในชีวิต และการทำงาน แนวโน้มของคนรุ่นใหม่จึงมีโอกาสที่จะทำธุรกิจเป็นของตนเองสูง อย่างที่เรามักจะเห็นอาชีพแนวอิสระใหม่ๆ ที่ได้รับความนิยมกัน เช่น Blogger, Youtuber, นัก Review หรือทำธุรกิจอื่นๆ เองเป็นต้น อีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับคนยุคนี้ก็คือ ร้าน Multi-brand เงินลงทุนหลักๆ จะเป็นค่าเช่าสถานที่ที่ไม่มากจนเกินไป และจะได้รับคืนมาเป็นค่าเช่าพื้นที่ฝากขาย ทำให้มีความมั่นคงค่อนข้างสูง และที่สำคัญคือ มันเป็นธุรกิจที่อินดี้มากๆ เพราะ Concept ของร้าน แล้วแต่เจ้าของจะ Design ตั้งแต่การตกแต่ง, อารมณ์ของร้าน, Brand ที่จะนำมาลงขาย, สินค้าอะไรที่ต้องการ หรือไม่ต้องการ เห็นแล้วมันตอบโจทย์กับคำว่า อิสระทางความคิด และการใช้ชีวิตจริงๆ

 

โลกที่ไร้ซึ่งพรมแดน

เป็นสิ่งที่เอื้อทำให้ธุรกิจ Multibrand เกิดขึ้นได้ง่ายขึ้นอย่างมาก นึกภาพตามดูครับ ถ้าเราเปิดร้านอยู่จังหวัดเชียงใหม่ แต่เราต้องการเสื้อผ้าจาก Brand ที่ผลิตที่กรุงเทพฯ เราไม่มีความจำเป็นต้องลงทุนเดินทางลงไปเพื่อติดต่อแบบ face to face อีกแล้ว หากการตกลงสัญญา และเงื่อนไขจบ เราก็พร้อมรับของจากทางกรุงเทพฯ ได้ทันที หรือ ถ้าเรามองไกลยิ่งกว่านี้คือ Brand จากต่างประเทศหละ นั่นก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้เช่นเดียวกันสำหรับยุค Digital Disruption

 

เป็นจุด Start ให้กับ SME และช่องทางขายให้ธุรกิจอื่นๆ ได้

การแข่งขันธุรกิจในยุคนี้มีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ การทำการตลาดเพื่อเอาชนะใจลูกค้า เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตธุรกิจไปเสียแล้ว ดังนั้นเรื่องของ Cost เป็นสิ่งที่ต้องจัดการให้ดี ลงทุน 1 แต่ให้ได้ผลตอบแทน 10 หรือมากกว่า การฝากขายนอกจากจะได้ช่องทางการขายสู่มือลูกค้าที่มากขึ้น ประหยัดค่าเช่าเปิดร้านใหม่ ค่าพนักงาน ค่าบริหารต่างๆ แล้ว ที่สำคัญที่สุดเลยคือ Marketing ที่ทางร้านจะช่วยเสริม ให้กับทาง Brand ที่มาฝากขาย หรือนั่นคือการทำ Double Marketing ระหว่าง Brand เอง และ ร้านฝากขายนั่นเอง

 

เริ่มต้นได้ทันที

หากเป็นรูปแบบของการสร้างธุรกิจทั่วไป จะต้องผ่านการใช้เวลาวางแผน และเตรียมตัวก่อนจะเริ่มธุรกิจค่อนข้างนาน ยิ่งหากเป็นธุรกิจที่เน้น Value สร้างความแตกต่างด้วยนวัตกรรม อาจต้องกินเวลายาวนอนไปเป็นเดือนถึงปี ช่วงเวลาที่เสียไป คือต้นทุนค่าเสียโอกาส และจะเป็นช่วงเวลาที่เด็กๆ รุ่นใหม่ที่เริ่มต้นธุรกิจโดนพายุของแรงกดดันจากคนรอบข้าง ทั้งคำตักเตือน คำสอน หรือคำตำหนิต่างๆ มากมาย เช่น “เสียเวลาไปหลายเดือนแต่ยังไม่ได้เงินสักบาทเลย สู้เอาเวลาไปสมัครงานธุรกิจที่มั่นคงเสียดีกว่า….” เห็นภาพชัดเจนเลยถ้าเทียบกับ Multibrand แล้ว ที่สามารถเริ่มต้นได้เลยอย่างรวดเร็ว ไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก และซับซ้อน

 

Work Life Balance และ อิสระภาพทางการเงิน

เป็นสิ่งที่ทุกๆ ต้องการจะมีในชีวิตอย่างแน่นอนไม่มากก็น้อย ธุรกิจที่จะทำให้เราเป็นเสือนอนกินได้นั้น โดยส่วนมากแล้วจะเป็นที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้รับรายได้เป็นค่าเช่าที่มั่นคง High Risk – High Return ลงทุนด้วยเม็ดเงินจำนวนมาก ก็มีโอกาสเสียมาก แต่หากสำเร็จก็อาจจะมีอิสระภาพทางการเงินได้เลย… ธุรกิจ Multibrand เป็นการย่อขนาดของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้อยู่ใน scale ที่เราสามารถทำได้ผ่านการเก็บค่าเช่าพื้นที่ฝากขาย และแน่นอนว่าธุรกิจนี้ต่อไปในอนาคต มีโอกาสที่จะทำให้คนรุ่นใหม่หลายๆ คนอาจกลายเป็นวัยรุ่นร้อยล้านกันได้

 

ทิ้งท้ายสักนิด…

ร้านค้า Multi-Brand นั้นแน่นอนว่าสร้างความได้เปรียบได้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจทั่วไป หรือร้านค้าแทบจะทุกแนวได้อย่างหลากหลายแล้ว หากยิ่งได้แพลตฟอร์มดีๆแบบ MultiOne ไปช่วยอำนวยความสะดวกให้กับทางร้านแล้วล่ะก็รับรองได้เลยว่า เราจะเติบโตไปด้วยกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแน่นอน ทั้งหน้าร้านค้า แบรนด์ออนไลน์ และพวกเรา MultiOne ที่จะคอยพัฒนา สนับสนุน และแก้ไขทุกปัญหาที่เจอ พร้อมคอยเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดให้กับทุกธุรกิจเอง

 

Learn More

ร้านมัลติแบรนด์ ที่กำลังเริ่มกิจการใหม่นั้น ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง ? หากอยากเป็น ร้านมัลติแบรนด์ ที่ประสบความสำเร็จ

multy chart shop

กลยุทธ์ multi-brand คือ วิธีการของบริษัทในการสร้าง กำหนดรูปแบบ และโฆษณาแบรนด์ต่างๆ 

โดยการใช้แบรนด์ การมีพอร์ตโฟลิโอผลงานของแบรนด์นั้น บริษัทสามารถเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆที่มีคุณสมบัติและวัตถุประสงค์เฉพาะเจาะจง เพื่อให้ลูกค้ามีตัวเลือกที่หลากหลายและสามารถกำหนดเป้าหมายเฉพาะสำหรับลูกค้าและตลาดที่ต้องการได้

ร้านค้าควรพิจารณาเกี่ยวกับปัจจัยบางอย่างในแต่ละแบรนด์ ในกลยุทธ์ Multi-brand ซึ่งรวมถึงวัตถุประสงค์ของแบรนด์ กลุ่มเป้าหมาย และความแตกต่างจากการแข่งขัน แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จจะต้องนำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ซึ่งช่วยแก้ปัญหาและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ 

องค์ประกอบที่สำคัญของกลยุทธ์ Multi-brand

ก่อนที่เราจะประสบความสำเร็จนั้นเราควรทราบถึงองค์ประกอบที่สำคัญก่อนที่

1.เป้าหมาย: กลยุทธ์ Multi-brand ช่วยทำให้ธุรกิจของคุณบรรลุเป้าหมาย ช่วยทำให้ธุรกิจทำเงินได้มากขึ้น การตัดสินใจกำหนดเป้าหมายเมื่อวางแผนกลยุทธ์ Multi-brand นั้นสามารถช่วยให้บริษัทของคุณนั้นทำการตลาด วางแผนการขายที่รอบคอบและมีเป้าหมายได้

2.ความสม่ำเสมอ: หากแบรนด์ของบริษัทในกลยุทธ์ Multi-brand มีความสอดคล้องกันในด้านคุณภาพ ภาพลักษณ์ และวัตถุประสงค์ ลูกค้าจะจดจำและนึกถึงได้ง่ายขึ้น การรักษาความสอดคล้องกันของแบรนด์ต่างๆ หลายๆแบรนด์ในบริษัท สามารถช่วยแยกความแตกต่างจากแบรนด์อื่นได้

3.การมีอารมณ์ร่วม: แบรนด์ในกลยุทธ์ Multi-brand สามารถดึงดูดอารมณ์หรือความรู้สึกที่แตกต่างกันเพื่อดึงดูดลูกค้าที่มีแตกต่างกันทางอารมณ์ เช่น แบรนด์ๆหนึ่งของบริษัทอาจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าแบรนด์อื่นๆ ซึ่งสามารถดึงดูดความรู้สึกของลูกค้าเกี่ยวกับการรักษ์สิ่งแวดล้อมได้

4.ความยืดหยุ่น: ในกลยุทธ์ Multi-brand ธุรกิจจะต้องมีความคิดสร้างสรรค์ สามารถแก้ปัญหา ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง และสถานการณ์อยู่เสมอ ซึ่งหมายถึงการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาดผลิตภัณฑ์ และบริการเพื่อให้ทันกับเทรนด์ในปัจจุบันอยู่เสมอ

เคล็ดลับในการสร้างกลยุทธ์ multi-brand มีอะไรบ้าง

เคล็ดลับในการสร้างกลยุทธ์ Multi-brand มีอะไรบ้าง

เช็คความสามารถตัวเอง: ก่อนการสร้างกลยุทธ์ Multi-brand ต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าเรามีทรัพยากรเพียงพอที่จะใช้เวลา ความพยายาม และเงินเพื่อสร้างแบรนด์ที่แยกกันจากการตลาด

การสร้างเป้าหมาย: การสร้างเป้าหมายสำหรับกลยุทธ์ Multi-brand จะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถติดตามความคืบหน้าได้ โดยคำนึงถึงเป้าหมายตลอดกระบวนการทางการตลาด

การเลือกมูลค่าแบรนด์ของตัวเอง: ลูกค้ามักจะตอบรับในเชิงบวก หากแบรนด์มีหลักการ ความเชื่อ และค่านิยมที่ชัดเจน จะสามารถดึงดูดลูกค้าให้มาภักดีกับแบรนด์ของคุณได้

เน้นแบรนด์เฉพาะกลุ่ม: แบรนด์ต่างๆ มีมากมาย จึงเป็นความคิดที่ดีที่จะทำให้ลูกค้าเข้าใจถึงความแตกต่างในแต่ละแบรนด์ เน้นถึงลักษณะเฉพาะของแต่ละแบรนด์เพื่อให้แบรนด์มีจุดเด่นของตัวเองและให้ประโยชน์ที่เฉพาะตัวให้ลูกค้าจะได้รับ

สร้างแบรนด์ของคุณ: สร้างแบรนด์แต่ละแบรนด์ ด้วยการนำไปใช้กับโลโก้ หน้าโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่างๆ ป้ายโฆษณา และอื่นๆ การตลาดประเภทนี้สามารถช่วยให้แบรนด์ดูเป็นทางการและทำให้ลูกค้าไม่เกิดความสับสนกัแบรนด์อื่นๆ

ดำเนินการวิเคราะห์คู่แข่ง: การวิเคราะห์คู่แข่งคือการประเมินจุดแข็งและจุดอ่อนของคู่แข่งที่แท้จริงและมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นในบริษัท การวิเคราะห์นี้ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจอุปสรรคต่อความสำเร็จที่เป็นไปได้และวิธีก้าวข้ามอุปสรรคเหล่านั้น

อะไรคือสิ่งที่ต้องเตรียมเพื่อให้ร้านค้าปลีก multi-brand ประสบความสำเร็จ?

        ด้วยความที่ว่าสินค้ามีหลายประเภท ร้าน multi-brand จึงสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็วและทันกับเทรนด์ใหม่ล่าสุดเสมอ ด้วยความหลากหลายของแบรนด์ที่คุณได้รับ ร้านของคุณจึงสามารถสร้างความเหนือกว่าในตลาดและคู่แข่งของคุณได้

        ลูกค้าจะเลือกร้านของคุณเสมอเนื่องจากการอัพเดทที่รวดเร็วและการปรับตัวสูงให้เข้ากับความต้องการของตลาด

โฆษณาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

        ด้วยแบรนด์ที่มากกว่าหนึ่งแบรนด์ในร้านค้าของคุณ คุณสามารถรับการสนับสนุนจากแบรนด์พาร์ทเนอร์ที่มาลงฝากขายในด้านการตลาด แทนที่จะโฆษณาด้วยตัวเอง คุณมีแบรนด์อื่นๆ โปรโมทภาพของคุณต่อผู้บริโภคมากขึ้น ไม่ใช่เน้นแค่การโปรโมทร้านค้าของตัวเอง แต่ร้านค้าก็ควรโปรโมทสินค้าของแบรนด์ที่นำมาลงขายให้ดีด้วย

multibrand store blog

        นอกจากนี้ คุณยังมีตัวเลือกเพิ่มเติมเพื่อแสดงจุดแข็งของคุณ พาร์ทเนอร์แบรนด์จำนวนมากถือว่าเป็นจุดที่แสดงให้เห็นว่าธุรกิจมีความน่าเชื่อถือได้ ความหลากหลายเป็นพ้อยหลักที่ทำให้ชนะใจลูกค้า ที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและลดระยะเวลาการทำการตลาด

จัดระเบียบงบประมาณอย่างถูกต้อง

การให้ความร่วมมือกับแบรนด์อื่นจำนวนมากๆ นั้นยังหมายถึงการประหยัดทรัพยากรจำนวนมาก ที่ต้องจัดการให้เป็นระบบอีกด้วย

        1.ร้านค้าช่วยให้แบรนด์ออนไลน์ขายสินค้าได้มากขึ้น ดังนั้นจะมีค่าธรรมเนียมสำหรับแบรนด์อื่นๆที่เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณดูแลและยกระดับร้านค้าให้มีระดับ และสไตล์ตรงตามแบรนด์ที่นำมาลงขายอยู่ด้วย ซึ่งการจัดการสินค้าและแต่ละแบรนด์ให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพนั้นเป็นสิ่งสำคัญ

        2.ขั้นตอนต่อไป ในฐานะร้านค้าปลีก multi-brand คุณไม่จำเป็นต้องมีสินค้าคงคลัง เนื่องจากแต่ละแบรนด์จะมีพื้นที่จัดเก็บของตัวเอง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเช่าสถานที่และทรัพยากรบุคคลเพื่อติดตามและพัฒนาสินค้า แต่ร้านค้าก็ต้องมีการติดตาม คาดการณ์การเติมสินค้าและคัดเลือกสินค้าใหม่ๆ ที่ต้องการนำมาลงขายให้ดี

ได้รับอนุญาตจากแบรนด์ที่ให้ความร่วมมืออื่น ๆ

        จะไม่มีความหมายอะไรสำหรับร้านค้าที่มีผู้ค้าหลายรายที่ไม่มีแบรนด์ใดทำงานด้วย ดังนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือติดต่อธุรกิจที่เลือกให้เหมาะกับสไตล์ของคุณ และเสนอให้พวกเขาขายผลิตภัณฑ์ของพวกเขา

        การขออนุญาตจะชี้แจงกระบวนการและผลกำไรของแต่ละฝ่าย รวมทั้งเสริมสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันระหว่างแบรนด์เพื่อหลีกเลี่ยงการโกง

สร้าง workflow สำหรับการสั่งซื้อและการจัดการจัดส่งสินค้า

workflow1

        เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น ควรจัดทำแผนครอบคลุมสำหรับคำสั่งซื้อและการจัดการจัดส่งสินค้า ในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ต่างๆ การติดตามธุรกรรมทั้งหมดเป็นสิ่งสำคัญ workflow ที่ชัดเจนยังช่วยให้คุณสร้างประสบการณ์ของลูกค้าที่น่าพึงพอใจ ซึ่งจะลดการเสียรายได้จากสินค้าขาด

เลือกแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เหมาะสมกับคุณ

        ด้วยความบูมของอีคอมเมิร์ซ การนำร้าน multi-brand ออนไลน์ จึงเป็นกลยุทธ์ของเจ้าของกิจการจำนวนมากในขณะนี้ การสร้างแพลตฟอร์มที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ซึ่งน่าเชื่อถือ ปรับขนาดได้ และปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ คุณจะไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้เลยหากมีบริการที่ไม่เสถียรกับผู้ใช้งาน

        ซึ่งทาง MultiOne เราก็มีสิทธิพิเศษสำหรับผู้ใช้งานแพลตฟอร์มในการใช้ Line OA ได้ ฟรี !!

ต้องทำอย่างไรถึงจะชนะในเกมค้าปลีก multi-brand ได้?

        ต่อไป ให้เราแสดงวิธีชนะ multi-brand game ด้วยการเตรียมการอย่างระมัดระวังและการเดินเกมอย่างชาญฉลาด คุณสามารถเพิ่มยอดขายได้สูงกว่าที่คุณคาดไว้

เข้าใจเป้าหมายของคุณ

        เป้าหมายสูงสุดของทุกธุรกิจคือ การทำให้ลูกค้าซื้อมากขึ้นและเราได้รับกำไร ดังนั้น หากคุณไม่เข้าใจลูกค้าของคุณ คุณจะไม่สามารถเอาชนะธุรกิจใดๆได้ สำหรับร้านค้าที่มีผู้ค้าหลายราย ปัญหานี้จะมีความรุนแรงกว่า: คุณขายผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ มากมาย แต่ถ้าหากพวกเขาไม่ตอบสนองต่อความต้องการของเป้าหมาย คุณจะไปต่อไม่ได้ มันจะเป็นปัญหาใหญ่ไม่เพียงแต่ธุรกิจของคุณอย่างเดียวแต่รวมไปถึงพาร์ทเนอร์ของคุณด้วย ดังนั้นอย่าลืมทำการวิจัยผลิตภัณฑ์และการตลาดก่อนทำการตัดสินใจครั้งใหญ่

มั่นใจได้ถึงกระบวนการที่คล่องตัวและได้มาตรฐาน

รักษาคุณภาพการบริการ customer service quality

        จากการวิจัยพบว่า ลูกค้า 74% เดินจากไปเพราะว่า การบริการลูกค้าที่ไม่ดีและกระบวนการซื้อที่ยากลำบาก ในขณะที่เปอร์เซ็นต์เดียวกันตกหลุมรักแบรนด์สำหรับการสนับสนุนที่เป็นประโยชน์ ในฐานะที่เป็นร้านค้า multi-brand คุณควรรักษาคุณภาพการบริการอย่างสม่ำเสมอ

        การใช้งานเกตเวย์การชำระเงินที่ปลอดภัยและชาญฉลาดจะช่วยให้ลูกค้าเพลิดเพลินกับการเดินทางช้อปปิ้งที่ร้านค้าของคุณ

ตรวจสอบเป็นประจำ

        การจัดการแบรนด์ต่างๆ มากมายอาจเป็นงานที่เหนื่อย แต่อย่าลืมติดตามเป็นประจำ รายงานเพื่อตอบคำถามสำคัญ เช่น ‘มีสินค้าคงคลังหรือไม่’ หรือ ‘ประสิทธิภาพของแบรนด์ A ในเดือนนี้เป็นอย่างไรบ้าง’ ควรดำเนินการอย่างถี่ถ้วนเสมอ ข้อมูลนี้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดกลยุทธ์ในอนาคตของคุณ

        นอกจากนี้ การตรวจสอบบ่อยๆ ยังช่วยให้คุณอัปเดตและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ในโลกสมัยใหม่ได้

        ร้านค้า multi-brand เริ่มคุ้นเคยกับผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการแก้ไขปัญหาความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และการลดต้นทุน จากความต้องการในทางปฏิบัติ คุณสามารถเลือกเส้นทางนี้เพื่อนำธุรกิจของคุณไปสู่ระดับใหม่ในการสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งในตลาดได้

        แม้ว่าการจัดการร้านค้าปลีกหลายรายอาจเป็นเรื่องที่ยาก แต่เมื่อคุณเอาชนะความท้าทายไปได้ หน้าร้านค้าของคุณและแบรนด์ที่มาลงฝากขาย จะสามารถเติบโตไปด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นจุดแข็งช่องทางหนึ่งที่ทำให้ร้านค้าอยู่เหนือคู่แข่ง ดังนั้นกลยุทธ์ Multi-brand จึงเป็นได้ทั้ง ทางแก้ไขปัญหา และความท้าทาย สำหรับร้านค้าในการเติบโตแบบก้าวกระโดด

         ผู้ค้าจำนวนมากเลือกใช้แพลตฟอร์มกลางเพื่อเชื่อมต่อกับหลายช่องทางเพื่อลดความซับซ้อนของกระบวนการจัดการของร้านค้าหลายช่องทาง ด้วยวิธีนี้ เจ้าของร้านค้าสามารถรวมสินค้าคงคลังเข้ากับช่องทางการขายทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย และตรวจสอบทุกอย่างในที่เดียว

        ซึ่งจะขาดไปไม่ได้เลย MultiOne ระบบจัดการสินค้าที่ดีที่สุดสำหรับร้าน Multi-brand ครบ จบในที่เดียว 

        หากสนใจร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ MultiOne คลิกที่นี่ เรามีแบรนด์สินค้า และ ร้านค้าพาร์ทเนอร์ ในระบบมากมายให้คุณเลือก พร้อมด้วยฟังก์ชั่นระบบหลังบ้านที่ครบครัน ช่วยให้การจัดโปรโมชั่นระหว่างร้านกับแบรนด์ เป็นเรื่องง่ายขึ้น.

และถ้าอยากติดตามการแนะนำของน้องมัลตี้ในเรื่องอื่น ๆ ล่ะก็ เข้าไปดูได้เลย ที่นี่  และ มารอติดตามกันว่า น้องมัลตี้จะเอาอะไรมาฝาก ในครั้งหน้าได้ ที่นี่

Learn More

ร้านมัลติแบรนด์ เทรนด์ร้านค้ายุคใหม่ ตอบโจทย์การชอปปิ้งในปัจจุบัน ร้านมัลติแบรนด์ จะช่วยให้คุณยกสินค้า Online สู่ On Shelves ให้ลูกค้าสามารถสัมผัสสินค้าได้จริง!!!

 

การเป็น ” ร้านมัลติแบรนด์ ” นั้น สร้างข้อได้เปรียบให้กับร้านค้ายังไง ?

        หลายคนอาจคุ้นหูหรือเคยได้ยินคำว่า ร้าน Multibrand กันมาบ้างแล้ว แต่หลายคนอาจสงสัยว่า ร้าน Multibrand แตกต่างกับร้านค้าทั่วไปยังไง

        Multi-Brand Store แหล่งรวบรวมสินค้าจากแบรนด์ออนไลน์ไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแฟชั่น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับหรือจะเป็นสินค้าประเภท stationery สติ๊กเกอร์ เทป เทียนหอม etc. 

        ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น วัยเรียนอย่างนักศึกษาหรือนักเรียนมัธยมที่ชอบหาข้อมูล หรือติดตามสินค้าจากสื่อสังคมออนไลน์ก่อนที่จะมาเลือกสินค้าที่หน้าร้านจริง

การเปิดหน้าร้าน เทรนด์ยุคใหม่กับเหตุผลทำไมต้องเป็น ” ร้านมัลติแบรนด์ “

        ร้านมัลติแบรนด์สร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์แบรนด์ออนไลน์ที่ต้องการมีพื้นที่สำหรับวางขายสินค้าโดยที่ไม่ต้องเปิดหน้าร้านเป็นของตัวเอง

        โดยร้านมัลติแบรนด์จะให้บริการเช่าพื้นที่สำหรับวางขาย ช่วยขายสินค้าให้แบรนด์ออนไลน์ อีกทั้งยังมีการโปรโมทและช่วยในด้านการทำการตลาดให้แบรนด์สินค้าอีกด้วย

การเปิดร้านมัลติแบรนด์ดียังไง แล้วทำไมร้านค้าส่วนใหญ่จึงเลือกเปลี่ยนมารับฝากขายมากขึ้น

  1. เพิ่มมูลค่าให้พื้นที่

        จะดีกว่ามั้ยถ้าเปลี่ยนพื้นที่โล่ง ๆ ภายในร้านให้กลายเป็นพื้นที่สร้างมูลค่า เพิ่มรายได้เสริมจากพื้นที่ว่างภายในร้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด การรับฝากขายจากแบรนด์จะช่วยให้หน้าร้านมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการวางขายสินค้า

      2. ร้านค้าไม่ต้องจ่ายค่าสต๊อกสินค้า

        การฝากขายสินค้า คือการที่แบรนด์ส่งสินค้าให้ร้านช่วยทำการขายให้ผ่านช่องทางหน้าร้านและร้านไม่ต้องจ่ายค่าสต๊อกสินค้า หมดปัญหาสต๊อกจนทุนจม ร้านมีหน้าที่เพียงช่วยขายสินค้าให้กับแบรนด์ หากต้องการสินค้าเพิ่ม หน้าร้านก็เพียงติดต่อให้แบรนด์ส่งสินค้ามายังหน้าร้าน

      3. มีสินค้าที่หลากหลาย ไม่เอ้าท์ ไม่ตกเทรนด์

        แบรนด์ส่วนใหญ่มักมีการออกสินค้าใหม่ๆ เสมอ ดังนั้นเมื่อมีการฝากขายสินค้า แบรนด์ผู้ทำหน้าที่ฝากขายก็จะคอยอัพเดทสินค้าใหม่ๆ เพื่อวางขายที่หน้าร้าน สินค้าภายในร้านมัลติแบรนด์จึงมักจะเป็นสินค้าที่ต้องตามเทรนด์และอัพเดทอยู่เสมอนั่นเอง

      4. เพิ่มฐานลูกค้าใหม่ ๆ ให้ร้าน

        แบรนด์หลาย ๆ แบรนด์มักจะมีฐานลูกค้าเดิมอยู่ก่อนแล้ว เมื่อมีการฝากขายกับหน้าร้าน หน้าร้านก็จะพลอยได้ฐานลูกค้าเดิมจากแบรนด์อีกด้วย ไม่ต้องยิง Ads. เพิ่ม หน้าร้านก็จะได้ฐานลูกค้าใหม่ ๆ จากแบรนด์มาด้วยนะ ดีใช่มั้ยล่ะ

      5. แบรนด์ช่วยร้านโปรโมท

        เมื่อแบรนด์ฝากขายกับหน้าร้าน แบรนด์จะช่วยโปรโมทร้านให้กลุ่มลูกค้าได้รู้จักผ่านช่องทางออนไลน์ของแบรนด์ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อทั้งร้านและแบรนด์ เมื่อลูกค้าสนใจซื้อสินค้า ลูกค้าก็จะตามไปซื้อสินค้าจากหน้าร้านที่รับฝากขายนั่นเอง

        ดังนั้นแล้ว ร้านค้าในยุคปัจจุบันจึงเปลี่ยนมาเป็นร้านมัลติแบรนด์มากยิ่งขึ้น ทั้งเพิ่มความหลากหลายให้สินค้าภายในร้านและไม่ต้องเสียพื้นที่ในส่วนของหน้าร้านอย่างเสียเปล่า การฝากขายจึงเป็นเทรนด์ร้านค้ายุคใหม่ที่ถือได้ว่าปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยนี้มากที่สุด 

        เพราะในปัจจุบัน ร้านค้ามัลติแบรนด์ที่มีสินค้าหลากหลายประเภท มักเป็นจุดหมายปลายทางของขาช็อปในยุคนี้ ทั้งในแง่ความสะดวกและความหลากหลายของสินค้า จึงเป็นเหตุผลหลักที่ลูกค้าเลือกเข้าร้านมัลติแบรนด์มากยิ่งขึ้นนั่นเอง

        สำหรับใคร ที่กำลังตัดสินใจเปิดร้านมัลติแบรนด์อยู่และยังไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้างจึงจะเปิดร้านได้อย่างประสบความสำเร็จ ต้องทำยังไงถึงจะขายดี มีกำไร หรือแม้กระทั่งทำให้ลูกค้าติดใจและอยากกลับมาซื้อของที่ร้านอีก 

วันนี้น้องมัลตี้มี 5 สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนเปิด” ร้านมัลติแบรนด์ “มาแนะนำ อยากเปิด” ร้านมัลติแบรนด์ ” ควรพิจารณาอะไรบ้าง ไปเช็คกันเลย!

  1. วางคอนเซ็ปต์ร้านมัลติแบรนด์

        สิ่งแรกที่ผู้ประกอบการมือใหม่จะต้องพิจารณาคือคอนเซ็ปต์ของร้าน เพื่อจะหาและเลือกสินค้าจากแบรนด์ที่คอนเซ็ปต์ตรงกัน ตีตลาดกับกลุ่มลูกค้าที่ไม่กว้างจนเกินไป และสิ่งสำคัญในส่วนนี้คือคอนเนคชั่นกับแบรนด์ เพราะคอนเนคชั่นเปรียบเสมือนเครื่องมือที่ช่วยให้สิ่งที่เจ้าของธุรกิจต้องการเกิดขึ้นได้ง่ายในพริบตา

      2. พิจารณาค่าเช่า

        สิ่งต่อมาที่ผู้ประกอบจะต้องมีคือพื้นที่ในการเปิดหน้าร้านของตัวเองจึงต้องหาเช่าพื้นที่ (หากไม่มีพื้นที่เป็นของตัวเอง ) ต้องคำนวณทั้งค่าเช่า ยอดขาย และกำไรไว้ล่วงหน้าด้วยนะ จะได้วางแผนเปิดร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอย่าลืมที่จะสำรวจว่าทำเลที่จะเช่านั้นมีลูกค้าเราอยู่หรือเปล่า คำนวณให้ละเอียดทั้งราคาที่จะขายสินค้า ราคาค่าเช่า ค่าจ้างพนักงาน ค่าน้ำค่าไฟ รวมถึงค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ ลองเขียนออกมาเป็นข้อ ๆ แล้วคุณจะเห็นภาพชัดยิ่งขึ้น ไหนจะต้องเลือกทำเล หาที่ปล่อยเช่าอีก  และแม้จะได้ทำเลที่คิดว่าดีที่สุด ก็อาจสะดุดเพราะเศรษฐกิจแย่ ไม่มีลูกค้าหรือปัจจัยอื่น ๆ ที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน เพราะฉะนั้นคุณควรหลีกเลี่ยงการเซ็นสัญญาระยะยาว จะได้ไม่มีข้อผูกมัดมากเกินไปตั้งแต่เริ่มเปิดร้านขายของ

      3. คาดการณ์ปริมาณลูกค้า

        สำรวจปริมาณลูกค้า ให้คุณดูลูกค้าบริเวณรอบที่ทำเลในการเปิดร้านมัลติแบรนด์ของคุณก่อนว่าคอนเซ็ปต์ของสินค้าที่จะขายตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่นั้นหรือเปล่า ปริมาณลูกค้าที่จะเข้าร้านอยู่ที่เท่าไหร่ รายได้ของผู้คนบริเวณที่ทำเลเป็นอย่างไร หรือว่าต้องขายสินค้าแบบไหนร้านมัลติแบรนด์ของคุณถึงจะโดดเด่นและได้รับความสนใจจากลูกค้า

      4. รู้ขั้นตอนการทำงานอย่างถี่ถ้วน

        หากคิดจะเป็นเจ้าของกิจการแล้ว คุณต้องทำงานให้หนักขึ้นเพราะนี่คือร้านของคุณ คุณไม่สามารถมีรายได้ที่แน่นอนเหมือนมนุษย์เงินเดือน เพราะฉะนั้นคุณจะต้องคิดเสมอว่าการเปิดร้านมัลติแบรนด์ครั้งนี้คือธุรกิจที่คุณจะต้องดูแลและพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อให้ร้านของคุณไปรอด สิ่งที่สำคัญและควรทำในการเป็นนายตัวเองนั้น คุณไม่สามารถหยุดทุกอย่างได้ตามใจตัวเอง แต่ต้องลงมือทำทุกขั้นตอนด้วยตนเองและรู้ขั้นตอนการทำงานอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด เริ่มตั้งแต่วิธีการติดต่อและการหาซัพพลายเออร์ การสั่งของจากแบรนด์ต่างๆ  การทำบิล ศึกษาการตลาด การเช็คสต๊อกสินค้า หรือแม้กระทั่งการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ซึ่งในฐานะผู้ประกอบการแล้ว คุณจะต้องรู้วิธีการจัดการสิ่งเหล่านี้อย่างละเอียด ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ

      5. ขายสินค้าราคาเที่ยงธรรม

        ไม่ว่าใคร ๆ ก็ชอบของดีมีคุณภาพในราคาที่ต้องจับต้องได้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นอย่าขายสินค้าราคาที่สูงเกินราคาที่แบรนด์กำหนด และต้องไม่ตั้งราคาที่ต่ำจนเกินไป จะได้ไม่เข้าเนื้อตัวเองจนขาดทุน ลองศึกษาตลาด เปรียบเทียบราคาสินค้าและศึกษาคู่แข่งเพื่อทำโปรโมชั่นต่างๆ จากนั้นก็ตั้งราคาสินค้ากับโปรโมชั่นที่ใกล้เคียงเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้าของคุณราคาสมเหตุสมผลกับคุณภาพของแต่ละแบรนด์

        เมื่อรู้ข้อควรพิจารณาก่อนเปิดร้านมัลติแบรนด์แล้วสนใจอยากเปิดร้านมัลติแบรนด์ น้องมัลตี้มีแพลตฟอร์มดีๆมาแนะนำนั่นก็คือ MultiOne Platform ของเรานั่นเอง

        Multione Platform ตัวช่วยที่จะทำให้การจัดการร้านมัลติแบรนด์ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เรามีระบบ POS สุดปัง หมดปัญหาจัดการสต๊อกแสนยุ่งยาก อัพเดทข้อมูลแบบสินค้า real time ให้คุณจัดการร้านมัลติแบรนด์ง่ายๆ ครบจบในระบบเดียว

        หากสนใจร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ MultiOne คลิกที่นี่ เรามีแบรนด์สินค้า และ ร้านค้าพาร์ทเนอร์ ในระบบมากมายให้คุณเลือก พร้อมด้วยฟังก์ชั่นระบบหลังบ้านที่ครบครัน ช่วยให้การจัดโปรโมชั่นระหว่างร้านกับแบรนด์ เป็นเรื่องง่ายขึ้น.

และถ้าอยากติดตามการแนะนำของน้องมัลตี้ในเรื่องอื่น ๆ ล่ะก็ เข้าไปดูได้เลย ที่นี่  และ มารอติดตามกันว่า น้องมัลตี้จะเอาอะไรมาฝาก ในครั้งหน้าได้ ที่นี่

Learn More

ร้านมัลติแบรนด์ เทรนด์ยุคใหม่ที่หลายคนจับจ้อง เพราะอะไร ?? ทำไมร้านค้าถึงต้องเปลี่ยนมาเป็น ร้านมัลติแบรนด์ น้องมัลตี้จะพาทุกคนไปดูกัน!!!!

ปัจจุบันในเมื่อร้านค้า Online ได้รับความนิยมมาก จึงเป็นต้นกำเนิดของร้านที่จะนำ Brand สินค้าที่มีคุณภาพ ตรง Concept ของร้านมาลงฝากขาย โดยร้าน Multibrand จะได้รับรายได้จากการ “ให้เช่าพื้นที่ฝากขาย” หรือ “ค่า % คอมมิชชัน” ทางใดทางหนึ่ง หรือจะเก็บเป็นทั้งคู่จาก Brand เลยก็ได้

แบรนด์ออนไลน์ผลิตสินค้าออกมาก็ต้องการหาช่องทางที่จะขายสินค้าออกไป เพราะยุคนี้การขายออนไลน์ช่องทางเดียวก็คงไม่พออีกต่อไปหรือบางทีแบรนด์ออนไลน์อาจจะยังไม่พร้อมเปิดหน้าร้าน

พ่อค้าแม่ค้าหน้าร้านก็ต้องการที่จะหาของมาขาย ไม่ว่าจะเพราะที่ว่างในร้านเหลือ หรืออยากเพิ่มความหลากหลายของสินค้าภายในร้าน ความต้องการของทั้งคู่จึงมาพบเจอกัน เกิดเป็นโมเดลธุรกิจนี้ขึ้นมานั่นก็คือ !?

ร้านมัลติแบรนด์ (Multi-Brand Store) ร้านค้าที่รวบรวมสินค้าจากหลากหลายแบรนด์มาวางขายไว้ในร้านเดียว จุดเด่นหลักของร้านมัลติแบรนด์คือการมีสินค้าที่หลากหลายแต่ยังคงคอนเซ็ปต์ของร้านได้จากการเลือกแบรนด์ที่มีสินค้าสไตล์เดียวกันมาลงขาย เป็นแนวทางใหม่ที่ส่งผลดีและน่าสนใจในการขยายฐานลูกค้าหลักให้กับร้านค้า

ซึ่งร้านมัลติแบรนด์นั้นไม่ได้จำกัดแค่เพียง เสื้อผ้าแฟชั่นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีทั้งสินค้าประเภท lifestyle cosmetic Handmade DIY และ stationery ที่ได้รวบรวมสารพัดสินค้าหลากสไตล์ หลายราคาไว้ด้วยกัน

เทรนด์อีคอมเมิร์ซยุคใหม่ ยกร้าน Online สู่ On Shelves

[/vc_column_text]

คนยุคใหม่ 2022 ถึงแม้จะช้อปออนไลน์กระจายแล้ว แต่ก็ยังขาดไม่ได้ที่จะไปช้อปต่อที่หน้าร้านค้า เกิดเป็นเทรนด์ของร้านรูปแบบ Multi-Brand ร้านค้าที่รวบรวมแบรนด์สินค้าชื่อดังบนโลกออนไลน์ไว้ด้วยกันในร้านเดียว ตอบโจทย์พฤติกรรมการชอปปิ้งแบบไร้รอยต่อของคนไทย ทำให้ยุคนี้เกิดร้านแบบ Multi-Brand อยู่เกือบทุกย่านในกรุงเทพฯ และกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในต่างจังหวัด

พฤติกรรมการซื้อของออนไลน์ของคนไทยในปี 2022 

คนไทย 2 ใน 3 ซื้อของออนไลน์เป็นประจำมากเป็นอันดับ 1 ของโลก ข้อมูลนี้ทำให้เห็นว่าคนไทยนั้นมีพฤติกรรมการซื้อของออนไลน์รายสัปดาห์สูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก คือ 68.3% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในไทยที่มีอายุ 16-64 ปี ตามมาด้วยประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย เกาหลีใต้ เม็กซิโก และจีน น่าภูมิใจกับเรื่องนี้มากๆ ครับที่คนไทยซื้อของออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์สูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก

แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ มีผู้บริโภคจำนวนหนึ่งค้นหาสินค้าจากโซเชียลมีเดีย แต่ก็ยังชอบที่จะซื้อสินค้าหน้าร้าน เพราะมองว่า 

  •  ได้ลองจับสินค้าด้วยตนเองว่าชอบหรือไม่ 
  •  ได้ของทันทีไม่ต้องรอรับจากไปรษณีย์ 
  •  ได้เดินชอปปิ้งดูของไปเรื่อยๆ สนุกในการดูสินค้าไปเรื่อยๆ 
  •  ใช้บัตรเครดดิตได้ ผู้บริโภคบางคนรู้สึกไม่โอเคที่ต้องจ่ายเงินสดเป็นก้อน

ปกติร้านค้าออนไลน์จะมีพื้นที่ได้เจอลูกค้าบนโลกออฟไลน์ผ่านงานอีเวนต์ขายของต่างๆ ปัจจุบันมีหลากหลายอีเวนต์ในหลายๆ ทำเล แต่อีเวนต์ขายของก็ไม่มีบ่อยครั้ง ในตลาดชอปปิ้งเมืองไทยจึงเกิดร้านค้ารูปแบบ Multi-Brand ขึ้นมา เพื่อเป็นอีกทางเลือกที่เข้ามาตอบโจทย์ทำให้ลูกค้าได้ทดลองสินค้าด้วยตนเอง พลิกโอกาสร้านสินค้าหลากประเภทจาก Online สู่ On Shelves

ร้านมัลติแบรนด์ คือร้านค้าที่รวบรวมแบรนด์สินค้าจากออนไลน์ในอินสตาแกรม หรือเฟซบุ๊กหลากหลายแบรนด์ แต่ละแบรนด์ล้วนเป็นร้านดังๆ มีแฟนคลับ หรือมีผู้ติดตามจำนวนมากหลายหมื่นหลายแสน Multi-Brand Stores จึงกลายเป็นศูนย์รวมสินค้าแฟชั่นหรือเป็นห้างขนาดเล็กที่มีครบทุกอย่างตั้งแต่เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ จึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือของการค้าขายในยุคนี้ ช่วยขยายโอกาสในการขายของให้แก่ร้านค้าออนไลน์ นำสินค้าสู่ช่องทางออฟไลน์ได้

จุดเริ่มต้นของ ร้านมัลติแบรนด์

ที่มาของร้านค้าในรูปแบบ Multi-Brand ร้านแรกๆ ก็คือ Collette เกิดขึ้นเมื่อปี 1997 ที่ประเทศฝรั่งเศส ส่วนทางฝั่งเอเชียมีร้าน ALAND ที่ประเทศเกาหลี เกิดเมื่อปี 2005

สำหรับในประเทศไทย ร้านแรกๆ คือ Wonder room เกิดเมื่อปี 2013 หลังจากนั้นก็มีหลายๆ ร้านตามมา เช่น ร้าน HOF จนเมื่อในปี 2015 ร้าน Multi-Brand Stores เริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น เช่น ร้าน SOS และร้าน FAB LAB ที่ตอนนี้เป็นพาทเนอร์กับแพลตฟอร์มของเรา MultiOne

        ส่วนในปัจจุบัน มีการเพิ่มขึ้นของจำนวน ร้านมัลติแบรนด์ เป็นจำนวนมาก และมีมากกว่า 30 ร้านค้า ที่เป็นพาทเนอร์ในการใช้งานและเชื่อว่าระบบ MultiOne นั้นตอบโจทย์กว่าระบบไหนๆ เช่น ร้าน with a day ตั้งอยู่ที่ ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ชั้น 3 มีแบรนด์ขายในร้านมากกว่า 200 แบรนด์, ร้าน FAB LAB ที่มีร้านกว่า 6 สาขา และมีแบรนด์มากกว่า 200 แบรนด์, และร้าน Case space, Here for something, mini mooddd, Note by you, Last house on the right และร้านค้าอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งบางร้านค้า ยอดขายต่อเดือนนั้นสูงถึงหลักล้านบาทเลยก็ยังมี

ส่วนใหญ่แล้ว ร้านมัลติแบรนด์ จะเลือกโลเคชั่นที่ตั้งที่อยู่ใจกลางเมือง หรือที่มีขาชอปอยู่เยอะ เช่น ห้างสรรพสินค้าดังๆ หรือที่มีวัยรุ่นอยู่เยอะ และมีการขยายไปตามห้างสรรพสินค้า หรือเช่าที่ที่อยู่รอบนอก เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้า หรือเจาะกลุ่มลูกค้าให้ตรงตามประเภทสินค้าที่วางขายในร้านค้า

กลุ่มลูกค้าส่วนมากที่มักมาช้อปปิ้งร้านมัลติแบรนด์ ช่วงอายุจะอยู่ที่ 15-30 ปี ซึ่งมีค่าเฉลี่ยในการซื้อสินค้าต่อครั้งที่ตั้งแต่ 1,100-1,700 บาท ปัจจัยหลักในการเลือกซื้อสินค้าของลูกค้าส่วนมาก เนี่ยงมากจากชอบแบรนด์สินค้าที่อยู่ในร้านที่ซึ่งมีชื่อเสียงในโลกออนไลน์มาก่อนอยู่แล้ว นอกจากนั้นสินค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อมาจากแบรนด์ดังใน ร้านมัลติแบรนด์ ราคาขายต่อจะมีมูลค่ามากกว่าสินค้าอัลแบรนด์อยู่มาก

ด้านเจ้าของแบรนด์สินค้า พบว่าเจ้าของแบรนด์ส่วนมากมองว่าการเปิดหน้าร้านของตัวเองมีอุปสรรคหลายด้าน 

  •  ค่าใช้จ่ายสูง 
  •  ต้องมีสินค้าหลากหลายแบบ และจำนวนมาก 
  •  บริหารจัดการยุ่งยาก 
  •  ต้องหาพนักงานประจำร้าน 

จึงเป็นเหตุที่ให้แบรนด์ออนไลน์สนใจเข้าไปขายสินค้าในร้านมัลติแบรนด์ เพิ่มขึ้น เพราะร้านค้าตั้งอยู่ในทำเลทอง มีการจัดการสต๊อกสินค้าที่เป็นระบบ มีศักยภาพในการช่วยประชาสัมพันธ์ให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก และเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น 

เมื่อเจาะพฤติกรรมเชิงลึกของลูกค้าแต่ละกลุ่ม เริ่มต้นที่อายุ 16-20 ปี มองว่าแบรนด์ที่อยู่ในร้านมัลติแบรนด์ มีราคาค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่เป็นสินค้ามีสไตล์หรูหรา ซึ่งตนเองมีรายได้ที่ไม่สูงอยู่แล้ว เพราะยังหารายได้เองไม่ได้ สินค้าจึงอาจจะไม่เหมาะกับการใส่ในชีวิตประจำวัน จะเลือกซื้อสินค้าที่ร้านมัลติแบรนด์ ก็ต่อเมื่อใส่ไปงานพิเศษต่างๆ

กลุ่มลูกค้าเป็นวัยที่เริ่มมีรายได้เป็นของตัวเองแล้ว เป็นกลุ่มที่เพิ่งเริ่มทำงาน มองว่าสินค้าในร้านมีราคาค่อนข้างสูง แต่เมื่อเทียบกับคุณภาพก็ถือว่าเหมาะสม ยอมรับได้กับราคา และจะเลือกซื้อสินค้าจากร้านมัลติแบรนด์ ก็ต่อเมื่อเวลาไปออกงานต่างๆ 

กลุ่มลูกค้าวัยทำงาน มองว่าคุณภาพของสินค้าในร้านมัลติแบรนด์ เป็นสินค้ามีคุณภาพดี ดีกว่าสินค้าจากร้านค้า Fast Fashion อย่าง Zara และ H&M เสียอีก คุ้มค่ากับราคา อาจจะเลือกใส่สินค้าจาก Fast Fashion ในวันทำงาน และเลือกใส่สินค้าจากร้านมัลติแบรนด์ ในวันหยุด หรือวันท่องเที่ยว วันพิเศษต่างๆ

พฤติกรรมการช้อปปิ้งของเหล่านักช้อปที่มีความเหมือนกัน และน่าสนใจ ก็คือ มีการวางแผนก่อนที่จะเดินเข้าร้านและตัดสินใจซื้ออยู่แล้ว และมีการติดตามแบรนด์จากโลกออนไลน์ก่อนหน้านี้ เมื่อแบรนด์มีการอัปเดตสินค้าใหม่ๆ ก็จะไปทดลองที่ร้าน และไปตามซื้อที่ร้าน แต่บางครั้งก็ได้ของติดไม้ติดมือมากกว่าที่วางแผนไว้ และทุกครั้งที่ซื้อแบรนด์ใหม่ๆ นอกเหนือจากที่วางแผนไว้ ก็จะติดตามแบรนด์นั้นๆ ต่อในโซเชียลมีเดีย และถ้าพอใจในสินค้าก็จะซื้อต่อที่ออนไลน์

ค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าที่ร้านมัลติแบรนด์ นั้นพบว่ามีการใช้จ่ายมากกว่าซื้อออนไลน์ถึง 30%

พฤติกรรมการช้อปปิ้งที่ร้าน multi-brand stores

        รูปแบบร้านมัลติแบรนด์ นับว่าตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคนี้ค่อนข้างครบ ยิ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบหาข้อมูล หรือติดตามสินค้าจากช่องทางโซเชียลมีเดียก่อน แล้วค่อยมาเลือกสินค้าที่หน้าร้านจริง ได้ผลประโยชน์ทั้งผู้ประกอบการ และแบรนด์สินค้าเอง ทางแบรนด์ได้ช่องทางการขายเพิ่ม ได้ห้องลองสินค้า ได้ช่องทางที่พูดคุยกับลูกค้าเพิ่ม ส่วนทางผู้ประกอบการร้านได้รวบรวมร้านเด่นๆ ดังๆ มีแฟนคลับอยู่แล้ว ไม่ต้องเสียเวลาในการโปรโมตร้านมากมาย เนื่องจากร้านค้าหลายๆ ร้านมีพลังที่จะโปรโมตกับทางแฟนๆ อยู่แล้ว

จุดเด่นของร้านค้านั้น กลุ่มลูกค้าผู้บริโภคทั่วไปที่เข้ามาที่ร้านจะได้ทุกอย่างครบตั้งแต่หัวจรดเท้า มีตั้งแต่เสื้อผ้า เดรส เครื่องสำอาง หมวก เครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้า เรียกว่าลูกค้ามาร้านก็เพื่อมาหาช้อปปิ้งเสื้อผ้าที่เดียวแล้วได้ครบทุกอย่าง

ส่วนทางด้านของแบรนด์สินค้า ทางร้านมีเป้าหมายว่าต้องการเติบโตไปพร้อมๆกับแบรนด์ นอกจากเป็นหน้าร้านให้แล้ว ยังช่วยทำการตลาดออนไลน์ให้ด้วย ช่วยโปรโมท มีการทำสตูดิโอถ่ายรูปสินค้าโปรโมทให้แบรนด์ฟรี ทางร้านจะดูแลเรื่องการขายให้หมดตั้งแต่ต้นจนจบ

ความยากที่สุดของการทำร้านเป็นเรื่องของคน บุคลากร ต้องบริการจัดการคนให้ดี จะเจอปัญหาหนักก็คือพนักงานขายมักจะหายตัวไปเฉยๆ ไม่บอกไม่กล่าว ทำให้หาคนไม่ทัน และยุคนี้พบว่ามีเด็กๆ จำนวนไม่น้อยที่ไม่อยากทำงานประจำ พอทำได้สักพักก็ไม่อยากทำ ความท้าทายจึงต้องบริการจัดการให้ดี ใส่ใจความสุขของพนักงาน ปัจจุบันมีการบริหารที่ดีขึ้น มีการหาพนักงานพาร์ทไทม์มาเติมเพื่อแก้ปัญหาคนทำงานหายได้

คำแนะนำสำหรับคนที่ต้องการจะนำแบรนด์เข้าร้านมัลติแบรนด์ สำคัญคือต้องสร้างแบรนด์ของตนเองให้ดีก่อน หลายคนคิดว่าการฝากขายร้านมัลติแบรนด์ คือนำมาวางแล้วจะขายได้ ขายดี แต่จริงๆ แล้วเป็นแค่อีกหนึ่งช่องทางเท่านั้น ไม่มีใครให้ความสนใจสินค้าที่ไม่ดีไม่ว่าจะนำไปวางขายที่ไหน แบรนด์ต้องสร้างตัวตน ทำการตลาด และพัฒนาอยู่สม่ำเสมอทั้งออนไลน์ และหน้าร้าน เรื่องทำเลที่ตั้งก็สำคัญ ต้องเลือกสาขาที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ด้วย

ข้อสงสัย 5 ข้อ ว่าการเปิดร้านมัลติแบรนด์ ดียังไง แล้วทำไมร้านค้าส่วนใหญ่จึงเลือกเปลี่ยนมารับฝากขายมากขึ้น 

https://bit.ly/3oqlU12

บทความอ้างอิง https://www.everydaymarketing.co/trend-insight/insight-ecommerce-thai-2022-digital-stat-we-are-social/ 

https://positioningmag.com/1126664

[/vc_column][/vc_row]
Learn More

วิธีการ “มัดใจลูกค้า” บทความใหม่จากน้องมัลตี้ ที่จะนำมาเสนอทุกคนในสัปดาห์นี้!!!! จะมี ” วิธีการ ” แบบไหนบ้างที่ทำให้ลูกค้าขาจร มาเป็นลูกค้าประจำของคุณได้

การทำธุรกิจในสมัยนี้คงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าลูกค้าคือ คนสำคัญ ถ้าเราไม่มีลูกค้า ไม่มีงาน ก็จะทำให้ไม่มีเงิน ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า และการสร้างความพึงพอใจ เป็นสิ่งที่คนทำธุรกิจควรให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก ๆ เพราะการจะหาลูกค้าใหม่นั้น ยากกว่าการรักษาลูกค้าเก่าอยู่มาก ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสำหรับทุกธุรกิจนั้น การให้ความสำคัญในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจและกลุ่มลูกค้าเพื่อสร้างให้เกิดลูกค้าประจำหรือดีลระหว่างบริษัทระยะยาวนั้นเป็นสิ่งที่ทุกบริษัทควรให้ความสำคัญและพัฒนาแผนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าปัจจุบัน และพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าที่จะเปลี่ยนไปในอนาคต ซึ่งตัวบริษัทเองก็ต้องควรศึกษาพฤติกรรมการเปลี่ยนแปลงเพื่อการให้บริการนั้นเป็นไรอย่างราบรื่น

การบริการลูกค้าจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง และเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เราสามารถรักษาฐานลูกค้าไว้ได้ ด้วยการคำนึงถึงลูกค้าเป็นอันดับแรก จะทำให้ธุรกิจของคุณนั้น สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีในหลายๆ ด้าน ดังนั้นสิ่งที่คุณควรทำหลังจากนี้ คือ ต้องคิดวางแผน และเตรียมการรอไว้ล่วงหน้า คุณต้องให้ความสำคัญลูกค้าในทุกๆ  ด้าน รวมถึงการทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ดีๆ  เพื่อเพิ่มโอกาส มัดใจจากลูกค้าขาจรมาเป็นลูกค้าประจำนั่นเอง สำหรับใครที่ยังสงสัยว่าทำยังไง ให้ลูกค้ากลับมาหาเราอีกครั้ง

ลูกค้าประจำ Loyalty Customer คือ อะไร ?

          Loyalty Customer คือ ความจงรักภักดี หรือ ความเชื่อมั่น ที่เหล่าลูกค้ามีต่อร้านค้า แบรนด์สินค้า หรือบริการต่างๆ โดยลูกค้าจะรู้สึกเชื่อมั่นและไว้วางใจในสินค้าหรือบริการนั้น ๆ ซึ่งพวกเขาจะรู้สึกว่าสามารถตอบโจทย์ในสิ่งที่ต้องการ และสามารถทำให้เกิดความพึงพอใจได้ ส่งผลทำให้เกิดความต้องการซื้อสินค้าซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง

การสร้างความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ จึงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้าง Loyalty Customer เพื่อสร้างความสัมพันธ์ให้เกิดขึ้น โดยจะต้องอาศัยความจริงใจ ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์ และการรักษาคำมั่นสัญญาที่มีต่อลูกค้า หากทำได้ก็จะสามารถมัดใจลูกค้าได้ดี

วันนี้ น้องมัลตี้ มี 5 ทริคง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถเอาไปปรับใช้ได้ มาฝาก จะมาวิธีไหน น่าสนใจบ้างไปดูกัน!!

1. วิธีการ “บริการ” แก่ลูกค้าอย่างเต็มใจ

วิธีการ "บริการ" แก่ลูกค้าอย่างเต็มใจ-การบริการที่น่าประทับใจย่อมทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการของคุณอีกครั้ง

การบริการที่น่าประทับใจย่อมทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการของคุณอีกครั้ง ดังนั้นคุณต้องสร้างการจดจำที่ดี และให้การบริการที่ประทับใจแก่ลูกค้า ด้วยการใช้ลูกค้าด้วยแนวคิดที่ว่า ลูกค้าต้องมาก่อนเสมอ และทำการส่งทอดสินค้า หรือบริการที่ยอดเยี่ยมได้ ซึ่งแนวคิดแบบนี้เป็นแนวคิดที่ง่าย ในการสร้างมาตรฐานและการพัฒนาบริการในด้านอื่น ๆ ที่ส่งมอบไปยังลูกค้าต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย การบริการที่ยอดเยี่ยมแก่ลูกค้า จะต้องช่วยลูกค้าแก้ปัญหาได้ ตอบโจทย์ สะดวก ไม่เสียเวลา และทำให้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจกับธุรกิจคุณ เช่น การตอบสนองต่อลูกค้าอย่างรวดเร็ว เป็นสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังในการบริการ หากระยะเวลาในการสื่อสารใช้เวลานาน หรือผิดพลาดบ่อย ทำให้สื่อสารกันหลายรอบ ลูกค้าอาจเปลี่ยนใจไปซื้อสินค้าจากคู่แข่งของเราก็เป็นได้

ร้านค้าส่วนมาในปัจจุบันจึงให้ความสำคัญกับการเพิ่มความสะดวกสะบายของการใช้บริการของลูกค้าเป็นอย่างมาก ซึ่งในหลายๆธุรกิจก็จะมีการเพิ่มความสะดวกแก่การใช้บริการของกลุ่มลูกค้าตนเองต่างกันไปขึ้นอยู่กับตัวสินค้าและบริการ ระดับราคา และกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการ ซึ่งถ้าลองเจาะลึกเข้าไปในการให้บริการแล้วก็จะมีความหลากหลายในการพัฒนาให้ได้มาตรฐาน เช่น การลดระยะเวลาการใช้งานบริการ การประสานงาน การสื่อสาร การจัดการลดความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และการให้บริการที่สร้างจุดเด่นให้กับบริษัท ทำให้กลุ่มลูกค้าประทับใจและเกิดการจดจำ

2. ติดต่อสื่อสารกับลูกค้าแต่ละรายด้วย วิธีการ “ที่เหมาะสม”

ติดต่อสื่อสารกับลูกค้าแต่ละรายด้วย วิธีการ "ที่เหมาะสม"

ลูกค้าแต่ละคนนั้นมีความถนัดในการสื่อสารที่แตกต่างกัน ในแต่ละช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์, อีเมล, Line, Facebook หรือช่องทางอื่น ๆ ลูกค้าบางคนสะดวกที่จะใช้โทรศัพท์คุย ขณะที่บางคนชอบที่จะตอบข้อความกันผ่านอีเมล หรือคนในสมัยนี้ชอบที่จะสื่อสารผ่านการใช้ Social media เนื่องจากมีความสะดวกรวดเร็ว ซึ่งควรพิจารณาเป็นรายบุคคล และเลือกใช้วิธีที่ลูกค้ารายนั้น สะดวกสบายมากที่สุด จะทำให้ลูกค้าสบายใจที่จะ ติดต่อกับคุณเมื่อเขาต้องการอีกทั้งยังสร้างความประทับใจให้แก่พวกเขาอีกด้วย

นอกจากช่องการการสื่อสารแล้ว เนื้อหาในการสื่อสารก็สำคัญเช่นกัน ซึ่งการจะแบ่งเป็นสื่อในการโปรโมทให้คนใหม่ๆรู้จัก สื่อสำหรับลูกค้าที่สนใจแต่ยังไม่ใช้บริการ และสื่อสำหรับลูกค้าที่เคยใช้บริการแล้ว ว่าเราต้องทำสื่อแบบไหนหรือกราฟฟิกแนวไหนที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในแต่ละแบบ ซึ่งแต่ละช่องทางก็จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของลูกค้าที่ใช้แพลตฟอร์มในการสื่อสารนั้นๆ ว่ามักจะชอบเสพสื่อแนวไหนหรือมีจำนวนการเข้าถึงสื่อที่ผลิตไปมากแค่ไหน เพื่อที่จะวางแผนกำหนดปริมาณความถี่ในการผลิตสื่อได้อย่างเหมาะสม

3. แบรนด์มีจุดขายของตัวเองทำให้ลูกค้าจำได้

แบรนด์มีจุดขายของตัวเองทำให้ลูกค้าจำได้

การสร้างจุดขายที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์จะช่วยดึงดูดลูกค้าบนโลกออนไลน์ได้เป็นอย่างดี เช่น Key Message ประโยคหรือคำที่สั้น อ่านแล้วสะดุดตาเป็นที่น่าจดจำ ธีมของธุรกิจคุณ ได้แก่ โลโก้ โทนสี และคอนเซ็ปส์ ที่เลื่อนผ่านเพียงไม่กี่ครั้งก็ติดตา เป็นต้น สิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมาเหล่านี้จำเป็นต้องแสดงตัวตนของธุรกิจคุณให้ชัดเจน เข้าถึงง่าย และไม่ซับซ้อนจนเกินไป ลูกค้าเห็นแล้วต้องจดจำว่าคุณเป็นใคร ทำอะไร หรือทำธุรกิจอะไรอยู่  อีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่น่าจดจำคือ การสร้างความแตกต่าง ทำให้ธุรกิจของคุณต่างจากคู่แข่ง ซึ่งจะทำให้คุณมีกลุ่มลูกค้าประจำมากขึ้น

การสร้างความแตกต่างหรือ Uniqueness ให้กับร้านค้าหรือแบรนด์ของตนเองนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งก็ไม่ได้จำกัดแค่การบริการที่แตกต่างทั่วไปอย่างเดียว เพราะการสร้างความแตกต่างหรือจุดขายของแต่ละบริษัทนั้นแตกต่างกัน ซึ่งรวมไปถึง การออกแบบแพ็คเก็จสินค้า การยกระดับการให้บริการแยกตามประเภทลูกค้า การติดต่อสื่อสารตามช่องทางความสะดวกของลูกค้า รวมไปถึงการให้บริการพิเศษแก่ลูกค้าประจำหรือลูกค้าที่มีแนวโน้มและความสามารถในการซื้อมาก ซึ่งสามารถทำให้ลูกค้าประจำที่ใช้บริการกับเรานานรู้สึกประทับใจในบริการที่พิเศษที่ตรงกับการต้องการ

4. การใส่ใจและรับฟังลูกค้าอยู่เสมอ

การใส่ใจและรับฟังลูกค้าอยู่เสมอ

ถ้าคุณอยากจะมีลูกค้าประจำล่ะก็ คุณต้องทำอย่างไร? แน่นอนล่ะเหมือนเวลามีแฟนคุณก็ต้องรับฟังและใส่ใจเขาอยู่เสมอเหมือนกัน การจะมัดใจลูกค้าขาจรมาเป็นลูกค้าประจำไม่ใช่เรื่องง่าย คุณจะต้องใส่ใจและรับฟัง ทั้งคำชมและคำติเพื่อให้ก่อกับแฟนคนนี้มากพอ เช่นเดียวกับที่คุณต้องใส่ใจในทุกการเดินทางของลูกค้า ทำให้เรารู้จักและเข้าใจ เขามากพอที่จะสามารถช่วยเหลือซัพพอร์ท และให้คำแนะนำที่เหมาะสมจริง ๆ อีกทั้งการรับฟังความคิดเห็น เพื่อนำไปพัฒนาต่อปรับปรุงธุรกิจของคุณให้ดียิ่งขึ้น เป็นการสร้างความไว้วางใจให้แก่ลูกค้า ในการที่เรายอมรับฟัง และทำให้ลูกค้ารู้สึกไว้วางใจเรา อาจทำให้ลูกค้าเปลี่ยนจากขาจรมาเป็นขาประจำได้มากขึ้น

การรับความคิดเห็นจากลูกค้าเพื่อการปรับปรุงการบริการให้ดีขึ้น และตรงจุด จึงเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอันดับแรกๆ เพราะเราไม่ต้องไปศึกหา วิเคราะห์ หรือคิดไปเอง เพียงแค่ออกแบบการรับความคิดจากรู้ค้าให้ถูกวิธี และน่าดึงดูดพอให้ลูกค้าอยากให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูล ซึ่งอาจจะมีการให้ของแถม voucher หรือบริการพิเศษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่ตอบคอมเมนต์ รีวิวร้านค้าตามช่องทางต่างๆ หรือการตอบฟอร์มให้ความคิดเห็นเพิ่มเติม ว่าทางร้านค้าหรือธุรกิจควรปรับปรุงในส่วนไหนมากที่สุด และส่วนไหนรองลงมา

5. การสร้างความประทับใจแก่ลูกค้า

การสร้างความประทับใจแก่ลูกค้า

การสร้างความประทับใจนั้นเป็นการแสดงถึงจุดยืน และจุดเด่นของแบรนด์ เพื่อสร้างการจดจำแก่ลูกค้า ถึงความจริงใจ แตกต่าง โดยที่เราไม่จำเป็นต้องพูดออกมาว่าเราใส่ใจ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการกระทำที่ลูกค้าสัมผัสได้ถึงความตั้งใจที่จะช่วยเหลือเขา ให้ลูกค้าเห็นถึงความจริงใจของคุณที่เข้ามาช่วยเขาแก้ไขปัญหา การตลาดไม่ได้เน้นผลถึงการขายอย่างเดียว แต่เน้นในการสร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นในใจลูกค้าและนี่คือการแสดงถึงความเป็นมืออาชีพของคุณ

นอกจากนี้ยังมีอีกหลากหลายวิธีทีในการสร้างความประทับใจให้กับการบริการทั้งเพื่อความสะดวกแก่การใช้บริการและการสร้างความแตกต่างที่น่าจดจำเช่น

  • การปรับลดขั้นตอนที่ยุ่งยากให้ง่ายขึ้น จัดระบบการทำงานภายในองค์กรให้มีความคล่องตัว เพื่อสร้างการบริการที่สะดวกรวดเร็ว
  • จัดทำลำดับขั้นตอนการให้บริการให้ง่ายและไม่ซับซ้อนเพื่อเป็นแนวทางให้ลูกค้าสามารถทำตามได้อย่างถูกต้องและไม่สับสน
  • การสอบถามความต้องการของลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางปรับปรุงการบริการในครั้งต่อไป
  • การฝึกอบรมพนักงานให้มีพื้นฐานความรู้ของงานบริการและการให้บริการให้เข้ากับสไตล์ร้านค้าเพื่อให้การบริการตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้าที่ให้บริการ

และนี่ก็เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ น้องมัลตี้นำมาฝากเพื่อน ๆ ลองอ่านและทำตามกันดู ไม่ว่าคุณจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กที่มีเงินทุนไม่มาก แต่คุณสามารถสร้างสิ่งเหล่านี้เพื่อมัดใจให้ลูกค้ากลับมาหาคุณได้เช่นกัน ลองมองหาว่าเรามีอะไรที่ขาดหายไปอยู่หรือเปล่า น้องมัลตี้เชื่อว่าหลังจากนี้ เราจะมีลูกค้าขาประจำเพิ่มมากขึ้นแน่นอน!!

หากสนใจร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ MultiOne คลิกที่นี่ เรามีแบรนด์สินค้า และ ร้านค้าพาร์ทเนอร์ ในระบบมากมายให้คุณเลือก พร้อมด้วยฟังก์ชั่นระบบหลังบ้านที่ครบครัน ช่วยให้การจัดโปรโมชั่นระหว่างร้านกับแบรนด์ เป็นเรื่องง่ายขึ้น.

และถ้าอยากติดตามการแนะนำของน้องมัลตี้ในเรื่องอื่น ๆ ล่ะก็ เข้าไปดูได้เลย ที่นี่  และ มารอติดตามกันว่า น้องมัลตี้จะเอาอะไรมาฝาก ในครั้งหน้าได้ ที่นี่

 

 

 

Learn More

การจัดโปรชั่น ลดราคาแรง ๆ หรือลดราคาเป็นประจำ แม้จะเป็นวิธีที่ช่วยกระตุ้นความรู้สึกของผู้บริโภค ให้อยากซื้อสินค้ามากยิ่งขึ้น และยังเป็นช่องทางที่ทำให้ลูกค้าหน้าใหม่อยากมาทดลอง อยากซื้อสินค้าของคุณ แต่ถ้ามองในอีกแง่มุมหนึ่ง การจัดโปรโมชั่น ลดราคาแรง ๆ หรือลดราคาเป็นประจำ เพื่อกระตุ้นยอดขายสินค้านั้น  หากมีการจัดการที่ดีไม่พอ อาจทำให้รายได้ที่ร้านค้าจะได้รับสวนทางได้ จากที่ต้องได้กำไร อาจทำให้ขาดทุนเพิ่ม.

ทำไมจึงไม่ควรจัดโปรโมชั่นลดราคาแรง ๆ บ่อยจนเกินไป ?

การจัดโปรโมชั่น “แบบลดราคา” เป็นวิธีการที่แพร่หลายอย่างมาก และหลายคนคิดว่าได้ผลลัพธ์ดี ในแง่ของปริมาณการขายอาจจะใช่ แต่ถ้าเป็นในแง่ของรายได้ ที่ร้านค้าจะได้รับบางทีกลับสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง ยิ่งจัดโปรโมชั่นลดราคามากเท่าไหร่ กำไรที่เราจะได้รับก็ลดลงไปด้วยเช่นกัน แถมยังมีโอกาสทำให้สินค้าแบรนด์ของเรา คุณภาพดูลดลงเนื่องจากการลดราคาในปริมาณที่ถี่จนเกินไป อาจทำให้ลูกค้าคิดว่าสินค้าที่ลดราคานั้นกำลังจะหมดอายุ หรือเสื่อมคุณภาพได้ และถ้าหากคุณจัดโปรโฒชั่นเดิม ๆ ซ้ำ ๆ อย่างโปรโมชั่น Mid year หรือ  New year ด้วยสินค้าเดิม โปรเดิม ก็จะมีกลุ่มลูกค้าที่รอซื้อสินค้าช่วง “ลดราคา” และซื้อในปริมาณที่มาก ทำให้ไม่ต้องกลับมาซื้อสินค้านี้อีกครั้ง แค่รอให้ลดราคาอีกครั้งเท่านั้นเอง ซึ่งนั่นอาจทำให้เหมือนกับว่า คุณจัดทำโปรโมชั่นเพื่อดึงดูด ลูกค้าที่รอการซื้อของไปทีละเยอะ ๆ จนอาจทำให้สินค้าหมด และมีสินค้าไม่ถึงมือลูกค้าประจำแทน.

นอกจากนี้ การลดราคา อาจทำให้กระทบถึงความเชื่อใจของลูกค้า เพราะ ผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็ต้อง คิดว่าสินค้าที่เอามาลดราคา จะเป็นสินค้าที่ไม่ค่อยดี หรืออาจเป็นของค้างสต็อค การลดราคาในส่วนนี้อาจกระทบ ถึงร้านที่มีลูกค้าเพิ่มขึ้นจากการลดราคา แต่ก็อาจทำให้สูญเสียความไว้ใจได้ในระดับหนึ่งด้วย.

 

วันนี้ Multione จะมาแชร์ 5 กลยุทธ์จัดโปรโมชั่นเรียกลูกค้า “แบบไม่ลดราคา” จะมีอะไรบ้างไปดูกัน

1. การจัดโปรโมชั่น โดยใช้จิตวิทยาเป็นตัวช่วยในการกำหนดราคา

 

การตั้งราคาที่ดึงดูดลูกค้าให้สนใจสินค้า ไม่จำเป็นต้องลดราคาเสมอไป การนำหลักจิตวิทยามาใช้ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี โดยไม่กระทบกับกำไรของคุณ ตามหลักทฤษฏีจิตวิทยากล่าวไว้ว่า “สมองของคนส่วนใหญ่ เวลามองป้ายต่าง ๆ จะอ่านจากซ้ายไปขวา” ดังนั้น การกำหนดราคาสินค้าต่าง ๆ ในร้านค้าของคุณจึงควรใช้ ป้ายราคา ในการกำหนดตัวเลขเพื่อใช้จิตวิทยากับลูกค้าแทนการจัดโปรโมชั่น

การตั้งราคาแบบนี้เรียกว่า charming price หรือการลดราคาหลักสุดท้ายลงมาหนึ่งหน่วยเพื่อให้ราคาลงท้ายด้วยเลข 9 นั่นเป็นเพราะว่าโดยปกติแล้วสมองของเรารับรู้ราคาจากซ้ายไปขวา เช่น 100 มากกว่า 99 ทำให้เกิดการรับรู้ว่าราคาถูกลงกว่าเดิม (แม้ความจริงแล้วลดราคาไปเพียง 1 บาท) หรืออาจกล่าวได้ว่าการตั้งราคา 99 ทำให้จากราคา 100-1 บาท กลายเป็นราคาไม่ถึงหนึ่งร้อยบาทได้ จะเห็นได้ว่าการตั้งราคาแบบ charming price มีโอกาสทำให้คนซื้อเพิ่มขึ้นได้มากสุดถึงสองเท่า นั่นเป็นเพราะการรับรู้ราคาจากซ้ายไปขวาที่ว่ามานี่เอง ที่ทำให้ราคาที่ลดลงเพียง 1 หน่วยหรือ 1 บาทนั้น มีผลทำให้รับรู้ราคาถูกกว่าที่ควรจะเป็น.

นอกจากนี้ยังมีลูกค้าบางกลุ่มเชื่อว่าการตั้งราคาลงท้ายด้วยเลข 9 โดยการใช้เทคนิค charming price นี้ เพราะคิดว่าผู้ผลิตน่าจะพยายามตั้งราคาให้ถูกที่สุดเท่าที่ทำได้แล้วอีกด้วย

2. การจัดโปรโมชั่น สะสมแต้ม เพื่อแลกรับรางวัล

สถานการณ์ปัจจุบันนี้ ทำให้มีการเพิ่มจำนวนของธุรกิจเปิดใหม่ ซึ่งแน่นอนว่า มาพร้อมกับการแข่งขันอันดุเดือด ดังนั้น การทำให้ธุรกิจโดดเด่น ด้วยการทำโปรโมชั่น ท่ามกลางคู่แข่งขันที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ วิธีที่ง่ายที่สุดคือ การให้ส่วนลดในการซื้อสินค้าทันที แต่ลูกค้าอาจจะซื้อเพียงแค่หนึ่งครั้ง หากครั้งต่อไปที่เราไม่ได้ตั้งราคาสินค้าที่มีส่วนลด ลูกค้าอาจจะจดจำแบรนด์ของเราไม่ได้ การสะสมแต้ม เพื่อแลกรับรางวัลนั้น เป็นอีกหนึ่งวิธี ที่ช่วยจูงใจลูกค้า และช่วยสร้างการจดจำให้กับร้านหรือแบรนด์ของคุณอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าจะไม่ใช่วิธีใหม่ ๆ เพราะเรามักจะเห็นตามร้านเครื่องดื่มส่วนใหญ่ ทำการแจกบัตรสะสม ครบ 10 แก้วฟรี 1 แก้ว แต่ความจริงแล้ว วิธีการนี้ สามารถนำไปใช้ได้กับร้านค้าอื่น ๆ ด้วย เพียงลูกค้าซื้อสินค้าของทางร้าน ก็จะได้รับบัตรสะสมแต้ม และเมื่อสะสมแต้มครบตามที่ร้านกำหนด ลูกค้าสามารถแลกเป็นส่วนลด หรือรับรางวัลพิเศษได้ ซึ่งการได้รับแต้มของแต่ละร้านนั้น จะแตกต่างกันไป.

3. การจัดโปรโมชั่น “ที่ไม่มีส่วนลด” แต่เพิ่ม “บริการพิเศษ” แก่ลูกค้า

 

บางทีการให้บริการแบบพิเศษ หรือการได้รับสิ่งที่มากกว่าราคาสินค้าที่จ่ายไป อาจจะทำให้ลูกค้าพึงพอใจ และตอบโจทย์กว่าการจัดโปรโมชั่นลดราคา เพราะมันอาจจะเพิ่มมูลค่าให้สินค้าในร้านค้าของคุณได้ ยกตัวอย่าง บริการจัดส่งฟรีถึงบ้าน ยิ่งช่วงที่ผ่านมาคนไม่ค่อยอยากออกจากบ้านกันเป็นส่วนใหญ่ เลยเลือกที่จะช้อปปิ้งออนไลน์มากกว่า และสินค้าบางรายการนั้น อาจมีค่าส่งที่แพงกว่าราคาของสินค้า ทำให้ลูกค้าบางคน เลือกที่จะไม่ซื้อสินค้านั้น ๆ แต่หากเพียงแค่คุณจัดเพิ่มโปรโมชั่นนี้เข้าไป จะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้อย่างมาก และยังกระตุ้นยอดขาย ความพึงพอใจ การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อธุรกิจของคุณได้อีกด้วย.

4. ขายสินค้าแบบ Up-selling

 

Up-selling คือการขายที่ซับซ้อนขึ้น เพราะเป็นการเน้นขายสินค้า หรือบริการที่มีราคาสูงกว่าอีกชิ้นในกลุ่มสินค้าเดียวกัน ซึ่งสินค้าชิ้นนั้น จะต้องมีความพิเศษ หรือพรีเมี่ยมกว่าสินค้าที่ลูกค้ากำลังตัดสินใจอยู่ ดังนั้น หน้าที่ของผู้ขายคือ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า “การเพิ่มเงินเพียงไม่กี่บาท ทำให้ได้สินค้าพรีเมี่ยมกว่า โดยไม่รู้สึกเสียดายที่จะจ่ายเงินเพิ่ม” ซึ่งมีหลายวิธีการ ไม่ว่าจะเป็น การจัดเซ็ทสินค้าแบบครบครันในราคาที่ถูกกว่า การพูดให้คำแนะนำ และโน้มน้าวใจให้ซื้อสินค้าอีกชิ้นหนึ่งในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม

5. มีนโยบายการคืนสินค้าที่ยืดหยุ่นมากขึ้น 

จากสถานการณ์ในปัจจุบัน ผู้คนมักซื้อของออนไลน์มากขึ้น และหลาย ๆคน ได้สินค้าที่ไม่ตรงปก หรือคุณภาพไม่ดี ทำให้การตัดสินใจซื้อสินค้านั้น ยากขึ้นกว่าเดิมมาก ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะขายสินค้าหน้าร้าน หรือออนไลน์ได้ดีแค่ไหน ก็ต้องมีสินค้าบางชิ้นที่ชำรุด หรือไม่ตรงความต้องการที่ลูกค้าต้องการจริง ๆ เช่น สีในรูปอาจจะไม่ตรงกับสินค้าจริง หรือไซส์ที่คิดว่าใส่พอดีแล้ว แต่หลังจากซื้อไปจริง ๆแล้วกลับใส่ไม่สบาย   ดังนั้น ควรมีนโยบายการคืนสินค้า ที่มีความยืดหยุ่นให้กับลูกค้า เพื่อเพิ่มความมั่นใจ ความไว้ใจ และความประทับใจ ที่ลูกค้าจะมีให้เรา อย่างเช่น หลังจากรับสินค้า หรือซื้อสินค้าไปแล้ว สามารถคืนสินค้าได้ภายใน 7 วัน เป็นต้น.

ทั้งหมดนี้ เป็นแนวทางการจัดโปรโมชั่นเรียกลูกค้า “แบบไม่ลดราคา” ที่จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้า และบริการของเรามากขึ้น จะเห็นได้ว่า การจัดโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นยอดขายไม่จำเป็นต้องลดราคาเสมอไป ซึ่งนอกจากไม่ต้องจัดส่วนลดแบบแรง ๆ หรือจัดส่วนลดเป็นประจำ ที่สร้างผลกระทบกับกำไรของธุรกิจคุณแล้ว คุณจะได้ความไว้วางใจจากลูกค้า การกระตุ้นยอดขายที่เพิ่มขึ้น และการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของธุรกิจคุณ ในการจัดโปรโมชั่นแต่ละครั้ง อย่าลืมตั้งเป้าหมาย และจุดประสงค์ให้ชัดเจนด้วยนะ!!

หากสนใจร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ MultiOne คลิกที่นี่ เรามีแบรนด์สินค้า และ ร้านค้าพาร์ทเนอร์ ในระบบมากมายให้คุณเลือก พร้อมด้วยฟังก์ชั่นระบบหลังบ้านที่ครบครัน ช่วยให้การจัดโปรโมชั่นระหว่างร้านกับแบรนด์ เป็นเรื่องง่ายขึ้น.

และถ้าอยากติดตามการแนะนำของน้องมัลตี้ในเรื่องอื่น ๆ ล่ะก็ เข้าไปดูได้เลย ที่นี่  และ มารอติดตามกันว่า น้องมัลตี้จะเอาอะไรมาฝาก ในครั้งหน้าได้ ที่นี่

 

 

 

 

 

Learn More