การเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือ การมีธุรกิจเป็นของตัวเอง นับว่าเป็นความฝันของใครหลายต่อหลายคน ไม่ว่าจะเป็นคนที่ทำงานมานานหลายปีหรือคนรุ่นใหม่ไฟแรงก็ตาม ถือว่าเป็นงานถือมีความอิสระในการทำงานอย่างมาก เราสามารถเป็นเจ้านายตัวเองได้ สามารถทำเอง คิดเองได้ ตามที่ต้องการ ทำให้หลายปีที่ผ่านมานี้มีเจ้าของธุรกิจหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย ทั้ง Startup และ SME อีกทั้งบางคนยังลาออกจากงานประจำมาเริ่มทำธุรกิจเองอีกด้วย เพราะการทำงานประจำอาจจะไม่ตอบโจทย์สำหรับคนที่ชอบคิดนอกกรอบสักเท่าไหร่ การทำธุรกิจ จึงอาจจะตอบโจทย์กว่า

การเริ่มต้น การทำธุรกิจ ได้เงินไวจริงไหม?

การทำธุรกิจหลายคนกำลังคิดว่าสามารถทำงานได้ดั่งใจ ตามใจนึก ได้เงินไว แต่ความจริงแล้วธุรกิจที่อยู่รอดและประสบความสำเร็จกลับมีจำนวนไม่มากนัก การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้นต้องใช้ ความทุ่มเท ความขยัน และต้องทำงานอย่างหนักตั้งแต่เริ่มต้นทำแรก ๆ ไปจนธุรกิจเริ่มเข้าทาง แต่ก็ต้องพัฒนาอยู่เสมอเพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ แล้วการเริ่มทำธุรกิจต้องคำนึงถึงอะไรบ้างล่ะ? 

10 คำถาม คุณมีความพร้อมมากแค่ไหนที่จะเริ่มทำธุรกิจ

วันนี้น้องมัลตี้มี 10 คำถามที่จะช่วยสำรวจว่าคุณมีความพร้อมมากแค่ไหนที่จะเริ่มการทำธุรกิจของตัวเอง ถ้าไม่อยากเจ๊งต้องรู้!!

 

1.เหตุผลอะไรที่เราอยากเริ่ม การทำธุรกิจ 

คำถามแรกที่มีความสำคัญมากที่สุดและต้องถามตัวเอง คือ เหตุผลอะไรที่ทำให้อยากเริ่มทำธุรกิจ จุดหมาย ท้ายที่สุดแล้วต้องการอะไร มีแรงจูงใจอะไรในการเริ่มทำ หลายๆ คนนั้นเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวแต่ไม่รู้จะทำอะไร ลงทุนไปก่อนโดยไม่รู้ว่าทำอะไรลงไปอยู่ ไม่ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ จึงทำให้เหตุผลในการเริ่มทำไม่ชัดเจน การดำเนินของธุรกิจจึงเดินในทิศทางที่ผิด ดังนั้นการเริ่มธุรกิจทั้งๆ ที่ไม่ชัดเจนในเป้าหมายและไม่มีความพร้อมนั้น ทำให้เจ้าของธุรกิจต้องเผชิญกับปัญหาวุ่นวายต่างๆ ที่ตามมา จึงมีโอกาสสูงมากที่เราจะล้มเลิกในการทำและสุดท้ายธุรกิจก็จะไปต่อไม่ได้เองในที่สุด 

 

2.ต้องการอะไรจาก การทำธุรกิจ

การตั้งคำถามว่าเราต้องการอะไรจากธุรกิจนั้นถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะช่วยให้เราทราบว่าเราต้องการและคาดหวังอะไร เริ่มต้นเราอาจจะลองเขียนสิ่งที่ต้องการออกมาโดยไม่ต้องรู้สึกกังวลว่าจะทำได้จริงตามที่เขียนออกมาหรือไม่ จากนั้นลองประเมินดูว่าเรามีความพร้อมอะไรบ้าง มีอะไรที่ขาดหายไปหรือมีอะไรอยู่บ้าง และดูว่าสิ่งไหนที่คิดว่ามีแนวโน้มเป็นไปได้ทำได้จริง มีแนวโน้มด้านบวก หรือสิ่งไหนที่ค่อนข้างยากเกินไปจากสิ่งที่ตั้งไว้ การเริ่มต้นลองเขียนจะทำให้เราเห็นภาพสิ่งที่ต้องการได้ชัดเจนขึ้น  

 

3.ปัญหาอะไรที่ส่งผลต่อ การทำธุรกิจ?

แน่นอนว่าหากเราเป็นผู้ประกอบการ เราก็ต้องมีสินค้าหรือบริการที่ตอบโจทย์ให้แก่ลูกค้าอยู่แล้ว ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักมี ทักษะในการแก้ปัญหาต่างๆ รวมถึงไหวพริบการเอาตัวรอดในสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดี ฉะนั้นผู้ประกอบการมือใหม่ทั้งหลายที่ต้องการเริ่มทำธุรกิจควรลองหา ปัญหาที่ผู้คนส่วนใหญ่มักเจอว่าคืออะไร แล้วหาวิธีแก้ปัญหา หาทางออกที่น่าสนใจและคิดว่าตอบโจทย์ที่สุด เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาธรุกิจต่อไป ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์และไหวพริบค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงควรแสวงหาวิธีแก้ไปเรื่อยๆ เพื่อสะสมประสบการณ์

 

4.กลุ่มลูกค้าของเราคือใคร?

เมื่อทราบถึงเป้าหมายในการทำธุรกิจแล้วว่าอยากทำธุรกิจอะไร ก็ควรทราบว่ากลุ่มลูกค้าของเราคือใครด้วย หากเราไม่ทราบกลุ่มลูกค้าของเรา ตอบไม่ได้ว่ากลุ่มลูกค้าของเราเป็นใคร ธุรกิจก็ไปต่อได้ยาก ทำให้คนซื้อน้อยลง เพราะไม่รู้กลุ่มลูกค้าที่แท้จริง เราจำเป็นต้องทำการศึกษาว่ากลุ่มลูกค้าหลักของเราเป็นใคร ศึกษาตั้งแต่ เพศ อายุ ระดับรายได้ ภูมิลำเนา และไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิต เพื่อนำข้อมูลที่ศึกษาไปพัฒนาสินค้าหรือบริการของเราให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด อีกทั้งยังสามารถทำการตลาดได้ง่ายขึ้นด้วยเนื่องจากทราบกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แท้จริง 

 

5.แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจ?

นับวันโลกของเรามีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โลกธุรกิจก็เช่นกัน หากเราอยากมีธุรกิจที่ยั่งยืน ก่อนเริ่มทำธุรกิจเราจำเป็นต้องวิเคราะห์แนวโน้มของประเภทธุรกิจที่จะทำว่ามีแนวโน้มไปในทิศทางไหน ตั้งแต่การประเมินความเสี่ยง คู่แข่งในตลาด รวมถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอีกด้วย เพื่อธุรกิจจะได้เติบโตอย่างยั่งยืนและมีรายได้ที่น่าพึงพอใจ เช่น ธุรกิจร้านค้ามัลติแบรนด์ที่กำลังเป็นกระแสอย่างมากในยุคปัจจุบัน หรือธุรกิจร้านคาเฟ่ ร้านชาบูกระทะ เป็นต้น 

 

6.ประเมินจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเอง

เจ้าของธุรกิจจำเป็นต้องรู้ลึกในเรื่องจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเอง ประเมินตัวเองว่า จุดแข็งและจุดอ่อนของเราคืออะไร เพื่อที่จะนำจุดเด่นที่มีมาใช้เป็นตัวขายและสร้างความแตกต่างกับธุรกิจตนเอง ถ้าเห็นว่าทักษะที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอก็ต้องพัฒนา เพื่อลบจุดด้อยที่มีอยู่ อาจต้องไปเรียนรู้ทักษะเพิ่มเติม เพื่อสร้างความสมบูรณ์แบบให้กับธุรกิจของตนเองได้มากที่สุด ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการทำธุรกิจในอนาคตอีกด้วย

 

7.ธุรกิจที่อยากทำตอบโจทย์กับตลาดไหม

หากคุณเป็นคนที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองในรูปแบบเดียวกับคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นร้านมัลติแบรนด์ คาเฟ่ ร้านชาบูหมูกระทะ สิ่งที่สำคัญมาก คือ “ความแตกต่าง” โดยเริ่มจากการหาจุดเด่นในธุรกิจของตนเอง เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ ง่ายต่อการจดจำ เช่น การตกแต่งร้านที่เป็นเอกลักษณ์คนจดจำได้ง่าย การมีบริการพิเศษที่ไม่เหมือนใคร หรือมุมถ่ายรูปในร้านสวยๆก็สร้างความแตกต่างได้ เป็นต้น หากเราคิดไอเดียไม่ออกว่าจะทำยังไงให้ธุรกิจมีความแตกต่าง ให้ลองศึกษาจากคู่แข่งดูก่อน จากนั้นจึงนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจตนเองให้เหมาะสม

 

8.สามารถแก้ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้

การทำธุรกิจไม่ว่าจะช่วงเริ่มต้น หรือช่วงที่คงที่ ก็มีสิ่งที่ผู้เจ้าของธุรกิจต้องระวังอย่างมาก คือความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ แม้จะเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยก็ย่อมมีผลกระทบตามมาแน่นอน ซึ่งการมองข้ามหรือปล่อยปะละเลยข้อผิดพลาดให้กลายเป็นดินพอกหางหมูอาจเป็นจุดจุดจบของการทำธุรกิจได้ ดังนั้น หากผู้นำดำเนินกิจการในทิศทางที่ผิดพลาดแล้ว ต้องสามารถยอมรับข้อผิดพลาดนั้นให้ได้ และหาวิธีแก้ไขเร็วให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวมถึงเปิดรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นๆ ด้วย ซึ่งจะช่วยให้แก้ปัญหาได้รวดเร็วขึ้นกว่าการแก้ปัญหาเองแน่นอน

 

9.มองหาผู้สนับสนุนเรา

ธุรกิจไม่มีทางประสบความสำเร็จได้แน่นอนหากคุณ “ทำทุกอย่างเพียงตัวคนเดียว” คุณจำเป็นต้องมีผู้ช่วยผลักดัน หรือผู้ที่สนับสนุนเรา เพื่อการเติบโตและพัฒนาในส่วนที่ไม่มี ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นกุญแจสำคัญของการเริ่มต้นทำธุรกิจ อาจเริ่มหาจากคนใกล้ชิดกันอย่างเพื่อน ครอบครัวไปก่อนในช่วงแรก หากมี Connection มากขึ้นแล้วอาจลองเข้าร่วมงานสัมมนาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ และทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ หรือจะออกไปทำกิจกรรมด้านนอกก็ได้เช่นกัน รวมถึงการหา Community บนโซเชียลมีเดีย เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีผู้สนับสนุน ให้คำปรึกษาคุณมากขึ้นเท่าตัวเลยทีเดียว

 

10.หาเงินทุนก่อนเริ่มต้นทำธุรกิจ

เมื่อเราทราบทุกอย่างแล้วว่าจะทำธุรกิจอะไรดี มีแผนพร้อม มีการประเมินความเสี่ยงพร้อม แต่ยังไม่มีทุนที่พร้อม ซึ่งเจ้าของธุรกิจบางคนอาจเริ่มต้นจากการทำงานประจำในบริษัทสักแห่ง และค่อยๆ เก็บเงินไปเรื่อยๆ  หรือเงินทุนจากรายได้เสริม บางคนอาจโชคดีที่ทางบ้านมีความพร้อมในด้านการเงินอยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาอะไร การหาเงินทุนเริ่มต้นเป็นสิ่งที่จำเป็นแต่ก็อย่าลืมนึกถึงเงินทุนสำรองก่อนลงมุนอะไรด้วย เพราะหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมา เราจะสามารถนำมาใช้ได้ยามฉุกเฉิน ดังนั้นหากใครอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองแต่ไม่มีทุนก็ควรเตรียมความพร้อมทางด้านการเงินให้ดีก่อนเริ่มทำธุรกิจ

 

หากใครอยากเริ่มต้นทำธุรกิจเราหวังว่าเพื่อนๆจะลองตอบ 10 คำถามให้ได้ ก่อนเริ่มต้นเพื่อดูว่าพร้อมสำหรับการทำธุรกิจหรือยัง?

 

สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่มีหน้าร้านและกำลังมองหาแพลตฟอร์มจัดการหน้าร้านที่ตอบโจทย์ทุกการขาย น้องมัลตี้ขอแนะนำ! MultiOne Platform ระบบจัดการหน้าร้านที่จะช่วยให้การขายของคุณเป็นเรื่องง่าย และสะดวก 

 

สมัครด่วนตอนนี้ ไม่ว่าจะรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ไหน ก็จัดการได้ไม่ยาก 

 

บทความแนะนำ

 

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

 

แพลตฟอร์มระบบจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีก และร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่

การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย 

 

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

 

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne 

 

Learn More

ปัจจุบัน ธุรกิจต่าง ๆ มีอัตราการแข่งขันที่สูงขึ้นอย่างมาก การจะเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่เพียงอย่างเดียวผลตอบรับอาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เพราะเหตุนั้น ในหลายธุรกิจจึงมุ่งเน้นในด้านการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า หรือที่รู้จักกันในชื่อ CRM Loyalty Program เพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าจากร้านของคุณซ้ำ และเกิดเป็นลูกค้าประจำ (Loyalty Customer) ต่อร้านของคุณนั่นเอง

 

Loyalty Program กลยุทธ์ทางการตลาดที่สำคัญในการการสร้างลูกค้าประจำ

Loyalty Program เครื่องมือสำคัญที่ช่วยรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในระยะยาว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารลูกค้าสัมพันธ์หรือ CRM โดย Loyalty Program จะเข้ามาช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและแบรนด์ของเรา จุดมุ่งหมายเพื่อมัดใจ เปลี่ยนจากลูกค้าขาจรให้กลายมาเป็นลูกค้าประจำ และรักษาฐานลูกค้าเดิมให้อยู่กับแบรนด์ไปนานๆ 

 

CRM ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือที่จะช่วยพัฒนาแค่เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ แต่ยังเป็นการเก็บข้อมูลเพื่อนำมาใช้วิเคราะห์ด้านการตลาดได้อีกด้วย เพราะการทำ CRM จะเป็นการเก็บข้อมูลด้านการใช้งาน การซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งข้อมูลที่ได้สามารถนำมาวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อที่จะสามารถเข้าใจและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงจุดยิ่งขึ้น โดย Loyalty Program ที่เรามักจะเห็นกันได้บ่อยๆ ก็คือ ระบบสมาชิก ระบบสะสมแต้ม สิทธิพิเศษ Cashback และ Redeem เป็นต้น  

 

การทำงานของ Loyalty Program 

Loyalty Program ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจแต่ละประเภทแตกต่างกันไป แต่หัวใจหลักและความสำคัญของการทำ Loyalty Program ที่ถูกออกแบบให้เหมาะสมกับแต่ละธุรกิจกลับเหมือนกัน คือ

1.การรวบรวมฐานข้อมูลลูกค้า (Customer Database)

การเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้าที่ซื้อสินค้าหรือบริการ ถือเป็นขั้นตอนแรกที่มีความสำคัญ โดยส่วนใหญ่จะทำการเก็บข้อมูลจากการสมัครสมาชิก จะมีการเก็บข้อมูลในส่วนของชื่อ นามสกุล อายุ เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ ข้อมูลการติดต่อ E-mail เป็นต้น เมื่อทราบข้อมูลพื้นฐานของลูกค้าแล้ว เราสามารถนำข้อมูลฐานลูกค้าที่ได้ทำการรวบรวมเอาไว้มาทำการวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อสินค้า และบริการของผู้บริโภคได้อย่างละเอียด และสามารถนำข้อมูลที่ได้มาแบ่งกลุ่มลูกค้าได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น

การรวบรวมฐานข้อมูลลูกค้า_CRM Loyalty Program_การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าด้วย CRM Loyalty Program

2.การแบ่งกลุ่มลูกค้า (Customer Segmentation)

เมื่อเรารวบรวมฐานข้อมูลลูกค้าได้เป็นที่เรียบร้อย เราสามารถนำข้อมูลของลูกค้ามาแบ่งแยกกลุ่มตามความสนใจ โดยการแบ่งกลุ่มลูกค้าสามารถแบ่งกลุ่มได้หลายรูปแบบตามความต้องการ การแบ่งกลุ่มลูกค้าจะช่วยให้สามารถสื่อสารถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยในเรื่องการจัดทำโปรโมชั่นสำหรับกระตุ้นการขายที่จะช่วยให้กระตุ้นได้ตรงกลุ่มเป้าหมายและตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละกลุ่ม

การแบ่งกลุ่มลูกค้า_CRM Loyalty Program_การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าด้วย CRM Loyalty Program

3.การมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า (Interaction)

หลังจากเก็บรวบรวมข้อมูลและแบ่งกลุ่มลูกค้า แบรนด์สามารถนำข้อมูลที่ได้มาทำการตลาดเฉพาะเจาะจงลูกค้าในแต่ละกลุ่มลูกค้าได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยการทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Marketing) นั่นเอง สำหรับในแต่ละธุรกิจ กลยุทธ์ที่ใช้ในการมัดใจลูกค้าก็อาจจะแตกต่างกันไปตามความเหมาะสม แต่สิ่งสำคัญคือการสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า และเพื่อทำให้ลูกค้าของเราเกิดความรู้สึกพิเศษ 

การมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า_CRM Loyalty Program_การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าด้วย CRM Loyalty Program

Loyalty Program กับผลดีทางธุรกิจ

ประโยชน์หลัก ๆ จาก Loyalty Program คือการใช้ข้อมูลของลูกค้ามาต่อยอดทางธุรกิจ โดยการนำข้อมูลที่ได้รับจากฐานข้อมูลลูกค้ามาวิเคราะห์และศึกษาหาแนวทางในการสร้างความถึงพอใจให้แก่ลูกค้า ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อธุรกิจดังนี้

  • แบ่งกลุ่มลูกค้า เพื่อที่จะสามารถดูแลลูกค้าได้อย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ฐานข้อมูลของลูกค้า จะช่วยทำให้เราสามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้าต้องการอะไร บริการหรือสินค้าแบบไหนที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม โปรโมชั่นหรือแคมเปญที่จะช่วยดึงดูดลูกค้ามากที่สุด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถวางแผนพัฒนาธุรกิจให้เหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากขึ้นนั่นเอง

แบ่งกลุ่มลูกค้า_CRM Loyalty Program_การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าด้วย CRM Loyalty Program

  • ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้า และบริหารอย่างสม่ำเสมอ

ระบบสมาชิก ระบบสะสมแต้ม สิทธิประโยชน์ต่างๆ จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าหรือบริการอย่างสม่ำเสมอ 

ระบบสมาชิก_CRM Loyalty Program_การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าด้วย CRM Loyalty Program

  • เกิดความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty)

เมื่อลูกค้าเกิดความประทับใจอย่างต่อเนื่อง และความรู้สึกพึงพอใจต่อแบรนด์ สิ่งนี้จะทำให้ลูกค้าเกิดความภักดีต่อแบรนด์ของเราในที่สุด ซึ่งจะส่งผลลัพธ์ในทางที่ดีต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อลูกค้ามีทัศนคติที่ดีต่อแบรนด์ มีความยินดีที่พูดคุยบอกต่อเกี่ยวกับแบรนด์ที่ชอบและพร้อมปกป้องแบรนด์เมื่อมีข่าวเสียหายเกิดขึ้น

เกิดความภักดีต่อแบรนด์_CRM Loyalty Program_การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าด้วย CRM Loyalty Program

ประเภทของ Loyalty Program 

ในปัจจุบัน Loyalty Program สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทด้วยกัน ได้แก่

1.บัตรสะสมคะแนน

บัตรสะสมคะแนนหรือการสะสมพอยท์ (Point) นั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เมื่อลูกค้าซื้อของตามเงื่อนไขที่กำหนด จะได้รับคะแนนหรือพอยท์ตามเกณฑ์ที่กำหนด เมื่อสะสมจนครบก็สามารถนำคะแนนหรือพอยท์ที่ได้รับมาแลกส่วนลด ของรางวัลได้ 

บัตรสะสมคะแนน_CRM Loyalty Program_การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าด้วย CRM Loyalty Program

2.เงินคืน (Cashback)

สำหรับ Loyalty Program ประเภทนี้ ลูกค้าจะได้รับเงินคืน และสามารถสะสมเพื่อใช้ในครั้งต่อไปได้ เช่น การรับเครดิตเงินคืนจากบัตรเครดิตต่างๆ การรับเงินคืนเมื่อซื้อสินค้าตามเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งจะกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดการกลับมาซื้อของที่ร้านซ้ำนั่นเอง

เงินคืน_CRM Loyalty Program_การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าด้วย CRM Loyalty Program

3.การแบ่งระดับสมาชิก

การแบ่งระดับสมาชิก จะจัดลูกค้าตามหมวดหมู่หรือระดับ เช่น การแบ่งระดับลูกค้าตามยอดการซื้อสะสม ซึ่งอาจจะแบ่งได้เป็น Classic สำหรับลูกค้าทั่วไป, Silver สำหรับลูกค้าที่มียอดสะสมครบ 5,000 บาท, Gold สำหรับลูกค้าที่มียอดสะสมครบ 8,000 บาท และ Platinum สำหรับลูกค้าที่มียอดสะสม 12,000 บาท เป็นต้น

การแบ่งระดับสมาชิก_CRM Loyalty Program_การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าด้วย CRM Loyalty Program

4.แสตมป์บัตร

บัตรสะสมแสตมป์เป็นที่นิยมมากในร้านเครื่องดื่ม เบเกอร์รี่และร้านสะดวกซื้อ โดยจะทำการสะสมตามยอดหรือจำนวนของสินค้าที่ซื้อในแต่ละครั้ง ตัวอย่างเช่น เมื่อซื้อเครื่องดื่มหนึ่งแก้วจะได้รับแสตมป์หนึ่งดวง และเมื่อสะสมครบสิบดวงก็สามารถแลกรับเครื่องดื่มฟรีหนึ่งแก้ว 

แสตมป์บัตร_CRM Loyalty Program_การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าด้วย CRM Loyalty Program

5 เหตุผลที่ทำให้ CRM ประสบความสำเร็จและได้รับความนิยม

1.ใช้งานง่าย

ระบบถูกออกแบบให้ใช้งานง่าย และสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็วและถูกต้อง รองรับทุกการใช้งาน สะดวกและประหยัดเวลา

2.นำเสนอสินค้าและบริการได้ตรงใจ

สร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าด้วยการนำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า นำเสนอด้วยวิธีการใหม่ ๆ เพื่อสร้างความน่าจดจำให้กับแบรนด์ 

3. สร้างสิทธิพิเศษเฉพาะบุคคล

สร้างความประทับใจสุดพิเศษและเหนือความคาดหมาย ด้วยการมอบสิทธิพิเศษเฉพาะบุคคล แสดงออกถึงความใส่ใจรายละเอียดต่อลูกค้า เพื่อทำให้ลูกค้าติดใจ และกลับมาซื้อสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง

4. เก็บข้อมูลและพัฒนาอยู่เสมอ

CRM Loyalty Program คือการเก็บรวบรวมข้อมูล ความคิดเห็น ความพึงพอใจจากลูกค้าที่มีต่อสินค้าและบริการ เพื่อที่จะนำข้อมูลที่ได้มาพัฒนาและปรับปรุงธุรกิจให้ดีขึ้น ให้ตรงตามพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า

5.สร้างความพิเศษให้แบรนด์เป็นมากกว่าสินค้าและบริการ

เพื่อเพิ่มคุณค่าที่แท้จริงให้กับแบรนด์ การศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคในการพัฒนาสินค้าและบริการให้ดีมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกค้าเกิดความลังเลใจและเสียดายหากเลิกซื้อสินค้าและบริการไป สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่จะสร้างความ Loyalty ให้กับแบรนด์ เพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับธุรกิจ

 

CRM Loyalty Program กับธุรกิจของคุณ

ในปัจจุบัน ธุรกิจต่าง ๆ มีการแข่งขันอย่างเข้มข้น การจะจับจุดเพื่อที่จะมัดใจลูกค้าด้วยการทำ CRM จึงมีความสำคัญ เพราะนอกจาก CRM จะช่วยกระตุ้นยอดขาย การนำ CRM Loyalty Program มาใช้จะช่วยให้ลูกค้าประทับใจมากขึ้นจากประสบการณ์และสิทธิพิเศษที่ได้รับ อีกทั้งยังเป็นการเปลี่ยนลูกค้าจากขาจรให้มาเป็นลูกค้าขาประจำ โดยการกลับมาซื้อสินค้าและบริการซ้ำ สร้างความภักดีต่อแบรนด์ของเรา และ CRM ยังมีส่วนช่วยด้านการทำการตลาดและพัฒนาสินค้าของเราให้ตอบโจทย์ความต้องการจากพฤติกรรมที่ใช้งานของลูกค้า

 

การทำ CRM สำหรับร้านค้าและแบรนด์ สามารถเริ่มต้นได้ง่าย ๆ จากการใช้ระบบสมาชิกในการสะสมแต้ม แลกพอยต์ สิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้ารายบุคคล ซึ่งแอบกระซิบว่า MultiOne แพลตฟอร์มของเราก็มีฟีเจอร์ในส่วนนี้ด้วยเช่นกัน 

ไม่ว่าจะสะสมแต้ม โปรโมชั่น สิทธิพิเศษ หรือจัดการข้อมูลสมาชิก ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เพิ่มความสะดวกและรวดเร็วให้ร้านของคุณ เปลี่ยนลูกค้าขาจรให้เป็นลูกค้าประจำด้วยฟังก์ชัน Customer ของ MultiOne

 

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

ระบบจัดการร้านค้ามัลติแบรนด์ และร้านค้ารับฝากขาย

แพลตฟอร์มระบบจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีก และร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่

การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย 

 

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne 

Learn More

หนึ่งในทักษะที่สำคัญสำหรับการพูดคุยกับผู้คนต่างๆ นั่นคือ ทักษะ การเจรจา หรือการต่อรอง ซึ่งหากมีความเข้าใจในทักษะและมีวิธีการเจรจาต่อรองที่ยอดเยี่ยม จะสามารถช่วยสร้างประโยชน์ให้แก่เราในการดำเนินชีวิตประจำวันได้มากมายเลยทีเดียว และสามารถใช้ได้ในหลายด้าน ซึ่งช่วยให้เรารักษาด้านความสัมพันธ์ในชีวิต ความสัมพันธ์ด้านธุรกิจ รวมถึงช่วยให้มีการพัฒนาการที่ดีขึ้นในด้านการทำงานโดยที่ไม่โดนผู้อื่นเอารัดเอาเปรียบได้

 

สำหรับใครที่ไม่คุ้นเคยกับทักษะการเจรจา ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ซึ่งการเจรจา หรือการต่อรองให้สำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องอาศัยความรู้ ความสามารถหลายด้าน มาประกอบกัน รวมถึงไหวพริบในการเจรจากับผู้สนทนา และสิ่งที่จะมองข้ามไม่ได้เลย คือ เรื่องของประสบการณ์ ยิ่งใครผ่านอะไรมามากมาย มากประสบการณ์ ก็จะทำให้การเจรจา การต่อรองมีโอกาสสำเร็จอย่างรวดเร็วมากขึ้น

 

การเจรจา การต่อรองสำคัญอย่างไร?

การเจรจา การต่อรองด้านธุรกิจนั้น หากไม่มีทักษะการเจรจาต่อรองที่ลงตัวอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด นำไปสู่ความขัดแย้งและวุ่นวายได้ในที่สุด  ซึ่งผลกระทบที่ตามมาคือ อาจทำให้ความสัมพันธ์หลายอย่างทางด้านธุรกิจพังทลายลงได้ 

 

หากเจ้าของธุรกิจมีเทคนิคการเจรจาต่อรองที่ดี มีความชำนาญขณะที่เจรจาอยู่ตลอด จะช่วยให้ผู้ขายสามารถเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้ง่ายขึ้น เมื่อคู่ค้ามีความพึงพอใจก็จะกลายเป็นความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจที่ดี ด้วยการเจรจาต่อรองเป็นทักษะที่จำเป็นมากสำหรับการทำธุรกิจ จะมีวิธีการอะไรบ้างที่ไม่ทำให้เกิดการเสียเปรียบ 

 

วันนี้น้องมัลตี้และ MultiOne จะมาบอก 6 วิธี การเจรจา ต่อรองแบบ B2B อย่างไรไม่ให้เสียเปรียบ จะมีวิธีการไหนบ้างที่สามารถนำมาปรับใช้กับร้านค้าตัวเองได้มาดูกัน!!

1.มีข้อเสนอที่ตกลงกันได้ทุกฝ่าย

หนึ่งในข้อเสนอที่ดีมากวิธีหนึ่ง คือ วิธีการที่ช่วยให้ทุกฝ่ายได้ผลประโยชน์ร่วมกัน หรือมีข้อเสนอที่ตกลงกันได้ทุกฝ่าย ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเจรจา จะช่วยให้ทั้งฝ่ายผู้ค้าและคู่ค้าได้ในสิ่งที่ต้องการทั้งคู่ อีกทั้งยังพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าอีกด้วย เรียกได้ว่า win-win กันทุกฝ่าย 

ตัวอย่าง การเจรจาที่ได้ผลประโยชน์ทุกฝ่าย ร้านค้าแห่งหนึ่งต้องการ เจรจากับคู่ค้าโดยบอกให้คู่ค้า เสนอราคาจำนวนเท่าไหร่ก็ได้ ซึ่งต้องเป็นราคาที่ร้านค้าได้กำไร ลูกค้าพอใจในราคาขาย และคู่ค้าสามารถส่งทันได้ตามเวลาที่กำหนดไว้ และส่งสินค้าครบตามจำนวนสั่งซื้อ จะเห็นได้ว่าหากมีข้อเสนอที่ตกลงกันได้ทุกฝ่าย การเจรจาต่อรองแบบ win-win ย่อมประสบผลสำเร็จมากกว่าการเจรจาแบบเดิมที่ผู้คนส่วนมากมักจะเจรจาให้ได้เปรียบเท่านั้น

2.เริ่มต้นจาก การเจรจา การต่อรองในเรื่องเล็กน้อย

หากอยากลองฝึกการเจรจา ให้เราเริ่มต้นจากการเจรจาต่อรองในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก่อน เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามหรือคู่ค้ายอมรับข้อเสนอ โดยเป็นการขอที่ไม่ทำให้เกิดความรู้สึกขัดแย้งกับราคาที่ผู้ขายตั้งไว้ สมมุติว่า ผู้ค้าต้องการซื้อของในราคา 500 บาท เราอาจจะต่อรองกับคู่ค้าเพื่อลดราคาลงไปอีก วิธีการนี้จะทำให้เราสามารถเจรจาต่อรองราคาได้ดียิ่งขึ้น

3.ยึดมั่นในเป้าหมายของตนเอง

การเจรจาต่อรองนั้น เราควรยึดมั่น เชื่อมั่นในเป้าหมายที่ตนเองได้ตั้งไว้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ หลายคนไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ก่อนทำการเจรจา ส่งผลให้ขณะการเจรจาต่อรองไม่ส่งผลขาดพลังและความน่าเชื่อถือ เราจำเป็นจะต้องนำเสนอวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้มีประสิทธิภาพ เจรจาต่อรองโดยอาศัยประสบการณ์ที่มี และควรยึดมั่นในสิ่งที่เสนอแก่คู่ค้าเพื่อใช้เป็นคำตอบพื่อสนับสนุนสิ่งที่เราต้องการ

4.ศึกษาข้อมูล ก่อนเริ่มการเจรจา

การเจรจาต่อรองโดยไม่ให้ตนเองเสียเปรียบนั้น ก่อนจะเข้าไปเจรจาเราควรศึกษาข้อมูลคู่ค้าก่อนอยู่เสมอ การหาข้อมูลจะมีประโยชน์ต่อตัวเองมาก ๆ ทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถกดราคาเราได้ หากคู่ค้าต้องการซื้อสินค้าจากเรา แต่เสนอในราคาที่เราไม่สามารถลดจำนวนลงได้ ผู้ค้าอาจจะเสนอไปว่าไม่สามารถซื้อสินค้าในราคานี้ได้ แต่หากซื้อในราคาเดิมอาจได้รับบริการพิเศษบางอย่าง เพราะหากไม่ซื้อในราคาที่ต่อรองไว้อาจไม่ได้รับในส่วนนี้ไป

5.มีความเคารพผู้อื่นอยู่เสมอ

หนึ่งในวิธีการเข้าหาคนในการเจรจาต่อรองที่หลายๆ คนมักจะมองข้ามไป คือ การให้ความเคารพผู้ที่เข้าไปเจรจาต่อรองด้วย แน่นอนว่าการเจรจานั้นต่างฝ่ายต่างก็อยากให้ตนเองทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้สำเร็จเพื่อให้ได้ในสิ่งต้องการ แต่การเคารพผู้อื่นและนอบน้อมถ่อมตนมีการวางตัวที่ดีขณะการเจรจา จะช่วยให้ทุกฝ่ายสามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างธุรกิจได้ และทำให้การเจรจาในครั้งต่อๆ ไปทำได้ง่ายขึ้น ลองคิดกลับกันหากเราไม่มีความเคารพผู้อื่นก็ยากที่จะมีใครมาคบค้าสมาคมด้วยในภายภาคหน้า

6.ฝึกการพูดและนำไปปฏิบัติจริง

การเจรจาต่อรอง ถือว่าเป็นทักษะที่ต้องอาศัยการเก็บประสบการณ์อย่างมาก ยิ่งฝึกเยอะยิ่งมากประสบการณ์ เพราะฉะนั้นย่อมมีการลองผิดลองถูกอยู่แล้ว ซึ่งในสถานการณ์จริงย่อมไม่มีอะไรเป็นเหมือนที่เราคิดไว้ทุกอย่าง ผู้ค้าส่วนใหญ่มักต้องการเจรจาต่อรองกับคู่ค้าหลายเจ้าอยู่แล้ว ให้ลองฝึกการเจรจาไว้ก่อนก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย หาผู้ที่มีประสบการณ์ช่วยสอนและให้คำแนะนำแก่เราระหว่างฝึกจะทำให้เรารู้ข้อผิดพลาด และเมื่อนำไปใช้ในสถานการณ์จริง ต้องมีความมั่นใจในสิ่งที่ตนเองพูด มีสติ และสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ หลังจากนั้นจึงกลับมานึกถึงมาสิ่งที่เราพูดไป และนำข้อผิดพลาดมาแก้ไขเพื่อพัฒนาการเจรจาให้ดียิ่งขึ้นในครั้งถัดไป 

 

จาก 6 วิธีการที่เราได้แนะนำไป เป็นเพียงแค่แนวทางใน การเจรจาต่อรองแบบ B2B อย่างไรไม่ให้เสียเปรียบเท่านั้น นอกจากมีการเจรจาที่ดี เพื่อไม่ให้เสียเปรียบระหว่างสนทนา การมีระบบจัดการหน้าร้านที่มีประสิทธิภาพกับร้านค้า ก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน 

 

สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่มีหน้าร้านและกำลังมองหาแพลตฟอร์มจัดการหน้าร้านที่ตอบโจทย์ทุกการขาย น้องมัลตี้ขอแนะนำ! MultiOne Platform ระบบจัดการหน้าร้านที่จะช่วยให้การขายของคุณเป็นเรื่องง่าย และสะดวก 

 

สมัครด่วนตอนนี้ ไม่ว่าจะรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ไหน ก็จัดการได้ไม่ยาก 

 

บทความแนะนำ

ระบบจัดการร้านค้ามัลติแบรนด์ และร้านค้ารับฝากขาย

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

 

แพลตฟอร์มระบบจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีก และร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่

การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย 

 

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

 

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne 

Learn More

ในปัจจุบัน ร้านค้าหลายร้านต่างปรับตัว และเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้จากพื้นที่ภายในร้าน โดยเปลี่ยนให้พื้นที่ว่าง ให้กลายเป็นพื้นที่สำหรับสร้างมูลค่า สำหรับโมเดลธุรกิจเช่นนี้เราจะคุ้นเคยกันในชื่อธุรกิจ “รับฝากขาย” สินค้านั่นเอง

 

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักเกี่ยวกับธุรกิจ “รับฝากขาย” สินค้ากันก่อนดีกว่า 

ธุรกิจรับฝากขายคืออะไร ?

ธุรกิจฝากขาย หรือการฝากขายสินค้า คือการที่แบรนด์สินค้านำสินค้าไปลงฝากขายที่ร้านค้า หรือหน้าร้าน เพื่อเพิ่มช่องทางในการกระจายสินค้าให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยที่แบรนด์สินค้าไม่ต้องลงทุนเปิดหน้าร้านหรือจ่ายค่าเช่าที่ในราคาสูง ทำให้แบรนด์ลดภาระค่าใช้จ่ายในด้านการเปิดหน้าร้านไป เหมาะสำหรับแบรนด์สินค้า ทั้งแบรนด์เล็กและแบรนด์ใหญ่ โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นแบรนด์ออนไลน์นั่นเอง

ธุรกิจรับฝากขายคืออะไร ?_รับฝากขาย_ระบบจัดการร้านค้ารับฝากขายควรมีฟังก์ชันอะไรบ้าง?

สำหรับหน้าร้าน การรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ต่าง ๆ นอกจากจะช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ร้านค้า การมีแบรนด์มาร่วมลงฝากขายสินค้าเป็นจำนวนมากจะช่วยเพิ่มความหลากหลายให้สินค้าภายในร้านค้ามากยิ่งขึ้น และที่สำคัญ ร้านค้าไม่ต้องจ่ายค่าสต๊อกสินค้าหรือค่าขนส่งสินค้า ทำให้ต้นทุนด้านการสต๊อกและการจัดการสินค้าลดลงอีกด้วย

 

การเปิดร้านค้ารับฝากขาย นอกจากการมีหน้าร้านแล้ว การมีระบบจัดการดี ๆ ที่เป็นเครื่องมือสำหรับช่วยจัดการหน้าร้านก็สำคัญ เพื่อลดขั้นตอนและจัดการร้านได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น ระบบจัดการหน้าร้านก็ต้องตอบโจทย์และครอบคลุมการเปิดหน้าร้านของคุณใช่มั้ยล่ะ ?

แล้วระบบจัดการร้านค้ารับฝากขายที่เหมาะสม ควรมีฟังก์ชันอะไรบ้าง วันนี้มาไขคำตอบพร้อมกันกับน้องมัลตี้!

 

1.ฟังก์ชันแสดงผลและสรุปข้อมูลในหน้าเดียว (Dashboard)

เริ่มต้นด้วยฟังก์ชันแรก คือฟังก์ชันการสรุปข้อมูลและแสดงผลในหน้าจอเดียว เพื่อให้ร้านค้าสามารถดูข้อมูลแล้วสามารถเข้าใจได้ในทันที โดยฟังก์ชัน Dashbord ของ MultiOne ของเรา จะแสดงข้อมูลยอดขายแยกย่อยในแต่ละแบรนด์ และสามารถแสดงข้อมูลยอดขายได้ทั้งรายวันและรายเดือน แสดงค่า GP และรายรับในแต่ละช่องทาง ช่วยอำนวยความสะดวกและเข้าใจง่าย ประหยัดเวลาให้คุณมากขึ้น เพราะเราสรุปยอดขาย และข้อมูลสำคัญให้คุณไว้ในหน้าเดียว

ฟังก์ชันแสดงผลและสรุปข้อมูล_รับฝากขาย_ระบบจัดการร้านค้ารับฝากขายควรมีฟังก์ชันอะไรบ้าง?

2.ฟังก์ชันรายงานยอดขาย

สำหรับการทำธุรกิจ การตรวจสอบยอดขายเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น ฟังก์ชันที่ขาดไปไม่ได้คือฟังก์ชันรายงานยอดขาย ซึ่งนอกจากจะช่วยให้สามารถตรวจสอบผลประกอบการ ยอดขาย รายรับที่ร้านค้าได้รับในแต่ละครั้งได้แล้ว ยังสามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังได้อีกด้วย ฟังก์ชันรายงานยอดขายสามารถนำไปใช้เป็นข้อมูลเพื่อประกอบการทำธุรกรรมทางการเงิน การยื่นภาษี และอื่นๆ ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญมาก ๆ สำหรับการทำธุรกิจอีกด้วย

ฟังก์ชันรายงานยอดขาย_รับฝากขาย_ระบบจัดการร้านค้ารับฝากขายควรมีฟังก์ชันอะไรบ้าง?

3.POS ฟังก์ชันคิดเงินสำหรับร้านรับฝากขาย

POS เป็นฟังก์ชันสำหรับการคิดเงินหน้าร้าน สามารถบันทึกรายรับจากการขายสินค้าในแต่ละครั้งได้ และจะแสดงทั้งข้อมูลสินค้า ยอดคงเหลือ ช่องทางการชำระเงิน ข้อมูลการชำระเงิน และรายละเอียดต่าง ๆ ของสินค้า โดยระบบ POS ของ MultiOne สามารถใช้งานร่วมกับเครื่องสแกนบาร์โค้ดได้ จึงทั้งช่วยอำนวยความสะดวก และช่วยประหยัดเวลาให้ร้านของคุณมากขึ้น 

ฟังก์ชันPOS_รับฝากขาย_ระบบจัดการร้านค้ารับฝากขายควรมีฟังก์ชันอะไรบ้าง?

4.ฟังก์ชัน Member

ฟังก์ชันสมาชิก เป็นฟังก์ชันสำหรับการจัดการข้อมูลลูกค้า ซึ่งเป็นกระบวนการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าหรือที่รู้จักกันในชื่อ CRM (Customer Relationship Management) ฟังก์ชันสมาชิกมีความสำคัญในส่วนของการจัดการข้อมูลลูกค้า การสะสมแต้มหรือคะแนน สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าจากร้านของคุณซ้ำนั่นเอง 

ฟังก์ชันmember_รับฝากขาย_ระบบจัดการร้านค้ารับฝากขายควรมีฟังก์ชันอะไรบ้าง?

ฟังก์ชันจัดการข้อมูลลูกค้า_รับฝากขาย_ระบบจัดการร้านค้ารับฝากขายควรมีฟังก์ชันอะไรบ้าง?

5.ฟังก์ชันจัดการ Stocks สำหรับร้านรับฝากขาย

เมื่อระบบฝั่งหน้าร้านพร้อม การจัดการระบบหลังบ้านก็สำคัญ ฟังก์ชันการจัดการสต๊อกเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันสำคัญที่จะช่วยให้ร้านค้าสามารถจัดการสินค้าได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น สำหรับร้านรับฝากขาย การจัดการสต๊อกจะมีความยุ่งยากและละเอียดมากขึ้น เนื่องจากมีสินค้าจากแบรนด์ต่าง ๆ มากมายหลายแบรนด์ สินค้าหลายประเภท การจะจัดการสต๊อกครั้งละจำนวนมากและหลายแบรนด์ อาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้หากร้านของคุณเลือกใช้ระบบที่ไม่เหมาะสม ดังนั้น มัลตี้จึงอยากแนะนำระบบ MultiOne ระบบของเราออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การเปิดร้านรับฝากขาย สามารถจัดการสต๊อกสินค้าแยกย่อยเป็นรายแบรนด์ได้ และสามารถจัดการข้อมูลหรือจัดการแบรนด์สินค้าที่ทำการฝากขายกับร้านของคุณได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้คุณจัดการร้านรับฝากขายได้ง่ายและสะดวกมาขึ้น

ฟังก์ชันจัดการstock_รับฝากขาย_ระบบจัดการร้านค้ารับฝากขายควรมีฟังก์ชันอะไรบ้าง?

6.E-Commerce

ปัจจุบัน ร้านค้าหลาย ๆ ร้านมีการเพิ่มช่องทางการขายทั้งจากหน้าร้าน และทางออนไลน์ ฟังก์ชันที่สำคัญสำหรับร้านค้ารับฝากขายยุคใหม่ก็คงหนีไม่พ้น E-Commerce หรือการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยในส่วนของฟังก์ชันอีคอมเมิร์ซ MultiOne ของเราก็มีฟังก์ชันตัวนี้ให้บริการ ซึ่งเราจะช่วยเชื่อมต่อสต๊อกจากหน้าร้านของคุณ กับสต๊อกบน Line OA ให้คุณสามารถจัดการสต๊อกสินค้าจาก Line OA ได้ทั้งโดยรวม และแยกรายแบรนด์ ทั้งยังสามารถกำหนดช่องทางการขนส่ง และช่องทางการชำระเงินด้วยตัวเองได้ในที่เดียว

e-commerce_รับฝากขาย_ระบบจัดการร้านค้ารับฝากขายควรมีฟังก์ชันอะไรบ้าง?

7.ค้นหาแบรนด์สินค้า

สำหรับร้านค้าที่สนใจรับฝากขาย การติดต่อหาแบรนด์สินค้าอาจเป็นเรื่องยุ่งยาก ดังนั้น ฟังก์ชันสำคัญที่ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์ร้านรับฝากขายสินค้านั่นก็คือฟังก์ชันค้นหาแบรนด์ ซึ่งจะช่วยให้ร้านสามารถค้นหาแบรนด์สินค้าได้ง่ายขึ้น โดยสามารถค้นหาได้จากชื่อแบรนด์ หรือประเภทสินค้าที่ต้องการ ในส่วนของฟังก์ชันค้นหาแบรนด์สินค้า MultiOne ของเราก็มีให้บริการ โดยนอกจากจะค้นห้าแบรนด์สินค้าที่สนใจรับฝากขายได้แล้ว เมื่อทำการติดต่อกับแบรนด์เรียบร้อย ร้านสามาถจัดการเชื่อมต่อกับแบรนด์ที่ต้องการฝากขาย ผ่านแพลตฟอร์มของเราได้เลย โดยร้านและแบรนด์สามารถจัดการส่งสินค้าให้กันได้ทันที หลังจากมีการ Match เกิดขึ้น และหากต้องการยกเลิกการ Match ก็สามารถยกเลิกผ่านแพลตฟอร์มได้เลย ง่ายและสะดวกใช่ไหมละ

มาถึงตรงนี้ เพื่อน ๆ คนไหนที่สนใจระบบจัดการร้านค้าที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การฝากขาย น้องมัลตี้ขอแนะนำ MultiOne Platform ของเรานั่นเอง! เพราะระบบเรามีครบทุกฟังก์ชันที่ร้านค้ารับฝากขายต้องการ เรามีทีมงานที่คอยพัฒนาระบบ และอัพเดทฟังก์ชันต่าง ๆ เพื่อให้สามารถตอบโจทย์การขายทุกรูปแบบในอนาคต ช่วยให้จัดการร้านค้าได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องลงทุนซื้อเครื่องคิดเงินแพง ๆ อีกด้วย

MultiOne Platform ระบบจัดการร้านค้ามัลติแบรนด์ที่จะช่วยให้คุณจัดการร้านค้ารับฝากขาย ใช้งานง่าย สะดวก และรวดเร็ว หมดกังวัลปัญหาหลังการขาย เพราะเรามีทีมงานคอยให้คำแนะนำ

 

สมัครเลยตอนนี้ พร้อมรับประสบการณ์การขายแบบใหม่ ไม่ว่าจะการขายแบบไหนก็เอาอยู่!

 

บทความแนะนำ

อยากเป็น ร้านค้ามัลติแบรนด์ ที่ประสบความสำเร็จต้องรู้อะไรบ้าง?

ทำไมถึงต้องเปลี่ยนมาเป็นร้าน Multi-Brand !?

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

ระบบจัดการร้านค้ามัลติแบรนด์ และร้านค้ารับฝากขาย

แพลตฟอร์มระบบจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีก และร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่

การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย 

 

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

 

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne 

 

Learn More

ในยุคสมัยที่ข้าวยากหมากแพง ราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อผลกระทบที่ได้รับจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้คนใช้จ่ายน้อยลง แต่หลังจากสถานการณ์เริ่มเบาตัวลงการใช้จ่ายกลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้สินค้าขาดแคลนจากการผลิต ทำให้ต้องปรับราคาสูงขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่ากำลังประสบกับปัญหา “เงินเฟ้อ” แบบพุ่งทะลุสูงในรอบหลายปี ทำให้ส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างมาก

การประสบปัญหา “ภาวะเงินเฟ้อ” นั้นส่งผลกระทบต่อชีวิตทั้งทางตรงและทางอ้อม ในหลายแง่มุม ตั้งแต่การใช้ชีวิตประจำวัน การมีรายจ่ายที่สูงขึ้นแต่ผู้บริโภคกลับซื้อสินค้าได้ในปริมาณที่น้อยลง ส่งผลให้รายได้ที่หามาไม่เพียงพอ ค่าครองชีพสวนทางกับค่าแรงและรายได้ ซึ่งเงินเฟ้อสามารถทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนว่ามีเงินเท่าเดิมแต่ซื้อของได้น้อยลงนั่นเอง 

นอกจากผู้บริโภคจะได้รับผลกระทบแล้วผู้ประกอบการไม่ว่าจะรายเล็ก รายใหญ่ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกันเนื่องจากเงินเฟ้อต้นทุนการผลิตต่าง ๆ จึงสูงขึ้น ทำให้ต้องชะลอเวลาการผลิตออกไปอีก ตลอดไปจนถึง การวางแผนการเงินเพื่อเป้าหมายต่าง ๆ ที่ต้องประหยัดมากกว่าเดิม เพราะผลตอบแทนจากการลงทุนที่ได้รับไม่เพียงพอต่อราคาสินของของที่แพงมากขึ้น 

เงินเฟ้อ คืออะไร

หลายคนอาจเคยผ่านหูผ่านตากับคำว่าเงินเฟ้อมาอยู่บ้าง เงินเฟ้อ คือ ภาวะที่ราคาสินค้าและบริการที่จับจ่ายใช้สอยกันมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จำนวนเงินเท่าเดิมแต่ซื้อสินค้าและบริการได้น้อยลง หรือจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อให้ได้สินค้าและบริการจำนวนเท่าเดิม ถ้าจะให้พูดง่าย ๆ คือ ราคาของแพงขึ้นนั่นเอง 

 

ผลกระทบของเงินเฟ้อ

ผลกระทบของเงินเฟ้อนั้นส่งผลกับชีวิตเราตั้งแต่ ชีวิตประจำวัน รายจ่ายหรือค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นแต่ซื้อสินค้าและบริการได้น้อยลง ทำให้ประชาชนทั่วไปมีอำนาจในการซื้อน้อยลง ส่งผลให้รายได้ที่หามาได้อาจไม่เพียงพอกับการดำรงชีวิตหรือเงินไม่พอใช้ 

นอกจากผลกระทบต่อคนทั่วไปแล้ว ผู้ประกอบการก็ได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน ในเมื่อสินค้าต่าง ๆ มีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยอดขายก็จะลดลง ต้นทุนการผลิตก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้เจ้าของกิจการอาจมีการขยายหรือชะลอเวลาการผลิตออก ลดต้นทุน และลดการลงทุน ลดจ้างแรงงาน ทำให้ผู้คนมีโอิกาสตกงานมากขึ้น เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายไปอีก ความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจในประเทศลดลง เนื่องจากราคาสินค้าส่งออกของเราจะสูงขึ้นเมื่อเทียบกับราคาสินค้าออกของประเทศอื่น ๆ 

เมื่ออยู่ในยุคสมัยที่อะไรก็แพงขึ้น เงินเฟ้อพุ่ง ต้นทุนสูง ร้านค้าหลายแห่งจึงจำเป็นต้องมีการปรับกลยุทธ์ในช่วงเงินเฟ้อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ไม่ให้ลูกค้าหาย และเพื่อลดโอกาสในการปิดตัวลงของธุรกิจ จึงควรหากลยุทธ์มาปรับเปลี่ยนในธุรกิจอยู่เสมอ 

วันนี้น้องมัลตี้และทีมงาน MultiOne จะมาแชร์ 4 เคล็ดลับ ในช่วงภาวะเงินเฟ้อพุ่ง ต้นทุนสูง เปลี่ยนกลยุทธ์อย่างไร ไม่ให้ลูกค้าหาย จะมีวิธีการไหนบ้างที่สามารถนำมาปรับใช้กับร้านค้าตัวเองได้มาดูกัน!!

 

1.ปรับราคาอย่างรอบคอบ

ถึงเงินเฟ้อจะทำให้ราคาสินค้าต่าง ๆ ภายในร้านต้องถูกปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามสภาวะของเศรษฐกิจ แต่การปรับราคาสินค้าแบบไม่คิดหรือปรับเร็วเกินไป อาจส่งผลเสียมากกว่ามากกว่าผลดี เนื่องจากขาดการวางแผนและขาดการวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แท้จริง หากเจ้าของกิจการอยากปรับราคาขึ้นตามความจำเป็นก็ควรพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบคอบ เช่น เงินเฟ้อ การประเมินความเสี่ยง และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ปฏิกิริยาของลูกค้าต่อการขึ้นราคาสินค้า ซึ่งจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับราคาสินค้าแต่ละประเภทว่าจะได้รับการยอมรับจากลูกค้าหรือไม่ พูดง่าย ๆ ก็คือ การปรับราคาขึ้นอยู่กับกลุ่มลูกค้าเป็นหลัก การเพิ่มมูลค่าสินค้าให้มีความน่าสนใจ แตกต่าง และคุ้มค่าต่อการจ่าย ก็ถือเป็นวิธีที่สร้างจุดขายเช่นกัน เพราะการปรับราคาสินค้าในช่วงภาวะเงินเฟ้อ ควรระมัดระวังให้ดี หากปรับราคาถูกที่ถูกเวลา ย่อมมาพร้อมกับความพอใจของลูกค้าที่ได้สินค้าดี มีคุณภาพ และราคาคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป

 

2.เตรียมแผนที่มีประสิทธิภาพ

การวางแผนถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่มองข้ามไปไม่ได้เลย การวางแผนที่ดีจะช่วยลูกค้าแก้ปัญหา และข้อจำกัดต่าง ๆ ของธุรกิจได้อย่างชัดเจน และตรงจุด เนื่องจาก เงินเฟ้อ เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น หากร้านค้าไม่ปรับราคาสินค้าขึ้นมาได้ อาจจะทำให้แบกรับค่าใช้จ่ายที่ไม่เพียงพอไม่ไหวและอาจส่งผลกระทบในระยะยาวได้ การวางแผนจึงมีความสำคัญอย่างมาก หากมีทีมงานเบื้องหลังและบุคลากรที่ดี มีความเชี่ยวชาญมาปรับการออกแบบ เช่น วัสดุที่ใช้ต้นทุนต่ำ แต่คงคุณภาพไว้เหมือนเดิม ก็ช่วยประหยัดต้นทุนได้ เป็นต้น

การปรับแผนที่เหมาะสม และพัฒนาแนวทางของธุรกิจตัวเอง สู่การปรับกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้ธุรกิจก้าวไปต่อได้ แถมยังสามารถรักษาความสัมพันธ์ของลูกค้าในระยะยาวได้อีกด้วย

 

3.มีทีมงานที่เชียวชาญ ติดตามงานอย่างเคร่งครัด

ในสภาวะเงินเฟ้อทำให้การปรับราคาสินค้าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอาจส่งผลกระทบต่าง ๆ ตามมาได้ การมีทีมงานที่เชี่ยวชาญเข้ามาบริหารจัดการปัญหาช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นราคาสินค้าในตลาด ภาพรวมของคู่แข่งเรา ความรู้สึกของลูกค้าเมื่อราคาสินค้าสูงขึ้น และรับฟังคำแนะแนวต่าง ๆ จากลูกค้า เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาต่ออย่างทันที 

ดังนั้นการมีทีมงานที่เชี่ยวชาญคอยแก้ไขปัญหา และวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ย่อมนำไปสู่การพัฒนาที่ดียิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนที่มีประสิทธิภาพ วิธีปรับราคาที่เหมาะสม รวมถึงสินค้าไหนที่ควรจำหน่ายในเวลาที่เหมาะสม เป็นต้น

 

4.ข้อเสนอสุดพิเศษ

การมีข้อเสนอสุดพิเศษให้แก่ลูกค้า เหมาะสมสำหรับการที่ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนสินค้าในด้านใดเลย ในช่วงเงินเฟ้อพุ่ง แต่ต้องการปรับราคาสินค้าเล็กน้อย ดังนั้นสิ่งที่คุณควรทำคือ สร้างข้อเสนอสุดพิเศษให้ดึงดูดความสนใจจากลูกค้า เช่น จัดส่งฟรีเมื่อลูกค้าซื้อสินค้าในราคาในราคาที่กำหนด 

 

จาก 4 กลยุทธ์ที่เราได้แนะนำไป เป็นเพียงแค่แนวทาง ในช่วงภาวะเงินเฟ้อพุ่ง ต้นทุนสูง เปลี่ยนกลยุทธ์อย่างไร ไม่ให้ลูกค้าหาย เท่านั้น นอกจากมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ที่ดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหามากมายเวลาเงินเฟ้อ การมีระบบจัดการหน้าร้านที่มีประสิทธิภาพกับร้านค้า ก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน 

 

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่มีหน้าร้านและกำลังมองหาแพลตฟอร์มจัดการหน้าร้านที่ตอบโจทย์ทุกการขาย น้องมัลตี้ขอแนะนำ! MultiOne Platform ระบบจัดการหน้าร้านที่จะช่วยให้การขายของคุณเป็นเรื่องง่าย และสะดวก 

สมัครด่วนตอนนี้ ไม่ว่าจะรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ไหน ก็จัดการได้ไม่ยาก 

 

บทความแนะนำ

ระบบจัดการร้านค้ามัลติแบรนด์ และร้านค้ารับฝากขาย

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

 

แพลตฟอร์มระบบจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีก และร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่

การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย 

 

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

 

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne 

Learn More

การถ่ายรูปโปรโมทสินค้า ปัจจัยหลักที่สำคัญคือตัวสินค้าหรือบริการ แต่ถ้าหากคอนเทนต์ไม่ปัง รูปภาพไม่น่าสนใจ ลูกค้าก็อาจจะเมินเราได้ เพื่อให้สามารถดึงดูดผู้บริโภคได้ง่าย โดยใช้เวลารวดเร็ว เห็นปุ๊บ ลูกค้าชอบปั๊บ “การถ่ายรูป” จึงเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญในการโปรโมทสินค้า

ไม่ว่าจะเปิดร้านขายสินค้า ร้านอาหาร เครื่องดื่ม หรือเบเกอร์รี่ สิ่งหนึ่งที่จะดึงดูดลูกค้าได้ตั้งแต่แรกพบคือ “สินค้า” แต่สำหรับการทำการตลาดออนไลน์ เมื่อผู้บริโภคไม่สามารถสัมผัสสินค้าได้จริง รูปถ่ายสินค้าจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยดึงดูดความสนใจจากกลุ่มผู้บริโภค

การมีรูปถ่ายสินค้าที่สวย ดึงดูดและโดดเด่นมากกว่าคู่แข่ง นอกจากจะสร้างความน่าสนใจแล้วยังช่วยเพิ่มโอกาสให้แก่สินค้าของคุณในการที่จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ทั้งจากยอดไลก์ ยอดแชร์ ยอดขาย หรือกระแสที่ได้รับ 

 

ดังนั้น เพื่อไม่ให้คุณต้องพลาดไอเดียดี ๆ วันนี้น้องมัลตี้และทีมงาน MultiOne จะมาแชร์ 7 ไอเดีย การถ่ายรูปโปรโมทสินค้า ให้น่าดึงดูด เพิ่มยอดขายให้ปัง ด้วยเทคนิคง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้

การถ่ายรูป_7 ไอเดียการถ่ายรูปโปรโมทสินค้าให้น่าดึงดูดกว่าคู่แข่ง เพิ่มยอดขายให้ปัง

 

1. เทคนิค การถ่ายรูปโปรโมทสินค้า ด้วยกฎ 3 ส่วน (Rule of Third) และ จุดตัด 9 ช่อง 

เทคนิคกฎ 3 ส่วน และ จุดตัด 9 ช่อง ถือได้ว่าเป็นเทคนิคพื้นฐาน ที่เหมาะกับการสร้างงความสมดุล (balance) ในการจัดองค์ประกอบของรูปถ่าย และยังเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากๆ ในการถ่ายรูปสินค้า วัตถุ องค์ประกอบ หรือแม้กระทั่งบุคคล หากใช้แรกๆ อาจจะรู้สึกแปลกๆ แต่หากใช้ไปจนชินแล้วล่ะก็ จะทำให้การถ่ายภาพของเราค่อยๆ ดีขึ้นอย่างแน่นอน

โดยกฎ 3 ส่วน (Rule of Third) คือการแบ่งรูปภาพออกเป็นสามส่วน โดยสามารถแบ่งได้ทั้งแนวตั้ง และแนวนอน เมื่อเราแบ่งภาพออกเป็นสามส่วน ทั้งแนวตั้งและแนวนอน ภาพของเราจะแบ่งเป็น 3×3 ซึ่งจะได้เป็นช่องจำนวนเก้าช่อง โดยเทคนิคนี้ จะช่วยสร้างความสมดุลให้กับรูปภาพ และช่วยให้สามารถจัดองค์ประกอบของรูปภาพได้ดี ทำให้วัตถุที่เราต้องการจะเน้น มีความโดดเด่นขึ้นหรือเรียกได้ว่าเป็น จุดนำสายตา ของภาพนั่นเอง เพียงแค่จัดวางวัตถุหรือสินค้าให้อยู่บริเวณตำแหน่งจุดตัดในตารางมากที่สุด ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องวางเป๊ะๆ ทุกครั้ง

แต่การถ่ายภาพนั้นก็ต้องมีการจัดตำแหน่งที่ดี เช่น การวางสัดส่วนพื้นที่ ที่ดูมีน้ำหนักมาก หรือสีมืดกว่า กับน้ำหนักเบากว่าหรือสีอ่อนกว่า ในอัตรา 3 ช่อง ต่อ 6 ช่อง เพื่อเพิ่มความสมดุลขององค์ประกอบโดยรวมขึ้นได้อย่างมาก อาจมีการจัดแนวของเส้นตารางกับแนวถ่ายของรูปเพื่อให้เกิดความชัดเจนของจุดสนใจให้ดูลงตัว และไม่ขัดกับองค์ประกอบรอบข้างอีกด้วย

สำหรับมือใหม่ ที่ไม่มีกล้องโปรสำหรับถ่ายรูป รู้หรือไม่ โทรศัพท์มือถือก็สามารถถ่ายรูปโดยใช้ตารางเก้าช่องได้เช่นกัน แถมใช้งานง่าย สะดวกและรวดเร็ว แค่เปิดโหมด Grid Line เพียงแค่นี้ก็สามารถถ่ายรูปสินค้าได้มีประสิทธิภาพ และน่าสนใจขึ้นได้ง่ายๆ แม้จะเป็นมือใหม่ หัดถ่ายก็ตาม

ถ่ายรูปด้วยกฏ3ส่วน_เทคนิคการถ่ายรูป_7 ไอเดียการถ่ายรูปโปรโมทสินค้าให้น่าดึงดูดกว่าคู่แข่ง เพิ่มยอดขายให้ปัง

 

2. การถ่ายรูปโปรโมทสินค้าให้ปัง ควรเลือกใช้แสงให้เป็น

ในการถ่ายรูปสินค้า นอกจากการจัดวางสินค้าที่จะช่วยให้สินค้าเด่นขึ้น การเลือกใช้แสงให้เป็นก็สำคัญ แสงในภาพ มีผลต่อความรู้สึก และความเด่นของสินค้า เทคนิคการเลือกใช้แสง สามารถเลือกใช้ได้ทั้งแสงธรรมชาติ และแสงไฟจากสตูดิโอ โดยการใช้แสงธรรมชาติในแต่ละช่วงเวลา ก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไป การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมจึงสำคัญ หากต้องการโทนรูปภาพสีอุ่น น้องมัลตี้แนะนำให้เลือกใช้แสงธรรมชาติในช่วงเวลาเช้า หรือเย็น เพราะแสงแดดอ่อนๆ จะทำให้รูปถ่ายที่ได้มามีความอบอุ่น และนุ่มนวลกว่าช่วงเวลาอื่น และควรหลีกเลี่ยงแสงในช่วงเที่ยงหรือบ่าย เพราะแสงที่จ้าจนเกินไป อาจทำให้ภาพถ่ายที่ได้มีความแข็งกระด้าง เงาเข้มชัด

แต่สำหรับใครที่ไม่สะดวกใช้แสงธรรมชาติ การถ่ายรูปจากสตูดิโอก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีไม่แพ้กัน เพราะการถ่ายรูปในสตูดิโอ เราสามารถจัดไฟและควบคุมแสงได้ โดยอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ก็มีเยอะมากมายให้เลือกใช้งาน สามารถประยุกต์ได้ตั้งแต่มือใหม่จนมือโปรเชียวล่ะ!

นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของแสงนุ่ม และแสงแข็ง แสงนุ่ม คือ แสงที่มากจากแหล่งกำเนิดขนาดใหญ่ ซึ่งทำให้แสงดูอ่อนนุ่ม อ่อนโยน และมีเงาน้อยลง แสงแข็ง คือ แสงที่มาจากแหล่งกำเนิดแสงที่มีขนาดเล็ก พื้นที่การให้แสงเล็กกว่าขนาดของสินค้า ส่องเข้าสินค้าโดยตรง ทำให้เห็นเงามืดของภาพถ่ายได้ชัดเจน

การจัดแสง_เทคนิคการถ่ายรูป_7 ไอเดียการถ่ายรูปโปรโมทสินค้าให้น่าดึงดูดกว่าคู่แข่ง เพิ่มยอดขายให้ปัง

การเลือกใช้แสง_เทคนิคการถ่ายรูป_7 ไอเดียการถ่ายรูปโปรโมทสินค้าให้น่าดึงดูดกว่าคู่แข่ง เพิ่มยอดขายให้ปัง

 

3. เลือกพื้นหลังของภาพให้ดี ไม่มีจม ไม่มีดร็อป

การจะทำให้สินค้าโดดเด่น พื้นหลังก็สำคัญ การเลือกพื้นหลังให้เหมาะสม และเพิ่มพื้นที่ว่างรอบๆ ให้แก่สินค้า จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม การปล่อยให้รอบๆ สินค้ามีพื้นที่ว่าง จะช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้แก่สินค้า และพื้นที่ว่างโดยรอบจะช่วยให้เกิดจุดพักสายตา ทำให้รูปภาพไม่รกจนเกินไป

จะเห็นได้ชัด เมื่อต้องเพิ่มรายละเอียดหรือข้อความลงบนรูปภาพ หากพื้นหลังของรูปมีรายละเอียดมากจนเกินไป นอกจากสินค้าจะไม่เด่น ข้อความที่เราต้องการจะสื่อก็อาจจะจมไปกับรูปภาพ

และเพื่อความสบายตา การเลือกใช้พื้นหลังสีเรียบ รายละเอียดไม่เยอะจนดูรก มีพื้นที่ว่างโดยรอบเพื่อเพิ่มความเด่นให้กับสินค้า จะช่วยให้ลูกค้าสามารถรับสารที่เราจะสื่อได้อย่างครบถ้วนและชัดเจนขึ้นอีกด้วย

อีกหนึ่งเรื่องสำคัญสำหรับการถ่ายภาพสินค้าก็คือ contrast ที่ใช้ในการแยกสินค้ากับพื้นหลังโดยใช้คู่สีที่เข้ากันได้ลงตัวเช่น แดงกับเขียว  น้ำเงินกับส้ม หรือเหลืองกับม่วง ซึ่งสามารถช่วยเสริมให้ภาพสินค้าออกมาดูดี โดดเด่นได้โดยมีสีที่ตัดกัน

เลือกพื้นหลังของภาพให้ดี_เทคนิคการถ่ายรูป_7 ไอเดียการถ่ายรูปโปรโมทสินค้าให้น่าดึงดูดกว่าคู่แข่ง เพิ่มยอดขายให้ปัง

 

4. ถ่ายรูปให้ชัด ต้องห้ามซูม

ความละเอียดคมชัดของภาพ นอกจากจะทำให้ภาพสินค้าสวย และดูน่าซื้อ ยังช่วยทำให้เราดูเป็นมืออาชีพมากขึ้นอีกด้วย หากต้องการถ่ายภาพในรูปแบบ Close-up หรือภาพถ่ายระยะใกล้ การซูมภาพก่อนถ่ายอาจทำให้ได้คุณภาพของรูปถ่ายที่ได้รับไม่เหมาะสม และรูปภาพที่ได้ก็อาจจะแตกจนมองรายละเอียดไม่ชัดเจน ดังนั้น ถ้าหากต้องการถ่ายรูประยะใกล้ หรือต้องการรายละเอียดบางส่วน การ Crop รูปจึงเป็นเลือกที่ดี นอกจากจะได้รูปภาพตามที่ต้องการ รายละเอียด และความชัดของรูปภาพก็ยังเหมือนเดิมอีกด้วย

อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม คือขนาดของภาพถ่ายสินค้า การเลือกลงภาพที่ขนาดเหมาะสมกับแต่ละช่องทางก็ช่วยให้คุณภาพของรูปไม่ลดลง และมีความเป็นระเบียบ สวยงามมากยิ่งขึ้น

ถ่ายรูปให้ชัด_เทคนิคการถ่ายรูป_7 ไอเดียการถ่ายรูปโปรโมทสินค้าให้น่าดึงดูดกว่าคู่แข่ง เพิ่มยอดขายให้ปัง

 

5. การถ่ายรูปอย่างเดียวไม่พอ ต้องแต่งรูปให้เป็น

ในบางครั้ง การตกแต่งรูป ปรับแต่งโทนสีก็จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจ และสื่อสารออกมาได้อย่างครบถ้วน สมบูรณ์ได้ดีมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง การแต่งรูปภาพ การเพิ่มสีสัน การปรับโทนรูปในรูปแบบต่างๆ เมื่อลงสื่อโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่างๆ อาจช่วยเรื่องการสร้างความสะดุดตาให้แก่สินค้าของคุณเพิ่มขึ้น แต่อย่าแต่งรูปจนไม่ตรงปกล่ะ เพราะอาจทำให้ลูกค้าหรือผู้บริโภคเข้าใจในตัวสินค้าผิดได้ เช่น การแต่งสีเสื้อผ้าจนสีในรูปและสินค้าจริงไม่ตรงกัน อาจเข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภคได้นะ

แต่งรูปให้เป็น_เทคนิคการถ่ายรูป_7 ไอเดียการถ่ายรูปโปรโมทสินค้าให้น่าดึงดูดกว่าคู่แข่ง เพิ่มยอดขายให้ปัง

 

6. ถ่ายให้ครบ เก็บทุกมุม

การนำเสนอภาพถ่ายสินค้าในมุมมองต่างๆ ให้ลูกค้าได้เห็นรายละเอียดที่ชัดเจนก็สำคัญ สินค้าบางอย่าง การถ่ายรายละเอียด ดีเทลเล็กๆ จะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

โดยเฉพาะการขายสินค้าออนไลน์ การนำเสนอสินค้าแค่มุมเดียวอาจไม่เพียงพอ ควรถ่ายสินค้าทั้งด้านหน้า ด้านข้าง ด้านหลังเพื่อให้เห็นรายละเอียดต่างๆ อย่างครบถ้วน การถ่ายรูปสินค้าเดี่ยวๆ ในหลายมุมนี้เอง ทำให้ผู้บริโภคทราบถึงรายละเอียดที่ชัดเจน และเข้าถึงคุณภาพของสินค้าเราได้ดีมากยิ่งขึ้นแม้ไม่ได้สัมผัสสินค้าจริง

ทริคเล็กๆ จากน้องมัลตี้ การถ่ายรูปสินค้าขณะใช้งานจริง ก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เพราะบางครั้ง การถ่ายรูปสินค้าเพียงอย่างเดียว ผู้บริโภคอาจลังเลต่อการใช้งาน และเกิดความไม่มั่นใจต่อสินค้า

ถ่ายภาพสินค้าในมุมมองต่างๆ_เทคนิคการถ่ายรูป_7 ไอเดียการถ่ายรูปโปรโมทสินค้าให้น่าดึงดูดกว่าคู่แข่ง เพิ่มยอดขายให้ปัง

 

7. จัดวางโลโก้บนรูปภาพให้ดี ถูกตำแหน่ง 

มาถึงข้อสุดท้าย การจัดวางโลโก้บนรูปภาพอย่างถูกตำแหน่ง ก็เปรียบเหมือนการสร้างภาพจำให้แก่แบรนด์หรือร้านของคุณ ในทุกครั้งเมื่อลูกค้าหรือผู้บริโภคเห็นรูปภาพของเรา ก็สามารถจดจำได้ในทันที การจะวางโลโก้ให้เหมาะสม ประเด็นที่ควรคำนึงคือ 

  • ความชัดเจนของโลโก้ เมื่อนำไปประกอบในรูปภาพ ต้องสามารถอ่านชื่อหรือรายละเอียดได้อย่างชัดเจน
  • ตำแหน่งของโลโก้ โดยทั่วไป มักวางไว้ที่มุมขวาบนหรือมุมขวาล่าง โดยอ้างอิงจากหลักการอ่านข้อความจากซ้ายไปขวา และบนลงล่างตามลำดับ ทำให้เมื่อคนอ่านชื่อสินค้าหรือรูปสินค้าทางด้านซ้าย และจะมองโลโก้ทางด้านขวาตาม

จัดวางโลโก้ในรูปภาพให้ดี_เทคนิคการถ่ายรูป_7 ไอเดียการถ่ายรูปโปรโมทสินค้าให้น่าดึงดูดกว่าคู่แข่ง เพิ่มยอดขายให้ปัง

 

สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่มีหน้าร้าน และกำลังมองหาแพลตฟอร์มจัดการหน้าร้านที่ตอบโจทย์ทุกการขาย น้องมัลตี้ขอแนะนำ! MultiOne Platform ระบบจัดการหน้าร้านที่จะช่วยให้การขายของคุณเป็นเรื่องง่าย และสะดวก พร้อมยังช่วยโปรโมทร้านค้าของคุณให้ฟรี !! พร้อมหาแบรนด์สินค้าดังจากหลายร้านค้าไปลงฝากขายในร้านค้าของคุณได้เพิ่มอีกหลายประเภทแบบไม่ต้องลงทุนเพิ่มอีกด้วย !?

 

สมัครด่วนตอนนี้ พร้อมรับมือทุกความปัง ไม่ว่าจะการขายแบบไหน ก็เอาอยู่

 

บทความแนะนำ

7 ไอเดีย การสร้าง Creative Content บน Social media ให้หลากหลาย

5 เทคนิค การเลือกใช้สี ในการทำการตลาดยังไงให้ลูกค้าไม่เมิน

 

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

ระบบจัดการร้านค้ามัลติแบรนด์ และร้านค้ารับฝากขาย

แพลตฟอร์มระบบจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีก และร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่

การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย 

 

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

 

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne 

Learn More

ในยุคปัจจุบันของตลาดการค้าขายจะพบว่า การรับฝากขายสินค้า ถือว่าเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตขึ้นมาก ผู้ผลิตหรือแบรนด์นั้นไม่สามารถกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคได้เองเสมอไป แบรนด์จึงจำเป็นจะต้องพึ่งพาร้านที่มีช่องทางการตลาดที่ดี และมีกลุ่มลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสจะซื้อสินค้าของตน จึงทำให้เกิดการฝากขายสินค้าจึงเกิดขึ้นมา 

สมัยนี้แบรนด์สินค้าจำนวนมาก มักจะมาจากการขายทางช่องทางออนไลน์เป็นหลัก แต่การมีหน้าร้านสำหรับวางขายสินค้าเองก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน สังเกตจากพฤติกรรมของลูกค้าส่วนใหญ่มักเลือกตัดสินใจซื้อสินค้าจากการดู สัมผัสและได้ทดลองสินค้าด้วยตัวเอง แถมลูกค้ายังสามารถเดินชอปปิงดูของไปเรื่อย ๆ ได้ ซึ่งย่อมมอบประสบการณ์ในการซื้อของที่ดีกว่าการขายจากออนไลน์เพียงอย่างเดียว แต่การที่แบรนด์จะเปิดหน้าร้านเป็นของตัวเองไม่ใช่เรื่องที่ง่าย การฝากขายสินค้าไปวางขายหน้าร้านจึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์มากสำหรับแบรนด์สินค้าที่อยากมีพื้นที่วางขายสินค้านั่นเอง

แต่เนื่องจากร้านค้าเองก็มีความต้องการสินค้าในการวางขายเช่นกัน การมีสินค้าภายในร้านเพียงไม่กี่ประเภทอาจไม่สามารถดึงดูดลูกค้าได้มากพอ ทำให้รายได้ก็น้อยลงตามไปด้วย การรับฝากขายสินค้าจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ช่วยเพิ่มความหลากหลายกับหน้าร้านของคุณ เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ได้ง่ายมากขึ้นและช่วยเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจของคุณมากกว่าการขายสินค้าเพียงไม่กี่ประเภท

 

 

ประโยชน์ของการรับฝากขายสินค้ามีอะไรบ้าง

การรับฝากขายสินค้า ล้วนแต่มีข้อดีมากมายทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังนั้นสิ่งที่ผู้รับฝากขายจะได้รับไม่ได้มีเพียงแค่ค่า GP เพียงอย่างเดียวแน่นอน จะมีประโยชน์มากแค่ไหนเราจะมายกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆกัน ไปดูกันเลย

 

1.ลดความเสี่ยงจากการขาดทุน

การฝากขายสินค้า ผู้รับฝากขายมีหน้าที่เป็นเพียงตัวแทนจำหน่ายไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์สินค้า ทำให้ลดความเสี่ยงจากการขาดทุนได้ และยังลดค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเสื่อมสภาพสินค้าได้อีกด้วย

 

2.ไม่ต้องเสียเงินลงทุนค่าสต๊อกสินค้า

สินค้ายังเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ฝากขายอยู่ ผู้รับฝากจึงไม่ต้องจ่ายเงินสักบาทเดียวในส่วนของค่าสต๊อก ค่าสินค้าหรือค่าขนส่ง ซึ่งในการฝากขายสินค้า ผู้รับฝากขายมีหน้าที่เป็นเพียงตัวกลางที่คอยช่วยขายสินค้าจากผู้ฝากขายสู่มือลูกค้าเท่านั้น

 

3.ได้รับค่า GP หรือ ค่าตอบแทนจากการรับฝากขายสินค้า 

การฝากขายสินค้าหน้าร้าน ผู้รับฝากขายจะได้ค่าตอบแทนเป็นค่า GP เป็นส่วนแบ่งมาจากการขายสินค้า ค่าตอบแทนในส่วนนี้ ผู้รับฝากขายได้รับจากผู้ฝากขายซึ่งมีหน้าที่เป็นตัวแทนในการขายสินค้าให้กับทางผู้รับฝากขาย โดยค่า GP นั้นจะเป็นไปตามข้อตกลงระหว่าง ผู้ฝากขายกับผู้รับฝากขายสินค้าในตอนแรก

 

4.ค่าตอบแทนจากการเช่าพื้นที่ในการฝากขาย

ผู้ฝากขายจะได้รับค่าเช่าพื้นที่เชลฟ์ซึ่งเป็นค่าเช่าพื้นที่ในร้านโดยการฝากขายแต่ละครั้ง ค่าเช่าพื้นที่ในการฝากขายสินค้า จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะเป็นไปตามข้อตกลงหรือสัญญาระหว่าง ผู้ฝากขายกับผู้รับฝากขายสินค้า 

 

ดังนั้นก่อนจะรับฝากขายสินค้าทั้งทีการทำธุรกิจนั้นจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวล่วงหน้า การฝากขายสินค้าก็เช่นเดียวกัน เพื่อลดปัญหาต่าง ๆ ที่อาจตามมาในภายหลัง เจ้าของกิจการจึงต้องมีการวางแผนที่ดีและรอบคอบก่อน 

“รับฝากขายสินค้า”

 

 

น้องมัลตี้จะมาบอก 5 เคล็ดลับ สิ่งที่ควรเตรียมตัวก่อน การรับฝากขายสินค้า ทั้งทีควรเตรียมอะไรบ้าง ถ้าไม่อยากให้เกิดปัญหายุ่งยาก

 

1.วางคอนเซ็ปต์ของร้านให้น่าสนใจ

สิ่งแรกที่ควรทำก่อนจะเริ่มต้นรับฝากขายสินค้า คือ การคิดวางคอนเซ็ปต์ของร้านค้า การวางคอนเซ็ปต์ของร้านค้า ที่ชัดเจนและน่าสนใจจะทำให้คุณทราบถึงกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน และสามารถเลือกแบรนด์ที่มีสไตล์เหมาะสมกับร้านได้ ในยุคนี้การที่ร้านสร้างคอนเซ็ปต์เป็นของตัวเองให้มีความแตกต่าง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร จะทำให้ง่ายต่อการจดจำและสามารถดึงดูดลูกค้าให้มาสนใจได้ ดังนั้นจึงควรสร้างคอนเซ็ปต์ร้านตั้งแต่สไตล์การตกแต่ง ออกแบบร้าน และการเลือกบรรยากาศให้เหมาะสมกับคอนเซ็ปต์ที่ตั้งไว้ ซึ่งจะช่วยให้ง่ายต่อการวางแผนในขั้นตอนอื่น ๆ อีกด้วย 

 

2.พิจารณาทำเลที่เหมาะสม

การพิจารณาทำเลที่เหมาะสม แน่นอนว่าเป็นที่สำคัญไม่แพ้กัน การเปิดร้านที่ดี ควรมองหาทำเลที่เดินทางสะดวกสบายเข้าถึงง่าย ไม่ยุ่งยากและมีที่จอดรถเพียงพอต่อลูกค้า ที่สำคัญคือต้องพิจารณาทำเลที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายด้วย ตัวอย่างเช่น ร้านค้าประเภทแฟชั่น เน้นเสื้อผ้า everyday look บริเวณสถานศึกษาจะสามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่เป็น นักเรียน นักศึกษาได้มากกว่าแหล่งอื่น ๆ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามร้านควรศึกษาก่อนว่าบริเวณนั้น มีคู่แข่งมาก-น้อย เพียงใด จะช่วยให้เราพิจารณาทำเลที่เหมาะสมก่อนเปิดร้านรับฝากขายสินค้า

 

3.เลือกแบรนด์เพื่อรับฝากขายสินค้า

แน่นอนว่าถ้าไม่อยากให้เกิดปัญหายุ่งยาก เราควรจะเลือกแบรนด์ที่เหมาะสมก่อนรับฝากขายสินค้า การเลือกแบรนด์สินค้าที่จะนำมาวางขายควรคำนึงถึงแบรนด์สินค้าที่มีคอนเซ็ปต์ตรงกับร้านของเรา รวมถึงการเลือกแบรนด์ที่มีประสิทธิภาพและมีความน่าเชื่อถือ มีกำลังการผลิตสินค้าที่เพียงพอ เพราะหากมีจำนวนสินค้าที่น้อยเกินไป อาจทำให้ร้านค้าขาดรายได้ ดังนั้นควรเลือกแบรนด์ที่สินค้ามีคุณภาพได้มาตรฐาน ก่อนเลือกจึงควรเช็คอย่างละเอียดถี่ถ้วนอยู่เสมอ 

 

4.มีแผนการตลาดที่ชัดเจน

ก่อนรับฝากขายสินค้านั้น การที่มีแผนการตลาดที่ชัดเจนและเหมาะสมกับร้านค้าเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เช่นกัน ร้านส่วนใหญ่มักจะทำพลาดในเรื่องการกำหนดกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน และการกำหนดงบประมาณ ซึ่งควรมีการวางแผนล่วงหน้าที่ชัดเจนและกำหนดรูปแบบของสื่อให้เหมาะสม ทำคอนเทนต์แบบไหน เช่น การสร้างคอนเทนต์ให้เกาะกระแสตามเทรนด์อยู่เสมอ  และวางแผนทำโพสต์ประจำ เป็นต้น รวมถึงการจัดโปรโมชั่น แพลตฟอร์มไหนที่ลูกค้าซื้อสินค้ามากที่สุด ดังนั้นต้องมีการจัดสรรงบประมาณด้านต่าง ๆ ให้มีความเหมาะสมในระยะยาว การวางแผนการตลาดจึงควรทำเป็นแผนประจำวัน เดือน หรือปี และกำหนดเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนของแต่ละคอนเทนต์ให้ชัดเจน 

 

5.การวางผังร้านค้าให้น่าสนใจ

การวางแผนผังร้านให้ดึงดูดลูกค้าและน่าสนใจ อาจจะเป็นสิ่งที่เจ้าของกิจการมักจะมองข้ามไปในส่วนนี้ การวางผังร้านที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี จะสามารถเปลี่ยนเป็นจำนวนลูกค้าที่เดินเข้ามาใช้บริการยังร้านได้ ซึ่งแผนผังการออกแบบร้านที่ได้รับความนิยมมาก คือ แผนผังร้านแบบผสมผสาน ร้านค้าสามารถปรับเปลี่ยนผังร้านหลาย ๆ แบบมาผสมผสานกัน เพื่อออกแบบให้มีความเหมาะสมกับร้านค้าของคุณ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องใช้การวางผังแบบเดียวในร้านก็ได้ คุณจะเห็นได้ว่าร้านรับฝากขายสินค้าหลายแห่งจะเน้นการวางผังแบบผสมผสานอยู่หลายร้านเลยทีเดียว 

ก่อนรับฝากขายสินค้า นอกจากการวางผังร้านที่เจ๋งแล้วการจัดเรียงสินค้าก็จำเป็นไม่แพ้กัน การจัดเรียงสินค้าที่ดีต้องคำนึงถึงความสะดวกสบายของลูกค้าในการเลือกซื้อสินค้าแต่ละกลุ่มให้มีความต่อเนื่องกัน เป็นการใช้พื้นที่แต่ละชั้นวางให้เกิดประโยชน์ และสามารถตรวจสอบปริมาณสินค้าคงเหลือได้ง่าย ๆ อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสในการขายให้กับร้านค้า

 

จาก 5 ไอเดียที่เราได้เสนอไป เป็นเพียงแค่แนวทางในการเตรียมตัวก่อนรับฝากขายสินค้าร้านค้าให้พร้อมเท่านั้น นอกจากมีการเตรียมตัวที่ดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากวนใจแล้ว การมีระบบจัดการหน้าร้านที่มีประสิทธิภาพกับร้านค้า ก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน

 

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่มีหน้าร้านและกำลังมองหาแพลตฟอร์มจัดการหน้าร้านที่ตอบโจทย์ทุกการขาย น้องมัลตี้ขอแนะนำ! MultiOne Platform ระบบจัดการหน้าร้านที่จะช่วยให้การขายของคุณเป็นเรื่องง่าย และสะดวก

สมัครด่วนตอนนี้ ไม่ว่าจะรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ไหน ก็จัดการได้ไม่ยาก 

 

บทความแนะนำ

ระบบจัดการร้านค้ามัลติแบรนด์ และร้านค้ารับฝากขายMultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

แพลตฟอร์มระบบจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีก และร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่

การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย 

 

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

 

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่  MultiOne 

Learn More

ในทุกๆ สิ้นปี เมื่อเข้าสู่เดือนธันวาคม เทศกาลที่สำคัญและทุกคนต่างเฝ้ารอก็คงหนีไม่พ้นเทศกาลแห่งความสุขอย่างเทศกาลคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ “ร้านค้า” ต่างก็ปรับตัว จัดร้านค้ารับเทศกาล เพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขนี้ ผู้คนต่างออกมาจับจ่ายใช้สอย ซื้อของตกแต่งบ้าน รับประทานอาหาร เฉลิมฉลองและท่องเที่ยว ดังนั้น เศรษฐกิจในช่วงสิ้นปีจึงมีความคึกคักเป็นอย่างมาก 

สำหรับผู้ประกอบการ การทำธุรกิจจะต้องมีการวางแผนล่วงหน้า การทำการตลาดก็เช่นเดียวกัน การจะดึงดูดลูกค้าในช่วงเทศกาลสิ้นปีจึงมีความจำเป็นที่ต้องเตรียม “ร้านค้า” ให้เหมาะสมและน่าสนใจ 

ยิ่งใกล้สิ้นปีมากเท่าไหร่ ผู้คนยิ่งออกมาจับจ่ายซื้อของ และเฉลิมฉลองมากยิ่งขึ้น ซึ่งในช่วงเวลาดีๆ แบบนี้ ร้านค้าของคุณก็ไม่ควรพลาดโอกาสทองแบบนี้ไปใช่มั้ยล่ะ เพื่อให้เข้ากับเทศกาลแห่งความสุข และดึงดูดลูกค้าให้ร้านของคุณมากขึ้น การสร้างความทรงจำดีๆ ร่วมกับลูกค้าที่มาใช้บริการก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจ ที่นอกจากจะกระตุ้นยอดขายให้ร้านของคุณแล้วยังทำให้ลูกค้าประทับใจร้านของคุณมากขึ้น แต่ต่างร้านค้าก็มีต่างมีสไตล์เป็นของตัวเอง ไปดูกันเลยว่าร้านค้าของคุณจะเหมาะกับวิธีไหนในการ จัดร้านค้ารับเทศกาล ส่งท้ายปี พร้อมต้อนรับปีใหม่นี้

ร้านค้า_เตรียมความพร้อมให้ ร้านค้า รับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

 

บทความนี้ น้องมัลตี้จะมาแชร์ 7 ไอเดีย เตรียมความพร้อม จัดร้านค้ารับเทศกาล ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จะมีไอเดียอะไรดีๆ และเหมาะสมกับร้านของคุณบ้าง มาเช็คกัน

 

  • จัดร้านค้ารับเทศกาล โดยตกแต่งร้านให้เข้ากับธีมของเทศกาล

เมื่อใกล้ถึงช่วงเทศกาล การสร้างบรรยากาศภายในร้านก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ เพื่อให้ลูกค้าสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศสุดพิเศษถึงเทศกาลในช่วงสิ้นปี ร้านค้าหลาย ๆ ร้านจึงมีการตกแต่ง จัดเตรียมร้านค้าเพื่อต้อนรับเทศกาลที่จะถึง ไม่ว่าจะเทศกาลคริสต์มาสหรือเทศกาลส่งท้ายปี โดย Mood & Tone ของเทศกาลในช่วงสิ้นปีมักจะสื่อถึงความสุข การเฉลิมฉลอง ปาร์ตี้ ดังนั้นร้านค้าหลายๆ ร้านจึงมีการตกแต่งด้วยไฟประดับโทนสีอุ่น มีไอเทมสุดฮิตประจำเทศกาลอย่าง ต้นคริสต์มาส ตุ๊กตา ลูกโป่ง ริบบิ้น พู่ประดับ กล่องของขวัญและสติกเกอร์ตกแต่ง การตกแต่งร้านในช่วงเทศกาล คุณอาจจะเริ่มต้นง่าย ๆ จากการตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ เช่น การติดสติกเกอร์บริเวณกระจก หน้าต่างภายในร้านหรือการนำไฟประดับมาติดสร้างบรรยากาศ รวมถึงการทำของตกแต่งน่ารัก กุ๊กกิ๊ก ฉบับ DIY ง่ายๆ ประหยัดงบ แต่ก็ยังคงสามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าของคุณได้

จัดเตรียม ร้านค้า ตกแต่งให้เข้ากับธีมของเทศกาล_ร้านค้า_เตรียมความพร้อมให้ ร้านค้า รับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

  • มีมุมถ่ายรูปปังๆ พร้อมพร็อพสุดเก๋

นอกจากการตกแต่งร้านเพื่อช่วยสร้างบรรยากาศ ร้านค้าจำนวนไม่น้อยมักจะมีมุมถ่ายรูปพร้อมพร็อพสุดปังเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการหรือซื้อสินค้าภายในร้าน นอกจากลูกค้าจะได้รับความทรงจำที่ดี และรูปภาพสวยๆ กลับไป เมื่อลูกค้าโพสต์รูปลงบนสื่อโซเชียล ก็เหมือนเป็นการโปรโมทร้านให้คุณอีกด้วยนะ ไอเดียนี้ก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่น้องมัลตี้อยากแนะนำ สำหรับร้านค้าที่อาจมีพื้นที่ภายในร้านไม่เพียงพอสำหรับการจัดมุมถ่ายรูป หรือมีงบที่จำกัด การมีพร็อพเล็กๆ น้อยๆ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ โดยคุณอาจลงทุนกับพร็อพที่ราคาจับต้องได้ เพื่อใช้ประกอบการโพสต์ ถ่ายรูปเช็คอินภายในร้านนั่นเอง

มีมุมถ่ายรูปปังๆ พร้อมพร็อบสุดเก๋_ร้านค้า_เตรียมความพร้อมให้ ร้านค้า รับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

  • จัดร้านค้ารับเทศกาล โดยทำสินค้าพิเศษที่มีเฉพาะเทศกาลนี้เท่านั้น

สำหรับร้านค้า หน้าร้านหลายๆ ร้าน มักจะมีสินค้าพิเศษหรือเมนูพิเศษประจำเทศกาลนั้นๆ โดยเฉพาะร้านคาเฟ่ เบเกอร์รี่ หรือร้านอาหารที่มักจะไม่พลาดออกเมนูพิเศษประจำเทศกาลออกมา โดนสินค้าหรือเมนูพิเศษอาจเป็นการปรับวัตถุดิบ หรือตกแต่งให้มีความแตกต่าง โดยยังคงคอนเซ็ปต์ตามเทศกาลนั้นๆ ในส่วนของร้านค้าทั่วไปอาจมีสินค้าพิเศษเป็นการจัดเช็ตสินค้า เซ็ตของขวัญ หรือออกคอลเลกชั่นพิเศษตามเทศกาลนั้นๆ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับสินค้าภายในร้านของคุณให้เหมาะกับเทศกาลนั้นๆ ได้

สินค้าพิเศษที่มีเฉพาะเทศกาลนี้เท่านั้น_ร้านค้า_เตรียมความพร้อมให้ ร้านค้า รับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

  • โปรโมชั่นเด็ดๆ ในเทศกาลสุดพิเศษ

ในช่วงเทศกาลสิ้นปี ร้านค้าหลายๆ ร้านมักออกโปรโมชั่นพิเศษเพื่อดึงดูดลูกค้า การนำเสนอโปรดีๆ พร้อมสิทธิพิเศษเพื่อเอาใจลูกค้าก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจ การจัดโปรโมชั่นสำหรับร้านค้าไม่ได้มีแค่ส่วนลดเพียงอย่างเดียว แต่คุณสามารถจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายแบบอื่น ๆ ร่วมได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น ยิ่งซื้อยิ่งลด ซื้อสินค้าเพื่อรับคูปองแทนเงินสด ของแถมสุดพรีเมียม แลกซื้อสินค้าสุดคุ้ม เป็นต้น

โปรโมชั่นเด็ดๆ ในเทศกาลสุดพิเศษ_ร้านค้า_เตรียมความพร้อมให้ ร้านค้า รับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

  • กิจกรรมดีๆ ให้ร่วมสนุก รับเทศกาล

เพื่อต้อนรับเทศกาลสุดพิเศษ การจัดกิจกรรมง่ายๆ ให้ลูกค้าได้ร่วมสนุก และมีส่วนร่วมเพื่อชิงของรางวัลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจับสลาก การสอยดาว การลุ้นชิงโชค หรือเล่นเกมผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ นอกจากจะเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าแล้วยังทำให้ลูกค้าประทับใจร้านค้าของคุณเพิ่มขึ้นอีกด้วย

กิจกรรมดีๆให้ร่วมสนุก_ร้านค้า_เตรียมความพร้อมให้ ร้านค้า รับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

ที่มา Facebook : Moshi Moshi

  • จัดร้านค้ารับเทศกาล ด้วยของขวัญสุดพิเศษ

เทศกาลสุดพิเศษเรามักจะมอบของขวัญให้คนสำคัญ ครอบครัว หรือเพื่อน ๆ ดังนั้น เพื่อเพิ่มความประทับใจให้ลูกค้า การมอบของขวัญสุดพิเศษให้แก่ลูกค้าของคุณก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คุณไม่พลาดเช่นกัน โดยคุณอาจจะมีของขวัญเล็กๆ น้อยๆ หรือของ Handmade ที่แสดงความใส่ใจเพื่อแสดงความขอบคุณแก่ลูกค้าคนพิเศษของคุณ และหากคุณมีลูกค้าประจำหรือ Member การมอบของขวัญปีใหม่ให้แก่ลูกค้าประจำของคุณ เป็นเหมือนการขอบคุณที่ลูกค้าอุดหนุนและสนับสุนร้านของคุณอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสิ่งนี้เองก็เป็นส่วนหนึ่งในการบริหารจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า หรือ Customer Relationship Management (CRM) นั่นเอง

ของขวัญสุดพิเศษ_ร้านค้า_เตรียมความพร้อมให้ ร้านค้า รับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

ที่มา Facebook : Moshi Moshi

  • คำอวยพรแทนคำขอบคุณ

ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปี เรามักจะเห็นข้อความอวยพรตามช่องทาง แพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อส่งมอบความสุขและสร้างความประทับใจให้ลูกค้าของคุณ การมอบการ์ดอวยพร หรือข้อความในการอวยพรลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ บนสื่อโซเชียลมีเดียก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำได้ง่ายและสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าของคุณไม่น้อย 

อีกหนึ่งวิธีที่คุณจะแสดงข้อความขอบคุณหรือคำอวยพรให้แก่ลูกค้าของร้านคุณได้ง่ายๆ โดยคุณสามารถแสดงข้อความอวยพรหรือคำขอบคุณได้บนใบเสร็จรับเงินที่มอบให้แก่ลูกค้าหลังจากชำระเงินผ่านข้อความท้ายใบเสร็จนั่นเอง ขั้นตอนนี้คุณสามารถตั้งค่าได้ง่าย ๆ เพียงแค่ใช้งานร่วมกับระบบ POS ของ MultiOne Platform คุณก็สามารถตั้งค่าข้อความที่จะแสดงท้ายใบเสร็จได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว สะดวกมากๆ เลยใช่มั้ยล่ะ

คำอวยพรแทนคำขอบคุณ_ร้านค้า_เตรียมความพร้อมให้ ร้านค้า รับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

7 ไอเดียที่ได้นำเสนอไป เป็นเพียงแค่แนวทางการเตรียม “ร้านค้า” ให้พร้อมสำหรับเทศกาลสุดพิเศษเพียงเท่านั้น นอกจากการตกแต่งหน้าร้านให้เข้ากับเทศกาล การมีระบบจัดการหน้าร้านดีๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญ

 

สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่มีหน้าร้านและกำลังมองหาแพลตฟอร์มจัดการหน้าร้านที่ตอบโจทย์ทุกการขาย น้องมัลตี้ขอแนะนำ! MultiOne Platform ระบบจัดการหน้าร้านที่จะช่วยให้การขายของคุณเป็นเรื่องง่าย และสะดวก 

สมัครด่วนตอนนี้ พร้อมรับมือทุกความปังก่อนสิ้นปี ไม่ว่าจะเทศกาลไหนๆ ก็เอาอยู่

 

บทความแนะนำ

วิธีมัดใจลูกค้า เปลี่ยนจากขาจร มาเป็นลูกค้าประจำ

7 ไอเดีย การสร้าง Creative Content บน Social media ให้หลากหลาย

ระบบจัดการร้านค้ามัลติแบรนด์ และร้านค้ารับฝากขาย

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

 

แพลตฟอร์มระบบจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีก และร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่

การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย 

 

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

 

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne 

Learn More

ในแง่มุมของการทำธุรกิจนั้น การจะทำให้ธุรกิจร้านค้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่างก็มีวิธีการที่หลากหลายและขั้นตอนที่แตกต่างออกกันไป แต่ปัจจัยอีกอย่างที่เจ้าของร้านจะมองข้ามไม่ได้เลย คือ การจัดการคลังสินค้า ให้มีมาตรฐานนั่นเอง ซึ่งการบริหารจัดการสินค้าคงคลังถือว่าเป็นงานที่ยากมากสำหรับเจ้าของกิจการ เพราะเมื่อธุรกิจเติบโตมากขึ้น จำนวนสินค้าในคลังก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ถ้ามีการจัดการคลังที่ดีแล้ว นอกจากจะจัดระเบียบ ยังช่วยควบคุมให้ทุกอย่างภายในคลังสินค้ามีประสิทธิภาพอีกด้วย  

 

ความหมายของสินค้าคงคลัง (Inventory goods definition)

สินค้าคงคลัง หรือสินค้าคงเหลือ หมายถึง วัสดุหรือสินค้าทั้งหมดที่มีสำรองไว้เพื่อตอบสนองความต้องการในปัจจุบันหรือในอนาคต เพื่อการใช้งาน เพื่อการบริหาร เพื่อการผลิต และเพื่อการจัดจำหน่ายในอนาคต 

สินค้าคงคลังไม่ได้มีแค่เพียงสินค้าสำเร็จรูปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสินค้าคงคลังระหว่างดำเนินการ ​วัตถุดิบ และเครื่องมือคงคลังที่ซื้อมาเก็บไว้เพื่อรอการผลิตสินค้า ดังนั้นจึงควรบริหารจัดการสินค้าคงคลังให้ดี หากสินค้าคงคลังมีจำนวนมากเกินไปหรือน้อยเกินไปย่อมส่งผลกระทบต่อกระบวนการผลิตและธุรกิจ จึงจำเป็นต้องมีวิธีการจัดการสินค้าคงคลังที่เหมาะสมกับธุรกิจเรานั่นเอง

 

การจัดการคลังสินค้า คืออะไร? (Storage Management)

การจัดการคลังสินค้า คือ กระบวนการจัดระเบียบแลควบคุมตั้งแต่การนำสินค้าเข้าคลัง จนถึงการนำออกไปขายหรือบริโภค จัดการทรัพยากรต่างๆ ในคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพ ไว้ใช้ในปัจจุบัน หรือในอนาคตข้างหน้า เพื่อให้การดำเนินการของธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่น ผ่านการวางแผนและกำหนดปริมาณสินค้าคงคลังที่เหมาะสม โดยจะครอบคุมตั้งแต่ การสั่งซื้อและคาดการณ์จำนวนสั่งซื้อสินค้า, การรับสินค้าเข้ามาในคลัง, การจัดการสินค้าคงคลัง, การจัดส่งและติดตามสินค้า, การบำรุงรักษาอุปกรณ์ที่ใช้ในคลัง, การติดตามและพัฒนาประสิทธิภาพของคลังสินค้า, การปรับปรุงตำแหน่งจัดวางสินค้าและการขนย้ายสินค้า และอื่นๆ อีกมากมาย

 

วัตถุประสงค์ของ การจัดการคลังสินค้า (Objective of storage management)

วัตถุประสงค์ของการจัดการคลังสินค้า หลักๆ แล้วก็คือ เพื่อการลดขั้นตอนการทำงานในการเคลื่อนย้ายสินค้าให้มากที่สุด การใช้พื้นที่จัดเก็บภายในคลังสินค้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด การใช้พนักงาน เครื่องมือในการเคลื่อนย้าย และจัดเก็บให้เหมาะสม สอดคล้องกับเนื้องาน รวมทั้งทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับความสะดวกต่อการเคลื่อนย้ายสิ่งต่างๆ ซึ่งส่งผลต่อการวางแผนระยะยาวได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการควบคุมจำนวน การดูแลรักษาสินค้า และอุปกรณ์ ภายในต้นทุนที่จำกัดตามขนาดคลังสินค้าของธุรกิจ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความพึงพอใจในการทำงานต่อผู้ที่เกี่ยวข้องได้อีกด้วย

 

ความสำคัญของการจัดการคลังสินค้า ทำไมถึงต้องมี?

หากร้านค้าของคุณมีการบริหารจัดการคลังสินค้า ที่ได้มาตรฐาน จะทำให้คุณลดต้นทุนและประหยัดเวลาในการทำงานสำหรับการจัดการสินค้าคงคลัง ทราบปริมาณสินค้าคงคลังของแต่ละรายการอย่างรวดเร็วเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ลดการสูญเสียและความเสียหายระหว่างกระบวนการการจัดเก็บสินค้า หากมีการบริหารจัดการคลังสินค้าที่ถูกต้อง การรายงานคลังสินค้า การรายงานกำไรขาดทุนก็จะคิดคำนวณออกมาถูกต้องได้ง่ายอีกด้วย

 

ประโยชน์ของการจัดการคลังสินค้า (Storage management’s benefits)

  • ช่วยประหยัดค่าขนส่งสินค้าทั้งขาเข้าและขาออก
  • ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย หรือต้นทุนแปลผัน (Variable cost)
  • ช่วยป้องกันสินค้าหมดคลังจากการวางแผนล่วงหน้า
  • ช่วยให้บริการลูกค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นขึ้น
  • ช่วยให้มีความพร้อมตอบโต้การเปลี่ยนแปลงของตลาด
  • ช่วยให้ลดขั้นตอนการจัดการโปรโมชั่นสินค้า

 

10 ขั้นตอน การจัดการคลังสินค้าให้มีมาตรฐาน ไม่อยากให้คลังสินค้ามีปัญหาต้องรู้ !!

 


 

การรับสินค้าเข้าสู่สต็อก (Goods Receive and Identify)

ขั้นตอนแรกสำหรับ การจัดการคลังสินค้าให้ได้มาตรฐาน คือ การรับสินค้าเข้าสู่สต็อกซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญมากที่สุดในการจัดการคลัง ซึ่งผู้ประกอบการต้องทำการตรวจสอบว่าได้รับสินค้าที่ถูกต้องหรือไม่ ในจำนวนและเวลาที่ถูกต้องตามจำนวนที่ได้สั่งเข้ามาหรือไม่ สินค้าที่ได้รับมานั้นได้รับความเสียหายภายในหรือจากการขนส่งรึป่าว หากไม่ระมัดระวังในการตรวจสอบ อาจทำให้การนำสินค้าเข้าสู่สต็อกไม่ถูกต้องและเกิดปัญหาตามมาได้ ดังนั้นการรับสินค้าเข้าสต็อกอย่างระมัดระวังจะช่วยคัดกรองสินค้าที่ชำรุด หลีกเลี่ยงปัญหาการสูญเสีย และความเสียหายต่อร้านเมื่อขายของในภายหลังได้

 

 

การจัดเก็บสินค้าสู่สต็อก (Put away)

ขั้นตอนลำดับต่อมาหลังรับสินค้าเข้าสู่สต็อก คือการจัดเก็บสินค้าในสต็อก ซึ่งเป็นกระบวนการที่มักจะถูกมองข้ามใน การบริหารจัดการคลังสินค้า แต่เป็นขั้นตอนที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพใน การจัดการคลังสินค้า ให้ดีขึ้นได้ ซึ่งร้านจะต้องจัดวางสินค้าในคลังแต่ละประเภทให้เหมาะสมกัน

การจะจัดเรียงสินค้าขึ้นชั้นวางในคลังสินค้า แนะนำให้วางสินค้าประเภทเดียวกันบนชั้นเดียวกันเพื่อความสะดวกรวดเร็ว เพื่อประหยัดเวลาในการค้นหา และลดความสับสนเมื่อต้องการสินค้า จะช่วยให้การบริหารจัดการคลังสินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น หากมีพื้นที่ในคลังไม่มากพอ สามารถปรับเปลี่ยนวางสินค้าที่แตกต่างกันในแต่ละชั้นแถวตามความเหมาะสมได้

 


 

การจัดประเภทและจัดเก็บสินค้าในสต็อก (Classify and holding goods)

การรวบรวมสินค้าในสต็อก ถือว่าเป็นขั้นตอนที่มีค่าใช้จ่ายแพงที่สุดในการบริหารจัดการคลังสินค้า ถ้าคุณมีวิธีการปรับให้เหมาะสม จะสามารถลดต้นทุนของร้านค้าได้มาก ลดความสับสนของสินค้าแต่ละประเภทและช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้ ซึ่งหากคุณมีการจัดเก็บสินค้าที่ดี การรวบรวมสินค้า แยกประเภทในการเก็บรักษา และการจัดการกับสินค้าที่เสื่อมสภาพจะทำได้ง่ายขึ้น

 

 ในปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 วิธีในการรวบรวมสินค้า 

  • การรวมสินค้าตามคำสั่ง: ถ้ามีคำสั่งซื้อ พนักงานจะพิมพ์คำสั่งซื้อและส่งต่อกับพนักงานฝ่ายคลังสินค้าเพื่อไปเอาสินค้าในใบสั่งซื้อ ซึ่งเหมาะสำหรับร้านค้าธุรกิจขนาดเล็ก เนื่องจากมีคำสั่งซื้อที่น้อยต่อวัน
  • การรวมสินค้าแบบกลุ่ม: ทำการจัดกลุ่มคำสั่งซื้อหลายรายการเข้าไว้ด้วยกัน จากนั้นจึงส่งออกไฟล์รายการสินค้าที่มีปริมาณ พนักงานจะไปเอาสินค้าตามจำนวน จากนั้นจะแบ่งตามออเดอร์ เหมาะสำหรับธุรกิจร้านค้าที่มีคำสั่งซื้อจำนวนมากเพื่อสามารถทำราบการคำสั่งซื้อจำนวนมากได้พร้อมกัน

 

 

การแพ็คสินค้าและส่งออกสินค้า (Packing and Shipping)

การแพ็คสินค้า ช่วยให้คุณรวบรวมสินค้าในแต่ละคำสั่งซื้อ หลังจากเอาสินค้าและเตรียมจัดส่งให้กับลูกค้า

ขั้นตอนนี้มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งต้องจัดการอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดอย่างการนำส่งสินค้าคืน

 

การแพ็คสินค้าของแต่ละร้านอาจจะมีความแตกต่างกันไปแล้วแต่ความเหมาะสม แต่ข้อสำคัญหลักๆ ที่ห้ามละเลยมีดังนี้

  • ต้องประกันความปลอดภัย และลดความเสียหายของสินค้าระหว่างการขนส่งให้ได้มากที่สุด
  • เลือกปริมาณของกล่องพัสดุเพื่อลดต้นทุนการจัดส่ง

เมื่อคุณแพ็คสินค้าเสร็จสิ้นจะต้องส่งมอบให้กับหน่วยจัดส่ง สินค้าจะถูกบันทึกว่าถูกส่งออกจากสต็อกแล้ว และหักออกจากปริมาณสินค้าคงคลังนั่นเอง

 

 

การส่งสินค้าคืน (Dispatch goods)

แม้ว่าคุณจะแพ็คสินค้าดีแค่ไหน แต่ความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ คือ การส่งสินค้าคืนยังมีโอกาสเกิดขึ้นอยู่เสมอ ลูกค้าสามารถส่งคืนสินค้าอันเนื่องมาจากเหตุผลต่างๆ มากมายที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น สินค้าอาจมีตำหนิ สินค้ามีปัญหาภายใน หรือไม่ตรงกับความคาดหวังของลูกค้า 

 

ขั้นตอนการส่งคืนสินค้าจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อลูกค้าร้องขอการส่งสินค้าคืน หลังจากที่ได้รับคำขอของลูกค้า ใบสั่งส่งคืนจะถูกสร้างขึ้น

แต่มีก็มีข้อควรปฏิบัติของการจัดการคลังสินค้าเมื่อส่งคืนสินค้า

  • ลูกค้าที่ส่งสินค้าคืน ควรปฏิบัติตามข้อกำหนด เงื่อนไขการคืนสินค้าของร้านค้า และระบุสาเหตุให้ชัดเจน ซึ่งเหตุผลเหล่านี้ควรได้รับการบันทึกเป็นเอกสาร เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมเพื่อลดอัตราการคืนสินค้า
  • ยอดขาย และกำไรของสินค้าที่ต้องส่งคืนจะต้องถูกหักออกด้วย จึงควรส่งคืนให้กับร้านค้า

 

 

การตรวจสอบสินค้า (Inventory count)

หนึ่งในขั้นตอนการบริหารจัดการคลังสินค้าที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ คือ การตรวจสอบสินค้า ซึ่งกิจกรรมนี้ไม่ได้ทำเมื่อเกิดการสูญหายของสินค้าถึงจะต้องไปตรวจสอบ หรือเมื่อพบปัญหา เพียงแค่คุณตรวจสอบให้แน่ใจว่าคลังสินค้าได้รับการจัดวางอย่างเป็นระเบียบ เรียบร้อย การตรวจสอบสินค้าคงคลังจะได้ดำเนินไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วด้วยระบบการจัดการคลังสินค้า ด้วยเครื่องสแกนบาร์โค้ด เพียงคุณสแกนบาร์โค้ดบนสินค้าแต่ละอันก็สามารถนับจำนวนจริงในสต็อกได้ง่าย ๆ

 

การจัดทำรายงานสถิติ (Report)

สถิติจะรายงานภาพรวมของคลังสินค้า จะให้ภาพรวมของกระบวนการบริหารจัดการคลังสินค้าแก่คุณทำให้คุณสามารถประเมินได้ว่าควรทำการตลาดแบบไหนจากการดูสถิติ แต่หากคุณเป็นเจ้าของร้านมือใหม่ที่อยากจะบริหารจัดการคลังสินค้าให้มีมาตรฐาน และทำได้ง่ายๆ เรามี MultiOne platform ระบบจัดการร้านค้าช่วยให้การจัดการคลังสินค้าทำได้ง่ายขึ้น

 

นอกจากนี้หากต้องการจัดการคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุดต้องทำยังไงบ้าง?

การจัดการพื้นที่คลังสินค้าให้เป็นระเบียบ

ขั้นแรกต้องเขียนแผนผังของคลังสินค้าให้เหมาะสมจะต้องมีความสมดุลระหว่างสองสิ่งนั่นก็คือขนาดคลังสินค้า และพื้นที่ในการเคลื่อนย้าย โดยจะมีการแบ่งพื้นที่ในการใช้งานตามนี้ก็คือ

  • พื้นที่เคลื่อนย้ายสำหรับการรับสินค้าใหม่เข้ามาในคลัง
  • พื้นที่สำหรับวางเพื่อการตรวจสอบสินค้าที่เข้ามาใหม่
  • สำนักงานสำหรับพนักงานคลังสินค้า
  • พื้นที่สำหรับจัดเก็บสินค้าแต่ละประเภท
  • พื้นที่สำหรับจัดเก็บสินค้าส่วนเกิน, สินค้าค้างสต๊อก, หรือสินค้าหมดอายุ
  • พื้นที่สำหรับเก็บบรรจุภัณฑ์และแพ็คสินค้าเพื่อเตรียมส่ง
  • บริเวณขนส่งสินค้าขาออกสำหรับพนักงานส่งหรือบริษัทขนส่งที่เข้ามารับสินค้า

หากอ่านทั้งหมดแล้วรู้สึกว่าการมีหลายพื้นที่จนยุ่งยาก หลายขั้นตอนในการจัดการโครงสร้างพื้นที่ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลไป เพราะในบางขั้นตอนอาจไม่จำเป็นต่อโครงสร้างบริษัทคุณก็เป็นได้เพียงแต่คุณจัดระเบียบโซนงานที่จำเป็น และเกี่ยวข้องกันไว้ไกล้กัน เป็นระบบระเบียบต่องานต่อไป ทำให้การทำงานราบรื่นขึ้น เป็นประโยชน์ต่อพนักงาน และการดำเนินงานโดยรวมป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาล่วงหน้าให้มีความเหมาะสม ก่อนที่จะดำเนินงานในพื้นที่แล้ว ก็จะทำให้การดำเนินงานภายในคลังสินค้าของคุณมีระเบียบ และสะดวกในการใช้พื้นที่มากขึ้นก็จะส่งผลให้พนักงานที่เกี่ยวข้องเกิดความพึงพอใจในการทำงานมากขึ้นได้

Tips: การจัดพื้นที่คลังสินค้านั้นเรื่องการเคลื่อนย้ายสินค้า และอุปกรณ์ต่างๆ นั้นมีความสำคัญอย่างมาก บริษัทควรคำนึงถึงพื้นที่ว่างระหว่างชั้นวางสินค้า บรรจุภัณฑ์ โต๊ะทำงาน และโซนรับส่งสินค้าให้มีขนาดพอดีต่อการเคลื่อนย้ายหรือหยิบจับในการตรวจเช็คจำนวนสินค้า เพราะจะช่วยลดอุบัติเหตุ และปัญหาอื่นๆ ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้มาก

 

การใช้ป้ายกำกับติดในคลังสินค้า

การตั้งชื่อตำแหน่งต่างๆ ของสต๊อกสินค้าให้มีป้ายกำกับชัดเจนจะทำให้พนักงานตรวจสอบสินค้าผ่านระบบได้ง่ายในกรณีที่มีสินค้าจำนวนมากหลายประเภทผ่านการกำหนดโซนสินค้าในระบบสินค้า

Tips: การกำหนดชื่อป้ายกำกับเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจมักจะใช้ตัวอักษรผสมกับตัวเลขเพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ แบ่งแยก และเรียงโซนสินค้าให้เป็นระเบียบ เช่น กำหนดชื่อชั้นของสต๊อก ชื่อแถว และแต่ละตำแหน่งของแถว

 

การจัดเรียงตำแหน่งสินค้าคงคลัง

จากการวิจัยของธุรกิจอีคอมเมิร์ซส่วนมากพบว่ายอดขายส่วนมากของบริษัทจะมากจากสินค้าที่ขายดีเพียง 20% เท่านั้น ที่จะทำกำไรให้บริษัทได้สูงสุด ซึ่งการจัดวางตำแหน่งสินค้าที่ขายดีรวมไว้ด้วยกันไว้ไกล้กับตำแหน่งแพ็คสินค้านั้น จะทำให้ลดระยะเวลาการดำเนินงานได้อย่างมาก

Tips: การจัดวางตำแหน่งสินค้าคงคลังนั้นหลักๆ แล้วจะแบ่งสินค้าออกได้เป็น 3 ประเภทหลักๆ นั่นก็คือ

  • สินค้าที่มียอดขายจำนวนมาก
  • สินค้ามูลค่าสูง สร้างกำไรได้มาก
  • สินค้าที่ขายได้ไม่มาก และกำไรน้อย

จากการกำหนดประเภทสินค้าแล้วมักจะเลือกนำสินค้าที่มียอดขายสูงสุดไว้ไกล้กับตำแหน่งแพ็คสินค้า และรองลงมาคือสินค้าที่มีมูลค่าสูง สร้างกำไรได้มาก โดยสินค้าที่มีน้ำหนักเบามักจะวางไว้ชั้นบนๆ และสินค้าที่มีน้ำหนักมากวางไว้ชั้นล่างของชั้นวางสินค้า ซึ่งจะเป็นการง่ายต่อการหยิบ และเคลื่อนย้ายสินค้าได้มาก

 

อุปกรณ์ในคลังสินค้าต้องเหมาะสมต่องาน

การจัดการคลังสินค้านั้น อุปกรณ์หลักที่ต้องเลือกให้เหมาะสมนั้นมีหลายอย่างที่ทุกคลังสินค้าควรมีไม่ว่าจะเป็น

  • กล่องใส่สินค้า ส่วนมากมักจะใช้วัสดุเป็นพลาสติกเพื่อน้ำหนักที่ไม่มากจนเกินไป และใส่สินค้าจำนวนหนึ่งได้พอดีเพื่อความสะดวกในการเก็บ หรือเคลื่อนย้ายสินค้า
  • โต๊ะแพ็คสินค้า ที่จะมีความหนาและใหญ่พอเหมาะตามลักษณะของงานแพ็คสินค้า เพื่อให้สามารถทำงานแพ็คสินค้าทุกขั้นตอนได้ในที่เดียว
  • วัสดุที่ใช้แพ็คสินค้า ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับประเภทของสินค้า ไม่ว่าจะเป็นกล่องบรรจุภัณฑ์ พลาสติกกันกระแทก และการเสียดสีของสินค้า รวมไปถึงประเภทของ เทปกาว คัตเตอร์ หรือกรรไกรที่ควรจะมีขนาดที่เหมาะสมกับประเภทของสินค้า
  • คอมพิวเตอร์/เครื่องปริ้น สำหรับอัพเดทจำนวน สถานะของสินค้า และพร้อมทั้งปริ้นเอกสารที่เกี่ยวข้องเช่น ใบคำสั่งซื้อ ใบส่งของ หรือป้ายกำกับต่างๆ
  • เครื่องชั่งสินค้า ที่ใช้ในการชั่งน้ำหนังสินค้าที่นำเข้ามาในคลัง และส่งออกเพื่อคำนวนค่าใช้จ่ายในการส่ง พร้อมบันทึกข้อมูล

แร็คหรือชั้นวางสินค้านั้นก็สำคัญมากเช่นกันที่นอกจากจะต้องแข็งแรงแล้วก็จะต้องเลือกรูปแบบ และขนาดให้เข้ากับรูปแบบของสินค้า แล้วหากมีสินค้าจำนวนมากหรือมีน้ำหนักมากแล้วนั้นก็ควรจะมีพาเรทกับ Hand Lift หรือรถเข็นสินค้า เพื่อให้สะดวกต่อการขนย้ายสินค้าอีกด้วย

 

บทความอ้างอิง

What is Warehouse Management by shipbob.com

จัดการคลังสินค้าอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด by pnsteelproduct.com

การควบคุมคลังสินค้า มีหลักการอย่างไร by prosoftwinspeed.com

 

บทความแนะนำ

 

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

 

แพลตฟอร์มจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีกและร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

 

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่

การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

 

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย 

 

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

 

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

 

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ (https://multioneapp.com/shoppage/

 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ (https://multioneapp.com/brandpage/)

 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne (https://bit.ly/3GwfF4d)

Learn More

โลกยุคสมัยใหม่ส่งผลให้เกิดข้อได้เปรียบหลากหลายอย่างมากที่ส่งผลกระทบกับเรา หนึ่งในจุดที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุด คือความหลากหลายของวิธีซื้อสินค้า อีคอมเมิร์ซได้กลายมาเป็นผู้นำเทรนด์ในกลุ่มผู้ค้าปลีก ซึ่งทำให้การแข่งขันนั้นสูงขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา เจ้าของร้านค้ามักจะหาวิธีใหม่ๆ ในการดึงดูดลูกค้า ซึ่งก็มีร้านค้าจำนวนหนึ่งได้พัฒนามาเป็น ร้านค้าปลีกมัลติแบรนด์ (Multi-brand retail) ทิศทางการพัฒนานี้ได้รับการพิสูจน์แล้วจากหลายร้านค้าว่า ร้านค้ามัลติแบรนด์ นั้นได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถสร้างกำไรและผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจให้แก่หลากหลายร้านค้า

 

วันนี้น้องมัลตี้จะพามาดูทุกสิ่งที่ร้านค้ายุคนี้ควรรู้เกี่ยวกับการขายปลีกหลายแบรนด์และ ร้านค้ามัลติแบรนด์ (Multi-brand store) ซึ่งหากคุณสงสัยว่าร้านค้าสไตล์นี้เหมาะสำหรับคุณหรือไม่ เรามั่นใจเลยว่าคุณจะพบคำตอบจากบทความของเราแน่นอน ไปดูกันเถอะว่าเราจะพูดถึงอะไรบ้างเกี่ยวกับการขายสินค้าหลายแบรนด์ในบทความนี้!

 

ร้านค้ามัลติแบรนด์ คืออะไร ?

ร้านค้ามัลติแบรนด์นั้นความหมายก็ตรงตามชื่อเลย ก็คือร้านที่ขายสินค้ามากกว่าหนึ่งแบรนด์ในร้านเดียว แตกต่างจากการขายปลีกแบรนด์เดียวที่เจ้าของร้านค้าจะเปิดมาเพื่อขายสินค้าจากแบรนด์เดียว แต่ร้านค้ามัลติแบรนด์นั้นมักจะมีสินค้าที่หลากหลายให้ผู้บริโภคเลือกซื้อมากกว่า

 

ตัวอย่างเช่น ห้างสรรพสินค้าหรือเอาท์เล็ทเป็นร้านค้าปลีกมัลติแบรนด์แบบดั้งเดิม เนื่องจากผู้เข้าชมสามารถค้นหาแบรนด์ต่างๆ และเลือกสินค้าที่เหมาะสมได้อย่างง่ายดาย แต่ด้วยเทรนด์มาแรงของตลาดอีคอมเมิร์ซ ผู้ค้าปลีกจำนวนมากมักจะเลือกขายสินค้าแค่จากแบรนด์ตัวเองอย่างเดียว ตัวอย่างเช่น ร้านค้าอย่าง Nike หรือ Zara ที่จะขายแต่สินค้าจากแบรนด์ตัวเองเท่านั้น

 

แต่ก็ยังมีร้านค้าปลีกมัลติแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและหลายคนก็คงรู้จัก เช่น Walmart และ Amazon ซึ่งธุรกิจร้าค้าประเภทนี้ก็ได้ทำให้กระบวนการซื้อสินค้าสำหรับผู้คนนับล้านทั่วโลกนั้นง่ายขึ้น

 

ประเภทของ ร้านค้ามัลติแบรนด์ 

  • ประเภทแรกขึ้นอยู่กับเอกลักษณ์ของแบรนด์: ลูกค้าสามารถแยกแยะความแตกต่างของสินค้าผ่านภาพลักษณ์ของแบรนด์ และการบริการออกได้ว่าเป็นสาขาขององค์กรหลัก และผู้บริโภคสามารถแยกออกได้ง่ายเช่น Grab food, delivery, bike
  • ประเภทที่สองขึ้นอยู่กับชื่อแบรนด์: ลูกค้าจะเรียกชื่อแต่ละแบรนด์ไม่เหมือนกัน แต่การจำหน่ายสินค้าหรือการให้บริการเป็นชนิดเดียวกัน ซึ่งอาจมีการเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต่างกัน และได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเดียวกัน
  • ประเภทสุดท้ายคือแบบไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์: เนื่องจากชื่อและการออกแบบแยกจากกัน เป็นการสร้างบริษัทย่อยหรือแบรนด์สินค้าย่อย ที่ชื่อแบรนด์และประเภทสินค้าต่างกันภายใต้เจ้าของบริษัทเดียวกัน

 

ร้านค้ามัลติแบรนด์ กับประโยชน์มากมายที่คนส่วนมากมักจะไม่รู้

บางคนอาจกล่าวว่าการทำธุรกิจจากผู้ค้าหลายรายจะทำให้คุณต้องพบกับทางตัน เนื่องจากแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถจัดองค์ประกอบทุกอย่างให้เป็นระเบียบเรียบร้อย คนเหล่านี้อาจไม่ได้มองการณ์ไกลมากพอ

 

ความหลากหลายของสินค้ามากขึ้น

ข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดของการขายปลีกมัลติแบรนด์ คือ ผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย ผู้บริโภคสามารถหาตัวเลือกที่เหมาะสมได้ง่าย ทั้งในด้านของคุณภาพและราคา เนื่องจากธุรกิจนำเสนอตัวเลือกที่หลากหลายจากต่างแบรนด์

 

หากนึกไม่ออกลองคิดภาพเจ้าของร้านแฟชั่นที่มีสินค้าครบทุกอย่างทั้ง เสื้อ กางเกง รองเท้า และเครื่องประดับจากหลายแบรนด์ดัง

นี่จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับลูกค้าที่ไม่ยึดติดกับสินค้าแบรนด์เดียว ลูกค้าที่ต้องการทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ

คุณไม่ต้องกังวลว่าสินค้าจะหมด เนื่องจากการเชื่อมต่อระหว่างพาร์ทเนอร์ของคุณ ทำให้แน่ใจได้เลยว่าผู้บริโภคจะพบสินค้าที่พวกเขาชอบได้ตลอดเวลา

 

ด้วยความที่ว่าสินค้ามีหลายประเภท ร้านค้ามัลติแบรนด์ จึงสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็วและทันกับเทรนด์ใหม่ๆ เสมอ ด้วยความหลากหลายของแบรนด์ที่คุณสามารถเลือกเองได้ ร้านของคุณจึงสามารถสร้างความได้เปรียบเหนือกว่าในตลาดและหลายๆ คู่แข่งของคุณได้เพราะลูกค้าจะมีแนวโน้มในการเลือกร้านของคุณเสมอเนื่องจากการอัพเดทที่รวดเร็ว และการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง

 

ทำการโฆษณาเพื่อโปรโมทได้ดีขึ้น

ด้วยแบรนด์สินค้าที่มากกว่าหนึ่งแบรนด์ในร้านค้าของคุณ คุณสามารถรับการสนับสนุนจากพันธมิตรของคุณในด้านการตลาด แทนที่จะโฆษณาด้วยตัวเอง คุณมีแบรนด์อื่นๆ ช่วยโปรโมตร้านค้าของคุณให้กับผู้บริโภคได้มากขึ้น

 

นอกจากนี้ คุณยังมีตัวเลือกเพิ่มเติมเพื่อแสดงจุดแข็งของคุณ เพราะมีพาร์ทเนอร์แบรนด์จำนวนมากที่นับว่าเป็นธุรกิจที่สามารถพึ่งพาได้เลยทีเดียว แล้วความหลากหลายสินค้าของคุณยังเป็นจุดขายหลักที่สามารถทำให้เอาชนะใจลูกค้าได้ เพราะใครหละจะไม่ชอบการประหยัดเวลาไว้สำหรับสิ่งที่จำเป็นต้องทำ

 

ด้วยรูปแบบการโฆษณาที่มากขึ้น คุณสามารถสร้างแผนการตลาดมากมายเพื่อที่จะนำคุณเข้าใกล้ผู้กลุ่มบริโภคเป้าหมายมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มจำนวนการเข้าชมร้านค้าของคุณให้มากขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากหากกลุ่มลูกค้าเห็นโฆษณาจากหลายที่ก็จะทำให้ลูกค้ามีโอกาสจะสนใจร้านค้าคุณมากขึ้นได้

 

การจัดงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ

การร่วมมือกับหลายๆ แบรนด์ นั้นนอกจากจะช่วยเพิ่มเงินหมุนเวียน ประหยัดค่าใช้จ่ายจากการลงทุน แล้วยังสามารถทำให้ประหยัดทรัพยากรจำนวนมากอีกด้วย

เริ่มแรกเลยก็คือ ร้านค้าคุณกำลังช่วยให้เหล่าแบรนด์ที่มาลงฝากขายสินค้าได้มากขึ้น ดังนั้นการจะมีค่าธรรมเนียมในการเช่าวางสินค้าเพื่อขายนั้นจึงเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณดูแลและยกระดับร้านค้าของคุณตามแบรนด์ที่คุณร่วมทำงานอยู่อีกด้วย

นอกจากนั้น ในฐานะร้านค้าปลีกมัลติแบรนด์ คุณไม่จำเป็นต้องสต๊อกสินค้าคงคลังจำนวนมาก เนื่องจากแต่ละแบรนด์ที่ส่งสินค้ามากลงฝากขายก็มักจะมีพื้นที่จัดเก็บของตัวเอง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเช่าสถานที่และจ้างทรัพยากรบุคคลเพิ่มในการจัดการและพัฒนาสินค้าต่างๆ อีกด้วย

 

อะไรคือสิ่งที่ต้องเตรียมเพื่อให้ ร้านค้ามัลติแบรนด์ ประสบความสำเร็จ?

หลังจากที่เข้าใจถึงประโยชน์อันน่าทึ่งของการขายปลีก multi-brand แล้ว ตอนนี้คุณต้องสงสัยว่าจะทำให้วิสัยทัศน์นี้เป็นจริงได้อย่างไร ด้านล่างนี้คือคำแนะนำบางประการเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับธุรกิจใหม่

 

การได้รับอนุญาตจากแบรนด์ที่เป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ

จะเกิดร้านค้ามัลติแบรนด์ขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มีแบรนด์พาร์ทเนอร์ที่ลงฝากขายด้วย ดังนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือติดต่อธุรกิจที่เลือกให้เหมาะกับสไตล์ร้านค้าของคุณ และเสนอให้พวกเขานำสินค้ามาลงฝากขายที่หน้าร้านค้าของตนเอง

 

การขออนุญาตจำเป็นจะต้องชี้แจงกระบวนการต่างๆ และผลกำไรของแต่ละฝ่าย รวมทั้งการสร้างความไว้วางใจและน่าเชื่อถือ หรือาจมีการทำสัญญาการฝากขายสินค้าให้ละเอียดระหว่างแบรนด์สินค้าและร้านค้าเพื่อหลีกเลี่ยงการฉ้อโกง และรับมือกับข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม

สร้างขั้นตอนการทำงานสำหรับการจัดการสั่งซื้อและจัดส่งสินค้า

เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น ควรจัดทำแผนครอบคลุมสำหรับคำสั่งซื้อและการจัดส่งสินค้า ในการขนส่งสินค้าจากหลาย ๆ แบรนด์ การติดตามการทำงานทุกขั้นตอนนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจนนั้นช่วยให้คุณสร้างประสบการณ์ที่ทำให้กลุ่มลูกค้าเกิดความพึงพอใจที่จะมีการส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของรายได้

 

กำหนดราคาสินค้าให้เหมาะสม

การกำหนดราคาเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการกำหนดความสำเร็จของธุรกิจมัลติแบรนด์ หากตั้งราคาไว้สูงเกินไป ลูกค้าที่เข้ามาในร้านค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้าเพียงแค่จากแบรนด์เดียว ดังนั้นจะดีกว่าถ้าเราเตรียมราคาที่เหมาะสมให้เหมาะสมกับทุกแบรนด์สินค้า และรับประกันผลกำไรสำหรับแบรนด์สินค้าพาร์ทเนอร์แต่ละรายในขณะเดียวกัน

 

เลือกแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เหมาะสมกับร้านค้า

ด้วยความเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซ การนำร้านมัลติแบรนด์เข้าสู่ตลาดออนไลน์ จึงเป็นกลยุทธ์ที่หลายเจ้าของกิจการใช้อยู่ในขณะนี้ การสร้างแพลตฟอร์มที่เติบโตได้ น่าเชื่อถือ ปลอดภัย และเป็นมิตรกับกลุ่มลูกค้าจึงเป็นเรื่องจำเป็น คุณจะไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้เลยหากการให้บริการกับลูกค้านั้นยังไม่เสถียร

 

ต้องทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จในการเปิด ร้านค้ามัลติแบรนด์ ?

เราจะมาบอกเทคนิคเพื่อให้คุณประสบความสำเร็จในการเป็นร้านค้ามัลติแบรนด์ ด้วยการเตรียมการอย่างรอบคอบ และการดำเนินธุรกิจอย่างชาญฉลาดนั้น สามารถทำให้ร้านค้าของคุณเพิ่มยอดขายได้สูงกว่าที่คุณคาดไว้อย่างแน่นอน

 

ร้านค้ามัลติแบรนด์ ต้องเข้าใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของสินค้า

เป้าหมายสูงสุดของทุกธุรกิจคือ การทำให้ลูกค้าซื้อมากขึ้นและได้รับกำไรเพิ่มขึ้น ดังนั้น หากคุณไม่เข้าใจลูกค้าของคุณ คุณจะไม่สามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจไหนเลย สำหรับร้านค้ามัลติแบรนด์ ปัญหานี้จะมีความรุนแรงยิ่งขึ้น เพราะหากคุณขายสินค้าหลายประเภท แล้วยังคงไม่ตอบสนองต่อความต้องการของเป้าหมาย คุณจะไปต่อไม่ได้เลย มันเป็นปัญหาใหญ่ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อธุรกิจของคุณอย่างเดียวแต่รวมไปถึงพาร์ทเนอร์ของคุณด้วย

ดังนั้นอย่าลืมศึกษาวิจัยสินค้า และการตลาดก่อนทำการตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ

 

การใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ให้เหมาะสม 

ถึงแม้ว่าคุณจะเลือก platform อันดับ 1 ก็ตาม แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องทำการใช้งานควบคู่ไปกับเครื่องมือที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของคุณควรวางบน clouds ซึ่งเป็นวิธีที่ดีในการรักษาความปลอดภัยและจัดระเบียบข้อมูลของคุณ

 

ร้านค้าปลีกมัลติแบรนด์ไม่ควรละเลยพลังของการขยาย เช่น Mega Menu หรือ Shop By Brand ช่วยให้คุณจัดกลุ่มสินค้าแยกตามแบรนด์ โดยการสร้างหน้าแบรนด์แยกนั้นเพื่อให้ง่ายต่อการจัดการกิจกรรมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์และสินค้าของแบรนด์

 

ทำให้กระบวนการคล่องตัวและได้มาตรฐาน

จากการวิจัยพบว่าจำนวนลูกค้ามากถึง 74% ไม่ซื้อสินค้าเพราะว่า การบริการลูกค้าที่ไม่ดีและกระบวนการซื้อที่ซับซ้อน ในขณะที่เปอร์เซ็นต์เดียวกันตกหลุมรักแบรนด์สินค้าที่ให้บริการดี และการสนับสนุนที่เป็นประโยชน์ ในฐานะที่เป็นร้านค้ามัลติแบรนด์ จึงต้องคอยรักษาคุณภาพการบริการโดยทำให้การใช้งานธุรกิจของคุณดูเป็นเรื่อง่าย

 

การใช้งานเกตเวย์วิธีการการชำระเงินที่ใช้งานง่าย และปลอดภัยจะช่วยให้ลูกค้าเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งที่ร้านค้าของคุณมากขึ้น

 

การตรวจสอบเป็นประจำ

การจัดการสินค้าจากหลายแบรนด์อาจเป็นงานที่เหนื่อย แต่ถึงแบบนั้นก็ควรจะมีการติดตามเป็นประจำ เพื่อใช้รายงานในการหาคำตอบว่า มีสินค้าคงคลังเหลืออยู่เท่าไหร่ หรือ ผลลัพธ์ยอดขายสินค้าของแต่ละแบรนด์ ในเดือนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งควรตรวจสอบการอย่างถี่ถ้วนเสมอ เพราะข้อมูลในส่วนนี้จะมีบทบาทสำคัญเพื่อใช้ในการกำหนดกลยุทธ์ต่างๆ ในอนาคตของร้านค้าได้

 

นอกจากนั้นการตรวจสอบบ่อยๆ ยังช่วยให้คุณอัปเดตและปรับร้านค้าให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ในโลกยุคสมัยใหม่ได้ที่มีการปรับเปลี่ยนได้

 

ข้อสรุป

ร้านค้ามัลติแบรนด์ในปัจจุนั้นเริ่มเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ กลยุทธ์มัลติแบรนด์นั้นใช้ได้ดีในการแก้ไขปัญหาด้านความหลากหลายของสินค้าของร้านค้า และการลดค่าใช้จ่ายกับความเสี่ยงในการลงทุนอีกด้วย คุณสามารถเลือกใช้กลยุทธ์นี้ในการพัฒนาธุรกิจของคุณไปสู่อีกระดับ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของกลุ่มลูกค้า

 

แม้ว่าการจัดการกับหลายแบรนด์สินค้าฝากขายอาจเป็นเรื่องที่เครียด แต่เมื่อคุณเอาก้าผ่านความท้าทายและปัญหาไปได้ แบรนด์ร้านค้าของคุณจะเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง ซึ่งรับประกันเลยว่าค่าตอบแทนนั้นคุ้มค่าในการลงมือทำงานหนักทั้งหมดก่อนหน้านี้ ดังนั้นหากนี่คือทางเลือกที่คุณสนใจ ลองคว้าโอกาสและพัฒนาร้านค้าของคุณไปให้ถึงเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น

 

ร้านค้าจำนวนมากมักเลือกใช้แพลตฟอร์มกลางเพื่อเชื่อมต่อกับหลายช่องทาง ในการลดความซับซ้อนของกระบวนการจัดการของร้านค้าที่ขายหลายช่องทาง ด้วยวิธีนี้ เจ้าของร้านค้าสามารถรวมสินค้าคงคลังเข้ากับช่องทางการขายทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย และตรวจสอบทุกอย่างในที่เดียว

 

บทความแนะนำ

อะไรคือร้านค้า Multi-Brand ?

ธุรกิจฝากขายกับเทรนด์ร้านมัลติแบรนด์

ทำไมถึงต้องฝากขายกับร้านค้า Multi-Brand !?

 

 

ระบบจัดการร้านค้ามัลติแบรนด์ และร้านค้ารับฝากขาย

 

MultiOne Platform เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจคุณ

แพลตฟอร์มจัดการร้านมัลติแบรนด์ ร้านค้าปลีกและร้านค้ารับฝากขายสินค้าจากหลายแบรนด์ ที่จะมาช่วยให้การจัดการร้านค้าสะดวกสบายขึ้น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน ลดความผิดพลาดการจัดการสินค้า เพิ่มรายได้ และประเภทของสินค้าภายในร้าน จากการรับฝากขายสินค้าจากแบรนด์ดังในระบบ

 

แหล่งพบปะของร้านค้าออนไลน์ และออฟไลน์ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คุณขายได้มากขึ้น ผ่านการฝากขายยุคใหม่

การันตีด้วยพาร์ทเนอร์ร้านค้าดัง ขายดีที่ใช้ระบบมากกว่า 30 ร้านค้า และแบรนด์ดังที่ฝากขายผ่านระบบมากกว่า 2,000 แบรนด์

 

ระบบฟังก์ชันหลักสำหรับร้านค้าพาร์ทเนอร์ของ MultiOne ที่ช่วยให้การบริหารจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย 

 

  • ระบบ POS แคชเชียร์และจัดการร้านค้าใช้งานง่าย
  • จัดการสต็อกสินค้า แยกรายแบรนด์ เช็คสะดวก
  • ร้านจัดการส่วนลด โปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลาย
  • ออกบาร์โค้ด เชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องยิงบาร์โค้ด
  • มีระบบการใช้งานสำหรับพนักงาน
  • ออกเอกสารทางบัญชี
  • ระบบ Import Export ข้อมูล
  • จัดการข้อมูลลูกค้า และสินค้า
  • ระบบวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายรายวัน รายเดือน แยกรายแบรนด์
  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่องทางจำหน่าย

 

และเรายังมีฟังก์ชันอีกมากมายสำหรับแบรนด์สินค้าที่มาลงฝากขาย ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้ร้านค้าเจอกับแบรนด์ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนการส่ง เช็ค และจัดการสินค้าฝากขาย ร้านค้าสามารถเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับหน้าร้านของคุณได้ง่าย ๆ ผ่านระบบบนแพลตฟอร์มของเรา

 

สนใจเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ คลิกที่นี่ 

 

สนใจลงฝากขายสินค้า คลิกที่นี่ 

 

หรือ INBOX สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ MultiOne 

 

Learn More